ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จารึกพ่อขุนรามคำแหง"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
...
Wim b (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนการแก้ไขของ 124.121.201.180 (พูดคุย) ไปยังรุ่นก่อนหน้าโดย Mda
ป้ายระบุ: ย้อนรวดเดียว
บรรทัด 1:
[[ไฟล์:Inscription_Stele_of_King_Ramkamhaeng_the_Great._Bangkok_National_Museum_b072.jpg|250px|thumb|right|จารึกหลักที่ 1 (จารึกพ่อขุนรามคำแหง)]]
[[ไฟล์:Pierre gravée écriture Thai.JPG|thumb|right|250px|ลักษณะของตัวอักษรไทยที่ใช้ในจารึกหลักที่ 1]]อยากใส่เดี่ยวว่ะ
'''จารึกพ่อขุนรามคำแหง'''<ref name="sac"/> หรือ '''จารึกหลักที่ 1'''<ref name="sac"/> เป็น[[ศิลาจารึก]]ที่[[บันทึกเหตุการณ์]][[ประวัติศาสตร์]]สมัย[[กรุงสุโขทัย]] ศิลาจารึกนี้ เจ้าฟ้ามงกุฎฯ (ต่อมาคือ [[พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]]) ขณะผนวชอยู่เป็นผู้ทรงค้นพบเมื่อวันกาบสี ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 จ.ศ. 1214 ตรงกับ วันศุกร์ที่ 17 มกราคม ค.ศ.1834 หรือ พ.ศ. 2376<ref>{{cite web|title=17 มกราคม วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช|url=http://www.info.ru.ac.th/province/sukhotai/pday.htm|publisher=มหาวิทยาลัยรามคำแหง|accessdate=17 มกราคม 2555}}</ref> ณ เนินปราสาทเมืองเก่าสุโขทัย [[อำเภอเมืองสุโขทัย|อำเภอเมือง]] [[จังหวัดสุโขทัย]] มีลักษณะเป็นหลักสี่เหลี่ยมด้านเท่า ทรงกระโจม สูง 111 ซม. หนา 35 ซม. เป็นหินทรายแป้งเนื้อละเอียด<ref name="sac"/>มีจารึกทั้งสี่ด้าน ปัจจุบันเก็บอยู่ที่[[พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร]] [[กรุงเทพมหานคร]]
 
เนื้อหาของจารึกแบ่งได้เป็นสามตอน ตอนที่หนึ่ง บรรทัดที่ 1 ถึง 18 เป็นการเล่าพระราชประวัติ[[พ่อขุนรามคำแหงมหาราช]]ตั้งแต่ประสูติจนเสวยราชย์ ใช้คำว่า "กู" เป็นหลัก ตอนที่ 2 ไม่ใช้คำว่า "กู" แต่ใช้ว่า "พ่อขุนรามคำแหง" เล่าถึงเหตุการณ์และธรรมเนียมในกรุงสุโขทัย และตอนที่สาม ตั้งแต่ด้านที่ 4 บรรทัดที่ 12 ถึงบรรทัดสุดท้าย มีตัวหนังสือต่างจากตอนที่ 1 และ 2 จึงน่าจะจารึกขึ้นภายหลัง เป็นการสรรเสริญและยอพระเกียรติพ่อขุนรามคำแหง และกล่าวถึงอาณาเขตราชอาณาจักรสุโขทัย<ref name="sac">[http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_detail.php?id=47 จารึกพ่อขุนรามคำแหง]. ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน). สืบค้น 10 เมษายน 2557.</ref>
 
จารึกได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น[[มรดกความทรงจำแห่งโลก]]เมื่อปี พ.ศ. 2546<ref name="unesco">[http://www.unesco.org/new/en/communication-and-information/flagship-project-activities/memory-of-the-world/register/full-list-of-registered-heritage/registered-heritage-page-8/the-king-ram-khamhaeng-inscription/ The King Ram Khamhaeng Inscription]. UNESCO</ref> โดย[[ยูเนสโก]]บรรยายว่า "[จารึกนี้] นับเป็นมรดกเอกสารชิ้นหลักซึ่งมีความสำคัญระดับโลก เพราะให้ข้อมูลอันทรงค่าว่าด้วยแก่นหลักหลายประการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโลก ไม่เพียงแต่บันทึกการประดิษฐ์อักษรไทยซึ่งเป็นรากฐานแห่งอักษรที่ผู้คนหกสิบล้านคนใช้อยู่ในประเทศไทยปัจจุบัน การพรรณนาสุโขทัยรัฐไทยสมัยศตวรรษที่ 13 ไว้โดยละเอียดและหาได้ยากนั้นยังสะท้อนถึงคุณค่าสากลที่รัฐทั้งหลายในโลกทุกวันนี้ร่วมยึดถือ"<ref name="unesco"/>
 
มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับความเชื่อถือได้ของบางส่วนหรือทั้งหมดของศิลาจารึกดังกล่าว<ref>[http://www.nationmultimedia.com/search/page.arcview.php?clid=2&id=85194&usrsess= Centuries-old stone set in controversy], ''[[The Nation (Thailand)|The Nation]]'', Sep 8, 2003</ref> พิริยะ ไกรฤกษ์ นักวิชาการที่สถาบันไทยคดีศึกษา ออกความเห็นว่า การใช้สระในศิลาจารึกนี้แนะว่าผู้สร้างได้รับอิทธิพลมาจากระบบพยัญชนะยุโรป เขาสรุปว่าศิลาจารึกนี้ถูกบางคนแต่งขึ้นในรัชกาลที่ 4 หรือไม่นานก่อนหน้านั้น<ref>''The Ramkhamhaeng Controversy: Selected Papers''. Edited by James F. Chamberlain. The Siam Society, 1991</ref> นักวิชาการเห็นต่างกันในประเด็นว่าด้วยความน่าเชื่อถือของศิลาจารึกนี้ ผู้ประพันธ์บางคนอ้างว่ารอยจารึกนั้นเป็นการแต่งขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ทั้งหมด บ้างอ้างว่า 17 บรรทัดแรกนั้นเป็นจริง บ้างอ้างว่ารอยจารึกนั้น[[พระยาลือไทย]]ทรงแต่งขึ้น นักวิชาการไทยส่วนใหญ่ยังยึดถือความน่าเชื่อถือของศิลาจารึกนี้<ref name="National Myth 2003">''Intellectual Might and National Myth: A Forensic Investigation of the Ram Khamhaeng Controversy in Thai Society'', by Mukhom Wongthes. Matichon Publishing, Ltd. 2003.</ref> รอยจารึกดังกล่าวและภาพลักษณ์ของสังคมสุโขทัยในจินตนาการยังเป็นหัวใจของชาตินิยมไทย และ[[ไมเคิล ไรท์]] นักวิชาการชาวอังกฤษ เสนอแนะว่าศิลาจารึกดังกล่าวอาจถูกปลอมขึ้น ทำให้เขาถูกขู่ด้วยการเนรเทศภายใต้[[ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทย|กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ]]ของไทย<ref>''Seditious Histories: Contesting Thai and Southeast Asian Pasts'', by Craig J. Reynolds. University of Washington Press, 2006, p. vii</ref>
 
ส่วนจิราภรณ์ อรัณยะนาค เขียนบทความแสดงทัศนะว่า ศิลาจารึกหลักที่ 1 ได้ผ่านกระบวนการสึกกร่อนผุสลายมาเป็นเวลานานหลายร้อยปี ใกล้เคียงกับศิลาจารึกหลักที่ 3 หลักที่ 45 และหลักที่กล่าวถึงชีผ้าขาวเพสสันดร ไม่ได้ทำขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4<ref> http://www.lib.ru.ac.th/pk/extract3.html จารึกพ่อขุนรามคำแหง "ไม่ปลอม" : จากมุมมองของนักวิทยาศาสตร์ </ref>
 
== อ้างอิงจากใคร ==