ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ปราสาทเคนิลเวิร์ธ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Darkydury (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
 
 
{{กล่องข้อมูล ปราสาท|ชื่อปราสาท=ปราสาทเคนิลเวิร์ธ|ภาพ=Kenilworth Castle gatehouse landscape.jpg|คำบรรยายภาพ=ภาพปราสาทเคนิลเวิร์ธ โดยมองจากสนามทิล์ตยาร์ด|ชื่อภาษาอื่น=Kenilworth Castle|เจ้าของ=เมืองเคนิลเวิร์ธ|ที่ตั้ง=[[วอริคเชอร์]]|ประเทศที่ตั้ง=ประเทศอังกฤษ}}
 
'''ปราสาทเคนิลเวิร์ธ''' ({{Lang-en|Kenilworth Castle}}) เป็นปราสาทซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง[[เคนิลเวิร์ธ]]ใน[[วอริคเชอร์]]มาตั้งแต่[[อังกฤษสมัยแองโกล-แซกซัน|ยุคแซ็กซัน]] โครงสร้างดั้งเดิมของปราสาทน่าจะถูกทำลายไปในช่วงสงครามระหว่าง[[พระเจ้าเอ็ดมันด์ที่ 2 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าเอ็ดมันด์]] กษัตริย์[[ชาวแองโกล-แซกซัน|ชาวแซ็กซัน]] กับ[[พระเจ้าคนุตมหาราช|พระเจ้าคานุต]] กษัตริย์ของ[[ชาวเดนส์]]
 
 
 
== ยุคนอร์มัน ==
 
 
หลัง[[การพิชิตอังกฤษของชาวนอร์มัน]] ปราสาทเคนิลเวิร์ธกลายเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในปี ค.ศ. 1129 [[พระเจ้าเฮนรีที่ 1 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าเฮนรีที่ 1]] ได้พระราชทานปราสาทให้แก่มหาดเล็กประจำพระองค์ซึ่งเป็นขุนนาง[[ชาวนอร์มัน]]นามว่าเจฟฟรีย์ เดอ คลินตัน ซึ่งเป็นทั้งผู้ดูแลคลังและหัวหน้าผู้พิพากษาของอังกฤษในเวลานั้น
 
เส้น 15 ⟶ 9:
 
== ยุคแพลนแพเจเนต ==
 
 
[[ไฟล์:Kenilworth Castle keep, 2008.jpg|left|thumb|หอคอยใหญ่ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงสร้างยุคแรกๆ ที่ยังหลงเหลืออยู่ของปราสาทเคนิลเวิร์ธ]]
ตลอดหลายศตวรรษต่อมาเงินจำนวนมากมายถูกทุ่มให้กับปราสาทเคนิลเวิร์ธเพื่อปรับปรุงแนวป้องกันและเพื่อผสมผสานแนวคิดสมัยใหม่ให้โครงสร้างของปราสาทมีความทันสมัย [[พระเจ้าจอห์นแห่งอังกฤษ|พระเจ้าจอห์น]]ได้ทุ่มเงินมากกว่า 1,000 ปอนด์ ซึ่งในสมัยนั้นถือว่าเป็นเงินก้อนโต ไปกับการสร้างแนวป้องกัน หนึ่งในนั้นคือการสร้างกำแพงรอบนอกขึ้นมาใหม่
 
 
ในปี ค.ศ. 1244 [[พระเจ้าเฮนรีที่ 3 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าเฮนรีที่ 3]] ได้พระราชทานปราสาทให้แก่[[ซีมง เดอ มงฟอร์ เอิร์ลที่ 6 แห่งเลสเตอร์|ซีมง เดอ มงฟอร์]] เอิร์ลแห่งเลสเตอร์ กับ[[เอลิเนอร์แห่งอังกฤษ เคาน์เตสแห่งเลสเตอร์|เอเลนอร์]] ภรรยาซึ่งเป็นพระขนิษฐาของกษัตริย์ ว่ากันว่าเอิร์ลผู้นี้ได้ "เสริมความแข็งแกร่งอันน่าตื่นตาตื่นใจให้แก่ปราสาท และเก็บรักษาเครื่องจักรสงครามมากมายที่จนถึงตอนนั้นยังไม่มีใครในอังกฤษเคยเห็นหรือเคยได้ยิน" เขายังเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่แนวป้องกันน้ำซึ่งทำให้ปราสาทเคนิลเวิร์ธเป็นปราสาทที่ไม่สามารถเอาชนะได้อย่างแท้จริง
 
 
เดอ มงฟอร์ชาวฝรั่งเศสนั้นเป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์ในฐานะหนึ่งในผู้ก่อตั้งระบอบประชาธิปไตยในอังกฤษ รัฐสภาในปี ค.ศ. 1265 ที่เขาก่อตั้งขึ้นได้ให้คำสัญญาว่าจะให้สามัญชนทำหน้าที่บริหารปกครองประเทศ นโยบายดังกล่าวถูกตั้งขึ้นเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่บารอนของประเทศที่ในตอนนั้นกำลังทุกข์ในกับระบบเรียกเก็บภาษีอันขูดเลือดขูดเนื้อของกษัตริย์ เดอ มงฟอร์ได้รับความนิยมอย่างมาก ทว่าเพียงไม่กี่เดือนต่อมาเขาถูกกองทัพของกษัตริย์สังหารในสมรภูมิอีฟแชม
 
 
ซีมง เดอ มงฟอร์ได้กลายเป็นผู้นำการก่อกบฏต่อต้านการข่มเหงทางอำนาจของพระเจ้าเฮนรีที่ 3 ซึ่งมีชื่อว่า "[[สงครามขุนนางครั้งที่สอง|สงครามบารอน]]" ในฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1266 กลุ่มบารอนซึ่งหนึ่งในนั้นคือบุตรชายของซีมงที่ขณะนั้นอยู่ภายใต้การนำของเฮนรี เดอ เฮสติงส์ ใช้ปราสาทเป็นที่ลี้ภัยเมื่อครั้งที่กษัตริย์ปิดล้อมเคนิลเวิร์ธ
 
 
การปิดล้อมดังกล่าวเป็นการปิดล้อมที่กินเวลายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ ปราสาทเป็นป้อมปราการชั้นดีที่ทำให้กลุ่มกบฏต้านทางกองทหารของกษัตริย์ไว้ได้นานถึงหกเดือน ตัวปราสาทได้พิสูจน์ให้เห็นว่ามีความน่าเกรงขามมากพอ ทะเลสาปที่มีขนาดใหญ่จนแทบจะโอบล้อมปราสาทได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นแนวป้องกันที่สำคัญมาก เรือท้องแบนถูกนำมาจากเชสเตอร์ซึ่งอยู่ห่างไกลเพื่อใช้ทำลายแนวป้องกันน้ำ
 
ตัวอย่างแรกๆ ของการทำสงครามทางจิตวิทยาเกิดขึ้นเมื่ออาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์บรีถูกนำตัวมาที่หน้ากำแพงปราสาทเพื่อตัดกลุ่มกบฏออกจากศาสนา หนึ่งในผู้ป้องกันซึ่งยืนอยู่ตรง[[เชิงเทิน]]ของปราสาทสวมเสื้อคลุมของนักบวชและเอาคืนด้วยการตัดทั้งกษัตริย์และอาร์ชบิชอปออกจากศาสนาเช่นกัน หลังการปิดล้อมหกเดือนกลุ่มบารอนที่ประสบกับทั้งโรคภัยไข้เจ็บและความอดอยากก็ยอมจำนนในที่สุด
 
ตัวอย่างแรกๆ ของการทำสงครามทางจิตวิทยาเกิดขึ้นเมื่ออาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์บรีถูกนำตัวมาที่หน้ากำแพงปราสาทเพื่อตัดกลุ่มกบฏออกจากศาสนา หนึ่งในผู้ป้องกันซึ่งยืนอยู่ตรง[[เชิงเทิน]]ของปราสาทสวมเสื้อคลุมของนักบวชและเอาคืนด้วยการตัดทั้งกษัตริย์และอาร์ชบิชอปออกจากศาสนาเช่นกัน หลังการปิดล้อมหกเดือนกลุ่มบารอนที่ประสบกับทั้งโรคภัยไข้เจ็บและความอดอยากก็ยอมจำนนในที่สุด
<br />
[[ไฟล์:Kenilworth castle keep and great hall.jpg|thumb|หอคอยใหญ่ (ซ้ายมือ) กับโถงใหญ่ของจอห์นแห่งกอนท์ (ขวามือ)]]หลังการยอมจำนนพระเจ้าเฮนรีที่ 3 ได้พระราชทานปราสาทให้แก่[[เอ็ดมุนด์หลังกางเขน เอิร์ลที่ 1 แห่งแลงคาสเตอร์|เอ็ดมันด์]] เอิร์ลแห่งแลงคัสเตอร์ผู้เป็นพระโอรสคนเล็ก นับตั้งแต่นั้นเป็นเวลาเกือบสองศตวรรษที่เคนิลเวิร์ธอยู่ภายใต้การครอบครองของเอิร์ลแห่งแลงคัสเตอร์ ในปี ค.ศ. 1361 ปราสาทตกเป็นของ[[จอห์นแห่งกอนต์ ดยุกที่ 1 แห่งแลงแคสเตอร์|จอห์นแห่งกอนท์]] พระราชโอรสคนที่สี่ของ[[พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3]] ผู้สืบทอดตำแหน่งและทรัพย์สินที่ดินของดยุคแห่งแลงคัสเตอร์
 
 
ในช่วง ค.ศ. 1373 ถึง ค.ศ. 1380 จอห์นแห่งกอนท์ได้พัฒนาและขยายส่วนของคนรับใช้ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น รวมถึงโถงใหญ่ เคนิลเวิร์ธกลายเป็นปราสาทซึ่งไม่ใช่ที่พำนักของกษัตริย์ที่โดดเด่นสะดุดตาที่สุดในยุคนั้น และได้รับอิทธิพลหลักๆ มาจากที่พำนักใหม่ของพระราชบิดาของพระองค์ใน[[พระราชวังวินด์เซอร์|วินด์เซอร์]] อันเป็นสิ่งปลูกสร้างที่หรูหราตระการตาที่สุดที่กษัตริย์อังกฤษเคยสร้างขึ้นมา
 
เมื่อบุตรชายของจอห์นแห่งกอนท์ขึ้นเป็น[[พระเจ้าเฮนรีที่ 4 แห่งอังกฤษ]] เคนิลเวิร์ธกลับมาเป็นปราสาทของกษัตริย์อีกครั้งและเป็นที่โปรดปรานของ[[พระเจ้าเฮนรีที่ 5 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าเฮนรีที่ 5]], [[พระเจ้าเฮนรีที่ 6 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าเฮนรีที่ 6]] และ[[พระเจ้าเฮนรีที่ 7 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าเฮนรีที่ 7]] [[พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าเฮนรีที่ 8]] ได้เลือกเคนิลเวิร์ธเป็นหนึ่งในปราสาทเก่าจากบรรพบุรุษของราชอาณาจักรที่พระองค์ต้องการรักษาไว้ไม่ว่าจะใช้เงินเท่าใดก็ตาม
 
เมื่อบุตรชายของจอห์นแห่งกอนท์ขึ้นเป็น[[พระเจ้าเฮนรีที่ 4 แห่งอังกฤษ]] เคนิลเวิร์ธกลับมาเป็นปราสาทของกษัตริย์อีกครั้งและเป็นที่โปรดปรานของ[[พระเจ้าเฮนรีที่ 5 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าเฮนรีที่ 5]], [[พระเจ้าเฮนรีที่ 6 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าเฮนรีที่ 6]] และ[[พระเจ้าเฮนรีที่ 7 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าเฮนรีที่ 7]] [[พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าเฮนรีที่ 8]] ได้เลือกเคนิลเวิร์ธเป็นหนึ่งในปราสาทเก่าจากบรรพบุรุษของราชอาณาจักรที่พระองค์ต้องการรักษาไว้ไม่ว่าจะใช้เงินเท่าใดก็ตาม
<br />
== ยุคทิวดอร์ ==
 
[[ไฟล์:Model of Kenilworth Castle in 1575-80 trimmed.jpg|thumb|หน้าตาของปราสาทเคนิลเวิร์ธในปี ค.ศ. 1575]]
 
เส้น 50 ⟶ 34:
 
[[ไฟล์:Kenilworth Castle4.jpg|left|thumb|เรือนเฝ้าประตูซึ่งสร้างโดยโรเบิร์ต ดัดลีย์]]
 
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 มาเยือนโรเบิร์ต ดัดลีย์ที่ปราสาทเคนิลเวิร์ธในปี ค.ศ. 1566 และอีกครั้งในปี ค.ศ. 1568 ทว่าในการมาพักครั้งสุดท้ายของพระองค์ในปี ค.ศ. 1575 มีผู้ติดตามจำนวนหลายร้อยได้สร้างประวัติกาล ในเดือนกรกฎาคมมีการใช้เงินอย่างไม่อั้นไปกับการมาเยือนเป็นเวลา 19 วัน ว่ากันว่าดัดลีย์ต้องใช้เงินมากถึง 1,000 ปอนด์ต่อวันจนเขาเกือบล้มละลาย
 
เส้น 56 ⟶ 39:
 
== ยุคใหม่ ==
<br />
[[ไฟล์:Kenilworth Castle During Floods.jpg|thumb|ภาพมุมกว้างของปราสาทเคนิลเวิร์ธในช่วงที่น้ำหลาก (พฤศจิกายน ค.ศ. 2012)]]ในช่วง[[สงครามกลางเมืองอังกฤษ]] ปราสาทเคนิลเวิร์ธเป็นป้องปราการสำคัญของฝ่ายสนับสนุนเจ้า แต่สุดท้ายก็ถูกรื้อออกบางส่วนจนเกือบไม่เหลือซากโดยกองทหารฝ่ายรัฐสภา
 
 
หลังกอบกู้ราชบัลลังก์กลับคืนมาได้ในปี ค.ศ. 1660 ปราสาทถูกพระราชทานให้แก่[[ลอเรนซ์ ไฮด์ เอิร์ลที่ 1 แห่งโรเชสเตอร์|ลอเรนซ์ ไฮด์]] เอิร์ลแห่งโรเชสเตอร์ในปี ค.ศ. 1665 และหลุดพ้นจากการครอบครองของกษัตริย์
 
ในปี ค.ศ. 1958 เนื่องในวโรกาสครบรอบการครองบัลลังก์ปีที่ 400 ของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 1 [[องค์การอนุรักษ์แห่งอังกฤษ]]ได้เข้าตรวจสอบซากปรักหักพังตั้งแต่ปี ค.ศ. 1984 และทุ่มเงินจำนวนหลายล้านปอนด์เพื่อบูรณะปราสาทและพื้นดินขึ้นมาใหม่
 
ในปี ค.ศ. 1958 เนื่องในวโรกาสครบรอบการครองบัลลังก์ปีที่ 400 ของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 1 [[องค์การอนุรักษ์แห่งอังกฤษ]]ได้เข้าตรวจสอบซากปรักหักพังตั้งแต่ปี ค.ศ. 1984 และทุ่มเงินจำนวนหลายล้านปอนด์เพื่อบูรณะปราสาทและพื้นดินขึ้นมาใหม่
<br />
== อ้างอิง ==
 
* [https://www.historic-uk.com/HistoryMagazine/DestinationsUK/Kenilworth-Castle/ Kenilworth Castle: Historic UK]
* [[Kenilworth Castle: Royal Palaces]]