ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ทหารพราน"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
RANGER956 (คุย | ส่วนร่วม)
JBot (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนการแก้ไขที่อาจเป็นการทดลอง หรือก่อกวนด้วยบอต ไม่ควรย้อน? แจ้งที่นี่
บรรทัด 23:
|anniversaries=
}}
               [[ไฟล์:Royal Thai Army soldier on security perimeter 080501-M-2095G-184.JPG|thumb|right|200px|ทหารพรานถือปืน [[เฮคเลอร์แอนด์คอช เอชเค 33|เอชเค 33 เอ 2]]]]
นับตั้งแต่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย   ได้เปิดฉากทำสงครามการเมือง   โดยเปิดเผยตั้งแต่  พ.ศ. ๒๕๐๘ เป็นต้นมา ภัยคุกคามจากคอมมิวนิสต์ได้ทวีความรุนแรงขึ้นตามลำดับและ ได้ขยายอิทธิพลไปทั่วประเทศ  รัฐบาลได้ทุ่มเทใช้กำลังทุกประเภท รวมทั้งกำลังทหารเข้าปราบปราม เป็นระยะเวลา ๑๐ ปีเศษ ก็ไม่สามารถทำลายกองกำลังของฝ่ายผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ลงได้
 
รัฐบาลโดย ทบ. ได้วิเคราะห์แนวทางปฏิบัติในขณะนั้นเป็นการปฏิบัติในลักษณะการทหารนำการเมืองเป็นการนำกำลังรบหลักปราบปรามกำลังจรยุทธ์ซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรประกอบกับในขณะนั้นภัยคุกคามจากภายนอกประเทศทางด้านกัมพูชาพื้นที่รอยต่อ  ทภ.๑ กับ ทภ.๒  มีสถานการณ์ไม่เป็นที่ไว้วางใจ    ทบ.  มีความจำเป็นต้องถอนกำลังรบหลักในการปราบปราบผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ด้านกัมพูชากลับมาฝึกฟื้นฟูเพื่อเตรียมป้องกันประเทศตามแนวชายแดนด้านกัมพูชา ทำให้ขาดแคลนกำลังในการปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในด้านนี้ ทบ.จึงได้จัดทำโครงการหน่วยรบนอกแบบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาข โดยจัดเป็นกำลังกึ่งทหารในลักษณะหน่วยอาสาสมัครพิเศษ  ภายใต้ชื่อรหัสโครงการว่า “โครงการ ๕๑๓” และได้เสนอขออนุมัติจัดตั้งไปยังหน่วยเหนือตามลำดับ โดยสุดท้ายคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้ดำเนินการตามโครงการ ๕๑๓  เมื่อ ๑๘ ก.ค. ๒๑ ซึ่งต่อมาในปี ๒๕๒๖ ทบ.  ได้อนุมัติให้วันที่ ๑๘ ก.ค. เป็นวันสถาปนาหน่วยทหารพราน
 
โครงการ ๕๑๓ เป็นหน่วยรบนอกแบบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เดิมมี ๑๒ ชุดควบคุม  กำลังพล  ๑,๐๐๘ นาย ( กพ.ประจำการ ๔๘  นาย กพ.อส.ทพ. ๙๖๐ นาย )  และเมื่อ ๑๙ ก.ค.๒๒  คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้จัดตั้งเพิ่มอีก ๒๑  ชุดควบคุม รวมเป็น ๓๓  ชุดควบคุม และเปลี่ยนนามหน่วยจากชุดควบคุมมาเป็นกองร้อย จากผลการปฏิบัติของหน่วยทหารพรานนั้นได้ผลเป็นที่น่าพอใจ สามารถลดอิทธิพลของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้เป็นอย่างดี  ทบ. จึงได้จัดตั้งกองร้อยทหารพรานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทุกพื้นที่ โดยให้อยู่ในความควบคุมดูแลของ ศปก. ทบ. หมายเลขต่างๆคือ
 
                              - ศปก.ทบ. ๓๐๙ รับผิดชอบพื้นที่ ทภ.๓ และอีสานตอนบน
 
                              - ศปก.ทบ. ๓๑๑ รับผิดชอบพื้นที่ ภาคใต้
 
                               - ศปก.ทบ. ๓๑๕ รับผิดชอบพื้นที่ ทภ.๑ และอีสานตอนใต้
 
                ในปลายปี ๒๕๒๓ ทบ. อนุมัติให้ ศปก.ทบ.  หมายเลขต่างๆ โอนความรับผิดชอบหน่วยทหารพรานให้กับ  ทภ. ต่างๆ ในเขตพื้นที่โดยเรียกว่า ฉก.อส.ทพ.ทภ. และยังคงกำลังบางส่วนไว้กับ ศปก.ทบ. ๓๑๕ โดยให้อยู่ในความควบคุมของชุดควบคุมและประสานงานโครงการ ๕๑๓  “ชค. ๕๑๓ ค่ายปักธงชัย”
 
ในปี ๒๕๒๔ (๙ มิ.ย. ๒๔) ทบ. ได้อนุมัติให้จัดตั้งหน่วยรับผิดชอบทหารพราน ทบ. ขึ้นเรียกว่า ฉก.อส.ทพ.ทบ. โดยใช้ อฉก.ทพ.ทภ. เป็นแนวทาง มีที่ตั้งหน่วยอยู่ที่ ศปก.ทบ. สวนรื่นฤดี โดยมี จก.ยก.ทบ. เป็นนายทหารโครงการโดยตำแหน่ง เมื่อ  ๘ ก.ค. ๒๕ เปลี่ยนแปลงสายการบังคับบัญชาจากขึ้นตรง ยก.ทบ. มาเป็นหน่วยงานหนึ่งใน ศปก.ทบ.  และเมื่อ  ๑๘ ก.ค.๒๗ ทบ. ได้ออกคำสั่งแก้ไขนามหน่วยของ ฉก.อส.ทพ.ทภ. และ ฉก.อส.ทพ.ทบ. เป็น กกล.ทพ.ทภ. และ กกล.ทพ.ทบ. โดย กกล.ทพ.ทบ. ยังคงตั้งอยู่ใน ศปก.ทบ. สวนรื่นฤดี
 
หน่วยทหารพรานที่จัดตั้ง ตั้งแต่ ปี ๒๕๒๑ – ๒๕๒๖ รวมทั้งสิ้น ๑๙๙ กองร้อย ทพ. ๒๗ กรม ทพ. จำนวนกองร้อย ในแต่ละ ทภ. ดังนี้
 
                               - ทภ.๑              จำนวน   ๒๘      กองร้อย
 
                               - ทภ.๒             จำนวน   ๕๒       กองร้อย
 
                               - ทภ.๓             จำนวน   ๕๓       กองร้อย
 
                                - ทภ.๔             จำนวน   ๓๔       กองร้อย
 
                                - ชค.๕๑๓         จำนวน  ๓๒        กองร้อย
 
                 ๑ ต.ค. ๓๖ ตามแผนพัฒนากองทัพ ปี ๒๕๓๕ – ๒๕๓๙ ทบ. ได้อนุมัติให้ปรับลดกำลังทหารพราน ลง ๕๐ %
 
คงเหลือ ๑๑๑ กองร้อย ทพ. ๑๗ กรม ทพ. และให้ปรับรวมหน่วย กกล.ทพ.ทบ. กับ ชค.๕๑๓ ค่ายปักธงชัย เข้าเป็นหน่วยเดียวกันเรียกว่า กกล.ทพ.ทบ. ค่ายปักธงชัย ปฏิบัติงานตามโครงการ ๕๑๓ ภายใต้การกำกับดูแลของ ศปก.ทบ. ๓๑๕  ตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๓๖
 
                ค่ายปักธงชัยกำเนิดเมื่อ ๑๕ พ.ย. ๒๒ โดย ฯพณฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ขณะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกได้กรุณาตั้งชื่อค่ายและเดินทางมาเปิดด้วยตนเอง ขณะนั้นมีหน่วยงาน ๒ หน่วยงาน คือ ชุดควบคุมและประสานงานโครงการ ๕๑๓  ( ชค.๕๑๓ ) และที่บังคับการทางยุทธวิธีร่วม ๑๒ (ทกย.ร่วม๑๒)
 
ค่ายปักธงชัย เป็นแหล่งผลิตอาสาสมัครทหารพรานโดยตรงของกองทัพบก แรกเริ่มได้ทำการฝึกจัดตั้งอาสาสมัครทหารพรานที่ ค่ายฝึกรบพิเศษที่ ๙ บ.หนองตะกู ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จำนวน ๒๓ กองร้อย หลังจากนั้นค่ายปักธงชัยจึงได้ดำเนินการฝึกจัดตั้งเองโดยตลอด พื้นที่เดิมค่ายปักธงชัยนั้นเป็นสนามยิงปืนใหญ่ของ มทบ.๓ เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อ ๒๓ ก.ค. ๒๒ และสร้างแล้วเสร็จเมื่อ ๑๐ พ.ย. ๒๒ กระทำพิธีเปิดเมื่อ ๑๕ พ.ย. ๒๒  ต่อมาเมื่อ ๓๐ ก.ย. ๔๓ ทบ. ได้อนุมัติให้ กกล.ทพ.ทบ. ค่ายปักธงชัย ปิดการบรรจุหน่วย โดยปรับโอนกำลังพลทั้งหมดให้กับ ทภ. ต่างๆ
 
               [[ไฟล์:Royal Thai Army soldier on security perimeter 080501-M-2095G-184.JPG|thumb|right|200px|ทหารพรานถือปืน [[เฮคเลอร์แอนด์คอช เอชเค 33|เอชเค 33 เอ 2]]]]
 
'''ทหารพราน''' เป็นกำลังทหารราบเบา[[กึ่งทหาร]]ซึ่งลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทยและเป็นส่วนหนึ่งของ[[กองทัพไทย]] ทหารพรานทำงานร่วมกับ[[ตำรวจตระเวนชายแดน]] แต่ถูกฝึกและติดอาวุธให้ทำการรบ ขณะที่ตำรวจตระเวนชายแดนเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายมากกว่า และ[[ทหารพรานนาวิกโยธิน]]ในสังกัดกองทัพเรือนั้น ขึ้นการบังคับบัญชากับกองพลนาวิกโยธิน
เส้น 69 ⟶ 33:
 
== ข้อโต้เถียง ==
ช่วงแรกของการก่อตั้งทหารพรานบางคนเป็นอาชญากรที่ต้องคำพิพากษาแต่ได้มีการผ่อนผันโทษ<ref>According to Jim Morris, an ex-US [[Special Forces]] soldier, “This was a special unit, slapped together quickly by a raid on a Bangkok jail.” [http://books.google.com/books?id=HRTEvsTGTVIC&lpg=PP1&dq=%22The%20Devil%27s%20Secret%20Name%22&pg=PA167#v=snippet&q=Bangkok%20jail%20&f=false Jim Morris, ''The Devil’s Secret Name,'' 1989, p. 309.]</ref> บางส่วนก็สมัครเข้าเป็นทหารพรานเพื่อให้ได้รับพื้นที่ทำกิน<ref>[http://www.globalsecurity.org/military/world/thailand/rangers.htm Thahan Prahan (Royal Thai Rangers)]</ref> ในบางพื้นที่ก็ใช้ทหารพรานทำหน้าที่แทน[[กองอาสารักษาดินแดน]] ซึ่งเป็นกำลังพลเรือนที่ปกป้องประชาชนในท้องถิ่นจากกองโจร<ref>[http://www.country-data.com/cgi-bin/query/r-13813.html Thai Border Patrol Police]</ref> จนถึงปลาย พ.ศ. 2524 ทหารพรานเข้าแทนที่ 80% ของหน่วยทหารปกติในการปฏิบัติภารกิจตามแนวชายแดนพม่า กัมพูชาและมาเลเซีย<ref name="seasite">[http://www.seasite.niu.edu:85/Thai/Islam_in_Thailand/140_southern_thailand___the_problem_with_paramilitaries.pdf "Southern Thailand: The Problem with Paramilitaries," ''Asia Report,'' N°140 23 Oct 2007.]</ref>
นับตั้งแต่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย   ได้เปิดฉากทำสงครามการเมือง   โดยเปิดเผยตั้งแต่  พ.ศ. ๒๕๐๘ เป็นต้นมา ภัยคุกคามจากคอมมิวนิสต์ได้ทวีความรุนแรงขึ้นตามลำดับและ ได้ขยายอิทธิพลไปทั่วประเทศ  รัฐบาลได้ทุ่มเทใช้กำลังทุกประเภท รวมทั้งกำลังทหารเข้าปราบปราม เป็นระยะเวลา ๑๐ ปีเศษ ก็ไม่สามารถทำลายกองกำลังของฝ่ายผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ลงได้
 
รัฐบาลโดย ทบ. ได้วิเคราะห์แนวทางปฏิบัติในขณะนั้นเป็นการปฏิบัติในลักษณะการทหารนำการเมืองเป็นการนำกำลังรบหลักปราบปรามกำลังจรยุทธ์ซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรประกอบกับในขณะนั้นภัยคุกคามจากภายนอกประเทศทางด้านกัมพูชาพื้นที่รอยต่อ  ทภ.๑ กับ ทภ.๒  มีสถานการณ์ไม่เป็นที่ไว้วางใจ    ทบ.  มีความจำเป็นต้องถอนกำลังรบหลักในการปราบปราบผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ด้านกัมพูชากลับมาฝึกฟื้นฟูเพื่อเตรียมป้องกันประเทศตามแนวชายแดนด้านกัมพูชา ทำให้ขาดแคลนกำลังในการปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในด้านนี้ ทบ.จึงได้จัดทำโครงการหน่วยรบนอกแบบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาข โดยจัดเป็นกำลังกึ่งทหารในลักษณะหน่วยอาสาสมัครพิเศษ  ภายใต้ชื่อรหัสโครงการว่า “โครงการ ๕๑๓” และได้เสนอขออนุมัติจัดตั้งไปยังหน่วยเหนือตามลำดับ โดยสุดท้ายคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้ดำเนินการตามโครงการ ๕๑๓  เมื่อ ๑๘ ก.ค. ๒๑ ซึ่งต่อมาในปี ๒๕๒๖ ทบ.  ได้อนุมัติให้วันที่ ๑๘ ก.ค. เป็นวันสถาปนาหน่วยทหารพราน
 
โครงการ ๕๑๓ เป็นหน่วยรบนอกแบบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เดิมมี ๑๒ ชุดควบคุม  กำลังพล  ๑,๐๐๘ นาย ( กพ.ประจำการ ๔๘  นาย กพ.อส.ทพ. ๙๖๐ นาย )  และเมื่อ ๑๙ ก.ค.๒๒  คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้จัดตั้งเพิ่มอีก ๒๑  ชุดควบคุม รวมเป็น ๓๓  ชุดควบคุม และเปลี่ยนนามหน่วยจากชุดควบคุมมาเป็นกองร้อย จากผลการปฏิบัติของหน่วยทหารพรานนั้นได้ผลเป็นที่น่าพอใจ สามารถลดอิทธิพลของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้เป็นอย่างดี  ทบ. จึงได้จัดตั้งกองร้อยทหารพรานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทุกพื้นที่ โดยให้อยู่ในความควบคุมดูแลของ ศปก. ทบ. หมายเลขต่างๆคือ
 
                              - ศปก.ทบ. ๓๐๙ รับผิดชอบพื้นที่ ทภ.๓ และอีสานตอนบน
 
                              - ศปก.ทบ. ๓๑๑ รับผิดชอบพื้นที่ ภาคใต้
 
                               - ศปก.ทบ. ๓๑๕ รับผิดชอบพื้นที่ ทภ.๑ และอีสานตอนใต้
 
                ในปลายปี ๒๕๒๓ ทบ. อนุมัติให้ ศปก.ทบ.  หมายเลขต่างๆ โอนความรับผิดชอบหน่วยทหารพรานให้กับ  ทภ. ต่างๆ ในเขตพื้นที่โดยเรียกว่า ฉก.อส.ทพ.ทภ. และยังคงกำลังบางส่วนไว้กับ ศปก.ทบ. ๓๑๕ โดยให้อยู่ในความควบคุมของชุดควบคุมและประสานงานโครงการ ๕๑๓  “ชค. ๕๑๓ ค่ายปักธงชัย”
 
ในปี ๒๕๒๔ (๙ มิ.ย. ๒๔) ทบ. ได้อนุมัติให้จัดตั้งหน่วยรับผิดชอบทหารพราน ทบ. ขึ้นเรียกว่า ฉก.อส.ทพ.ทบ. โดยใช้ อฉก.ทพ.ทภ. เป็นแนวทาง มีที่ตั้งหน่วยอยู่ที่ ศปก.ทบ. สวนรื่นฤดี โดยมี จก.ยก.ทบ. เป็นนายทหารโครงการโดยตำแหน่ง เมื่อ  ๘ ก.ค. ๒๕ เปลี่ยนแปลงสายการบังคับบัญชาจากขึ้นตรง ยก.ทบ. มาเป็นหน่วยงานหนึ่งใน ศปก.ทบ.  และเมื่อ  ๑๘ ก.ค.๒๗ ทบ. ได้ออกคำสั่งแก้ไขนามหน่วยของ ฉก.อส.ทพ.ทภ. และ ฉก.อส.ทพ.ทบ. เป็น กกล.ทพ.ทภ. และ กกล.ทพ.ทบ. โดย กกล.ทพ.ทบ. ยังคงตั้งอยู่ใน ศปก.ทบ. สวนรื่นฤดี
 
หน่วยทหารพรานที่จัดตั้ง ตั้งแต่ ปี ๒๕๒๑ – ๒๕๒๖ รวมทั้งสิ้น ๑๙๙ กองร้อย ทพ. ๒๗ กรม ทพ. จำนวนกองร้อย ในแต่ละ ทภ. ดังนี้
 
                               - ทภ.๑              จำนวน   ๒๘      กองร้อย
 
                               - ทภ.๒             จำนวน   ๕๒       กองร้อย
 
                               - ทภ.๓             จำนวน   ๕๓       กองร้อย
 
                                - ทภ.๔             จำนวน   ๓๔       กองร้อย
 
                                - ชค.๕๑๓         จำนวน  ๓๒        กองร้อย
 
                 ๑ ต.ค. ๓๖ ตามแผนพัฒนากองทัพ ปี ๒๕๓๕ – ๒๕๓๙ ทบ. ได้อนุมัติให้ปรับลดกำลังทหารพราน ลง ๕๐ %
 
คงเหลือ ๑๑๑ กองร้อย ทพ. ๑๗ กรม ทพ. และให้ปรับรวมหน่วย กกล.ทพ.ทบ. กับ ชค.๕๑๓ ค่ายปักธงชัย เข้าเป็นหน่วยเดียวกันเรียกว่า กกล.ทพ.ทบ. ค่ายปักธงชัย ปฏิบัติงานตามโครงการ ๕๑๓ ภายใต้การกำกับดูแลของ ศปก.ทบ. ๓๑๕  ตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๓๖
 
                ค่ายปักธงชัยกำเนิดเมื่อ ๑๕ พ.ย. ๒๒ โดย ฯพณฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ขณะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกได้กรุณาตั้งชื่อค่ายและเดินทางมาเปิดด้วยตนเอง ขณะนั้นมีหน่วยงาน ๒ หน่วยงาน คือ ชุดควบคุมและประสานงานโครงการ ๕๑๓  ( ชค.๕๑๓ ) และที่บังคับการทางยุทธวิธีร่วม ๑๒ (ทกย.ร่วม๑๒)
 
ค่ายปักธงชัย เป็นแหล่งผลิตอาสาสมัครทหารพรานโดยตรงของกองทัพบก แรกเริ่มได้ทำการฝึกจัดตั้งอาสาสมัครทหารพรานที่ ค่ายฝึกรบพิเศษที่ ๙ บ.หนองตะกู ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จำนวน ๒๓ กองร้อย หลังจากนั้นค่ายปักธงชัยจึงได้ดำเนินการฝึกจัดตั้งเองโดยตลอด พื้นที่เดิมค่ายปักธงชัยนั้นเป็นสนามยิงปืนใหญ่ของ มทบ.๓ เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อ ๒๓ ก.ค. ๒๒ และสร้างแล้วเสร็จเมื่อ ๑๐ พ.ย. ๒๒ กระทำพิธีเปิดเมื่อ ๑๕ พ.ย. ๒๒  ต่อมาเมื่อ ๓๐ ก.ย. ๔๓ ทบ. ได้อนุมัติให้ กกล.ทพ.ทบ. ค่ายปักธงชัย ปิดการบรรจุหน่วย โดยปรับโอนกำลังพลทั้งหมดให้กับ ทภ. ต่างๆ
 
               ......................................................................................................................................................................................................................................
 
 
ช่วงแรกของการก่อตั้งทหารพรานบางคนเป็นอาชญากรที่ต้องคำพิพากษาแต่ได้มีการผ่อนผันโทษ<ref>According to Jim Morris, an ex-US [[Special Forces]] soldier, “This was a special unit, slapped together quickly by a raid on a Bangkok jail.” [http://books.google.com/books?id=HRTEvsTGTVIC&lpg=PP1&dq=%22The%20Devil%27s%20Secret%20Name%22&pg=PA167#v=snippet&q=Bangkok%20jail%20&f=false Jim Morris, ''The Devil’s Secret Name,'' 1989, p. 309.]</ref> บางส่วนก็สมัครเข้าเป็นทหารพรานเพื่อให้ได้รับพื้นที่ทำกิน<ref>[http://www.globalsecurity.org/military/world/thailand/rangers.htm Thahan Prahan (Royal Thai Rangers)]</ref> ในบางพื้นที่ก็ใช้ทหารพรานทำหน้าที่แทน[[กองอาสารักษาดินแดน]] ซึ่งเป็นกำลังพลเรือนที่ปกป้องประชาชนในท้องถิ่นจากกองโจร<ref>[http://www.country-data.com/cgi-bin/query/r-13813.html Thai Border Patrol Police]</ref> จนถึงปลาย พ.ศ. 2524 ทหารพรานเข้าแทนที่ 80% ของหน่วยทหารปกติในการปฏิบัติภารกิจตามแนวชายแดนพม่า กัมพูชาและมาเลเซีย<ref name="seasite">[http://www.seasite.niu.edu:85/Thai/Islam_in_Thailand/140_southern_thailand___the_problem_with_paramilitaries.pdf "Southern Thailand: The Problem with Paramilitaries," ''Asia Report,'' N°140 23 Oct 2007.]</ref>
 
ทหารพรานมีประวัติศาสตร์ที่เจ็บช้ำ โดยเป็นหน่วยที่มักถูกกล่าวหาว่ากระทำการโหดร้าย ใช้อำนาจโดยไม่ถูกต้องและมีส่วนพัวพันกับการค้ายาเสพติด นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าหน่วยทหารพรานมีอันธพาลท้องถิ่นส่วนมาก ซึ่งมักใช้สถานะของตนก่ออาชญากรรมต่อเพื่อนพลเมืองต่อไป มีการปฏิรูปหลายครั้งนับตั้งแต่ พ.ศ. 2523 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคัดเลือกทหารใหม่ ซึ่งเป็นมืออาชีพมากกว่าที่เคยเป็นเมื่อยี่สิบปีก่อน<ref name=seasite/>