ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ย้อนการแก้ไขของไอพี ตามสากล |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 9:
|Link = http://whc.unesco.org/pg.cfm?cid=31&id_site=307
}}
'''อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ''' หรือ '''เทพีเสรีภาพ''' เป็น[[อนุสาวรีย์]]ที่ยิ่งใหญ่ และมีคุณค่าทางจิตใจ ใน[[ภาษาอังกฤษ]] เรียกว่า ''Statue of Liberty'' แต่เดิมชื่อว่า ''Liberty Enlightening the World'' ตั้งอยู่ ณ [[เกาะลิเบอร์ตี]] [[อ่าวนิวยอร์ก]] ที่นคร[[นิวยอร์ก]] ประเทศ[[สหรัฐอเมริกา]] ซึ่งเป็นของขวัญที่ชาว[[ชาวฝรั่งเศส|ฝรั่งเศส]]มอบให้แก่[[ชาวอเมริกัน]] ในวันที่อเมริกาเฉลิมฉลอง[[วันชาติ]]ครบ 100 ปี ณ วันที่
เทพีเสรีภาพ เป็นประติมากรรม[[สำริด|โลหะสำริด]] รูปเทพีห่มเสื้อคลุม มือขวาชูคบเพลิง มือซ้ายถือแผ่นจารึกคำประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ และมีอักษรสลักว่า ''"JULY IV MDCCLXXVI"'' หรือ วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2319 (ค.ศ. 1776) เท้าข้างหนึ่งมีโซ่ที่ขาด แสดงถึงความหลุดพ้นจากการเป็นทาส สวมมงกุฎ 7 แฉกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทะเลทั้งเจ็ด หรือทวีปทั้งเจ็ด ภายในมีบันไดวนรวมทั้งสิ้น 162 ขั้น เกิดขึ้นตามแนวคิดของ[[เอดูอาร์ด เดอ ลาบูลาเย]] นักประวัติศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส เพื่อระลึกถึงความสัมพันธ์ของสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศสระหว่างการปฏิวัติอเมริกัน ออกแบบโดย[[Frédéric Auguste Bartholdi|เฟรเดรีค โอกุสต์ บาร์โทลดี]] โครงร่างเหล็กออกแบบโดย [[เออแชน วียอเลต์-เลอ-ดุค]] และ[[กุสตาฟ ไอเฟล]] ซึ่งเป็นผู้ออกแบบ[[หอไอเฟล]] ในกรุง[[ปารีส]] ส่วนฐานอนุสาวรีย์สร้างโดยสหรัฐอเมริกา จารึกโคลงซอนเนต์ของกวีชาวอเมริกัน [[เอมมา ลาซารัส]] ซึ่งมีเนื้อหาต้อนรับผู้อพยพที่เข้าอยู่มาในอเมริกา
บรรทัด 15:
สาเหตุที่ทำให้ชาวฝรั่งเศสมอบเทพีเสรีภาพให้แก่สหรัฐอเมริกา เพราะพวกเขาชื่นชมชาวอเมริกันที่กล้าหาญลุกขึ้นสู้กับ[[สหราชอาณาจักร]] และประกาศอิสรภาพจากสหราชอาณาจักรสำเร็จจนเป็นชาติเอกราชในที่สุด ชาวฝรั่งเศสจึงรณรงค์หาเงินบริจาคจากทั่วประเทศ
ในการขนส่งจากฝรั่งเศส มายังสหรัฐอเมริกา เนื่องจากความใหญ่โตของอนุสาวรีย์ ทำให้ต้องแยกส่วนแล้วมาประกอบที่อเมริกา มีชิ้นส่วนรวมทั้งหมด 350 ชิ้น และนำมาประกอบขึ้นใหม่โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 4 เดือน แต่ส่วนฐาน พบว่ามีการสร้างเสร็จ ในวันที่
ปี
หลังเหตุ[[วินาศกรรม 11 กันยายน]]ทางการได้สั่งปิดอนุสาวรีย์และเกาะลิเบอร์ตีชั่วคราว เกาะเปิดอีกครั้งในปลายปี พ.ศ. 2544 ในขณะที่ฐานและอนุสาวรีย์ยังคงปิดอยู่ ฐานเปิดขึ้นอีกครั้งในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2547<ref>{{cite web |title=History and Culture |work=Statue of Liberty |publisher=National Park Service |url=http://www.nps.gov/stli/historyculture/index.htm |accessdate=October 20, 2011}}</ref> ในวันที่ 4 กรกฏาคม พ.ศ. 2552 ตัวอนุสาวรีย์ได้เปิดให้สาธารณะชนเข้าชมแต่ได้จำกัดจำนวนผู้ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปถึงส่วนหัวมงกุฎในแต่ละวัน<ref>{{cite news |last=Chan |first=Sewell |authorlink= |date=May 8, 2009 |title=Statue of Liberty's Crown Will Reopen July 4 |work=The New York Times |url=http://cityroom.blogs.nytimes.com/2009/05/08/statue-of-libertys-crown-will-reopen-july-4/ |accessdate=October 20, 2011}}</ref>
บรรทัด 25:
[[ไฟล์:Head of the Statue of Liberty 1885.jpg|thumb|ภาพถ่ายใบหน้าของเทพีเสรีภาพ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 1885]]
โครงการได้เริ่มขึ้นเมื่อ
คณะกรรมการคณะหนึ่งมีนาย [[เอดดูวาด เดอลาบูลาเย]] เป็นประธาน[[ประติมากร]]หนุ่มชื่อ เฟรเดอริก ออกุสเต บาร์ทอลดิ (Frederic Bartholdi) ซึ่งเป็นกรรมการผู้หนึ่งได้เดินทางไปยังสหรัฐฯ เพื่อศึกษาความต้องการในการก่อสร้างอนุสรณ์สถานและบาร์ทอลดิเกิดความคิดที่จะสร้างของขวัญเป็นอนุสรณ์สถานแห่งเสรีภาพขึ้นโดยคณะกรรมการฟรองโกอเมริกันจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ฝ่ายอเมริกันรับผิดชอบส่วนที่เป็นรากฐาน และได้วางแผนจะขอรับบริจาคเงินค่าใช้จ่ายจากเอกชนประมาณสองแสนห้าหมื่นดอลลาร์อเมริกา (คิดเป็นเงินไทยประมาณห้าล้านบาทในขณะนั้น)
บาร์ทอลดิ เริ่มงานก่อสร้างอนุสรณ์สถานแห่งเสรีภาพขึ้นเมื่อ
ในขณะเดียวกัน ฝ่ายอเมริกันก็เริ่มงานสร้างฐานไปพร้อมกันโดยได้เลือกสถานที่ประดิษฐานอนุสาวรีย์นี้ที่[[เกาะเบดโล]] ซึ่งชื่อเกาะนี้ตั้งตามชื่อของเจ้าของดั้งเดิมคือ ไอแซค เบดโล และได้เริ่มงานสร้างรากฐานเมื่อ
ส่วนของอนุสรณ์รูปเทพีได้เดินทางมาถึงนครนิวยอร์กเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2428 (ค.ศ. 1885) โดยจัดเป็นชิ้นๆบรรจุในหีบใหญ่ถึง 214 หีบ เมื่อมาถึงแล้วจึงนำชิ้นส่วนมาต่อกันและติดตั้งเป็นรูปร่างที่บนป้อมเก่า อยู่ทางปลายสุดของเกาะลิเบอร์ตี้ เดิมชื่อเกาะเบดโล รูปปั้นนี้หนัก 254 ตัน ออกแบบเป็นรูปสตรีสวมเสื้อผ้าคลุมร่างตั้งแต่ไหล่ลงมาจรดปลายเท้า ท่วงท่าสง่างาม ศีรษะสวมมงกุฎ มือขวาถือคบเพลิงชูเหนือศีรษะ มือซ้ายถือหนังสือคำประกาศอิสรภาพ ตั้งแต่เวลาเย็นจนถึงกลางคืน ไฟจากคบเพลิงของเทพีเสรีภาพนี้จะเปล่งแสงสว่างผู้ที่ไปเยือนเพียงยืนอยู่ที่ฐานของอนุสรณ์สถานก็จะรู้สึกได้ถึงความใหญ่โตมโหฬารของอนุสาวรีย์แห่งนี้
อนุสาวรีย์มีทางเดินจากป้อมเข้าสู่ส่วนที่เป็นแท่นฐาน และที่ทางเข้ามีแผ่น[[บรอนซ์]]จารึกข้อความเป็นคำประพันธ์ซอนเนท แต่งโดย เอมมา ลาซารัส เมื่อ
เทพีแห่งเสรีภาพนี้สูง 93.3 เมตร (306 ฟุต 8 นิ้ว) นับจากส่วนล่างถึงยอดคบไฟ เฉพาะตัวเทพีสูง 46.4 เมตร (152 ฟุต 2 นิ้ว) แขนขวายาว 12.8 เมตร (42 ฟุต) มือยาว 5.03 เมตร (16 ฟุต 5 นิ้ว) หนังสือในมือซ้ายของเทพีหนา 2 ฟุต ยาว 23 ฟุตครึ่ง จารึกว่า "July 4, 1776" ตรงกับวันที่ 4 กรกฎาคม 2319 อันเป็นวันประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา ที่ปลายเท้าเทพีมีโซ่หักขาด ซึ่งแสดงความหมายของการประกาศอิสรภาพจากการเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักร
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2429 (ค.ศ. 1886) ประธานาธิบดี[[โกรเวอร์ คลีฟแลนด์]] ได้ประกอบพิธีเปิดอนุสรณ์สถานแห่งเสรีภาพ นายบาร์ทอลติ และ เฟอดินัน เดอ เลสเซน ซึ่งเป็นผู้สืบทอดงานจาก นายเอดดูวาร์ด เดอ ลาบูลาเย มาร่วมงานด้วย และในพิธีเปิดครั้งนั้นได้มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นคือ ขณะที่วุฒิสมาชิกกำลังอ่านคำปราศัยได้มีการให้สัญญาณเปิดผ้าคลุมออกก่อนกำหนดเวลา มีการยิงปืนใหญ่ ชาวเรือในอ่าวต่างตะโกนกู่ก้อง และฝูงชนที่มาชุมนุมร่วมพิธีเปิดต่างก็โห่ร้องแสดงความยินดีกันอึงคะนึง ขณะที่ผ้าคลุมเทพีเปิดออกเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าวุฒิสมาชิกยังคงอ่านคำปราศัยต่อไป
== ข้อมูลจำเพาะ ==
|