ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วิลเฮ็ล์ม พีค"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 30:
ในฐานะช่างไม้ใน ค.ศ. 1894 พีคเข้าร่วมสหพันธ์กรรมกรไม้ซึ่งนำพาเขาไปสู่พรรคสังคมประชาธิปไตยแห่งเยอรมนี (เอ็สเพเด)<ref name="timeline" /> ในปีต่อมา พีคกลายเป็นประธานของพรรคในเขตเมืองใน ค.ศ. 1899 และใน ค.ศ. 1906 ได้กลายเป็นเลขาธิการเต็มเวลาของพรรคสังคมประชาธิปไตย ใน ค.ศ. 1914 เขาย้ายไปอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์ 3 ห้องในชเตกลิทซ์ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1915 เขาถูกจับในการประท้วงของผู้หญิงที่หน้าไรชส์ทาค และถูกอยู้ไว้ใน "การดูแลคุ้มครอง" จนถึงเดือนตุลาคม ในฐานะเลขานุการพรรคเบรเมินใน ค.ศ. 1916 พีคได้ขอให้อันโตน ปันเนอกุก สอนทฤษฎีสังคมนิยมต่อในโรงเรียนของพรรค<ref>{{Cite book|title = The Dutch and German Communist Left (1900–68)|last = Bourrinet|first = Philippe|publisher = |year = |isbn = |location = |pages = 55}}</ref> แม้ว่าส่วนใหญ่ของพรรคสังคมประชาธิปไตยสนับสนุนรัฐบาลเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง พีคเป็นสมาชิกพรรคฝ่ายซ้ายซึ่งต่อต้านสงคราม การเปิดกว้างของพีค ในการทำเช่นนั้นทำให้เขาถูกจับกุมและคุมขังในเรือนจำทหาร หลังจากได้รับการปล่อยตัว พีคจึงได้ลี้ภัยไปอยู่ที่กรุงอัมสเตอร์ดัมชั่วคราว<ref name="timeline" /> เมื่อเขากลับมายังกรุงเบอร์ลินใน ค.ศ. 1918 พีคได้เข้าร่วมกับ[[พรรคคอมมิวนิสต์แห่งเยอรมนี]]
 
ในวันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 1919 พีคถูกจับกุมพร้อมกับ[[โรซา ลุกเซิมบวร์ค]] และ[[คาร์ล ลีพคเน็ชท์]] ในระหว่างการประชุมที่โรงแรมเบอร์ลินอีเดน ลุกเซิมบวร์ค และ ลีพคเน็ชท์ถูกฆ่าในขณะที่ "ถูกพาตัวเข้าคุก" โดย[[ไฟรคอร์|หน่วยไฟรคอร์]]<ref>Wolfe, Bertram D. in introduction to"The Russian Revolution" Luxemburg p. 18 1967.</ref> ขณะที่ทั้งสองกำลังถูกฆ่า พีคสามารถหลบหนีออกมาได้ ใน ค.ศ. 1922 เขาได้กลายเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งของ International Red Aid ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารเป็นครั้งแรก ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1925 เขาก็กลายเป็นประธานของ Ride Hilfe<ref name="timeline" />
 
ในวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1933 หนึ่งวันก่อนการเลือกตั้งสมาชิกไรชส์ทาค ครอบครัวของพีคอพยพออกจากอะพาร์ตเมนต์ที่ชเตกลิทซ์ และย้ายไปอยู่ในห้องปรุงอาหาร ลูกชายและลูกสาวของเขาเคยอยู่ในสหภาพโซเวียตตั้งแต่ ค.ศ. 1932 ขณะที่เอ็ลลี วินเทอร์ ยังคงอยู่ในเยอรมนี เมื่อถึงต้นเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1933 เขาจึงได้เดินทางไปกรุงปารีสก่อน แล้วจึงไปกรุงมอสโก<ref name="timeline" /> ในกรุงมอสโก พีคทำหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ในหน้าที่ที่หลากหลาย ตั้งแต่ ค.ศ. 1935–1943 เขาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ[[องค์การคอมมิวนิสต์สากล]] และในปีเดียวกัน พีคเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง[[คณะกรรมาธิการแห่งชาติเพื่อการปลดปล่อยเยอรมนี]] ซึ่งวางแผนไว้สำหรับอนาคตของเยอรมนีหลังสงครามโลกครั้งที่สอง