ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วิลเลียม วอลเลซ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 27:
วอลเลซเกิดเมื่อพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ครองราชย์มาแล้วมากกว่า 20 ปี ซึ่งนับเป็นช่วงแผ่นดินร่มเย็นเป็นสุข หลังจากพระองค์สิ้นพระชนม์จากการตกจากหลังม้าเมื่อ [[พ.ศ. 1829]] เนื่องจากพระองค์ไม่มีพระราชโอรส พระราชนัดดาหญิงอายุเพียง 4 ชันษา เจ้าหญิงมาร์กาเร็ตจึงได้ขึ้นครองราชย์ และมีการตั้งคณะผู้สำเร็จราชการฯ ทำหน้าที่แทน แต่จากความอ่อนแอทางการปกครอง [[พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ]]จึงจัดการให้พระโอรสของพระองค์ทรงหมั้นกับมาร์กาเร็ตโดยหวังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทั้งสองรัฐ แต่มาร์กาเร็ตสิ้นพระชนม์เมื่ออายุเพียง 20 พรรษาระหว่างการเดินทางจากบ้านเกิดที่[[นอร์เวย์]]มาสก็อตแลนด์เมื่อ [[พ.ศ. 1833]] ทันทีที่สิ้นพระชนม์ก็เกิดการอ้างสิทธิ์ในการครองบัลลังก์
 
เมื่อใกล้เข้าสู่ภาวะสงครามเพื่อการแย่งชิงบัลลังก์จากบรรดาเจ้านายฝ่ายต่างๆ ผู้ที่คิดว่ามีสิทธิ์ เจ้านายที่มีเชื้อสายอยู่แถวหน้าๆ จึงไปทูลเชิญกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 1 ให้มาเป็นผู้ไกล่เกลี่ย แต่ก่อนที่จะทำหน้าที่นี้ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดกลับขอให้ทุกฝ่ายที่มีสิทธิ์ได้ยอมรับก่อนว่าพระองค์เป็นเจ้าที่อยู่เหนือสกอตแลนด์ ซึ่งแม้ตอนแรกจะมีการต่อต้านบ้าง แต่ในที่สุดผู้มีสิทธิ์มากสุดสองราย คือ [[จอห์น บาลลิออล]] และ โรเบิร์ต บรูซ ได้ตกลงยอมรับตามนั้น โดยต่อมา[[ศาลสูงศักดินา]] (great fudal court) ได้ตัดสินเมื่อวันที่ [[17 พฤศจิกายน]] [[พ.ศ. 1835]] ให้จอห์น บาลลิออล เป็นผู้มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์ แม้จะดูว่ายุติธรรมและถูกต้องตามกฎหมาย แต่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ด ที่ 1 ก็ได้ใช้อิทธิพลเข้าแทรกแซงทำให้การบริหารประเทศสก็อตแลนด์เป็นไปด้วยความยากลำบาก เป็นเหตุให้ ''พระเจ้าจอห์น บาลลิออล'' ยกเลิกคำมั่น เมื่อเป็นดังนั้น พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดฯ จึงยกทัพเข้าตี เบอร์วิก-อัพออน-ทวีด เมืองชายแดนของสกอตแลนด์และสังหารศัตรูของพระองค์ที่อยู่ที่นั่นจนสิ้น ในเดือนเมษายนฝ่ายสก็อตแลนด์ก็แพ้สงคราม อังกฤษจึงบีบบังคับให้พระเจ้าจอห์น บาลลิออล[[สละราชสมบัติ]] พร้อมทั้งบังคับเจ้านายสก็อต 1,800 คนให้เข้าสวามิภักดิ์และได้กับนำเอา "[[หินแห่งสโคน]]" (Stone of DestinyScone) ซึ่งใช้ในพิธีบรมราชาภิเษกของ[[รายพระนามพระมหากษัตริย์สกอตแลนด์|พระมหากษัตริย์แห่งสก็อตแลนด์]] ไปไว้ที่ลอนดอน
 
== ชีวิตนักรบ ==