ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โคมระย้า"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Tris T7 (คุย | ส่วนร่วม)
added code
ป้ายระบุ: เครื่องมือแก้ไขต้นฉบับปี 2560
Tris T7 (คุย | ส่วนร่วม)
เคาะวรรค
บรรทัด 5:
คำว่า "chandelier" เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลเป็นอังกฤษว่า "candleholder" ซึ่งก็คือเชิงเทียนที่แขวนลงมาจากเพดาน แชนเดอเลียร์ในยุคแรกทำจากไม้รูปกากบาทอย่างง่ายๆ มีเหล็กแหลมไว้ปักเทียนข้างบน ใช้ในโบสถ์ทั่วยุโรป และในคฤหาสน์ของเศรษฐี ต่อมามีการพัฒนาโดยนำโลหะมาดัดจนมีลวดลายสวยงามประณีตอ่อนช้อย นอกจากจะแสดงถึงฐานะทางการเงินของเจ้าของบ้านที่มีแสงสว่างยามค่ำคืนในยุคนั้นแล้ว เสน่ห์ของแชนเดอเลียร์แบบดั้งเดิมอยู่ที่แสงเทียนและเงาที่เกิดจากลวดลายของแชนเดอเลียร์
 
การนำกระจก แผ่นทองแดง และหินคริสตัลมาห้อยบนแชนเดอเลียร์ในยุคหลังๆทำให้มีแสงระยิบระยับมากขึ้น แต่หินคริสตัลหายากและราคาแพง ในปี ค.ศ. 1676 ช่างทำแก้วชาวอังกฤษจึงได้คิดค้นนำแก้วมาผสมกับสารตะกั่ว (lead oxide) แล้วเจียรจนมีประกายงดงามมากกว่าหินคริสตัล ในช่วงปี ค.ศ. 1700 แชนเดอเลียร์เริ่มมีรูปทรงอ่อนช้อยมากขึ้น เมื่อมีการนำแก้วเป่ามาใช้ประดับแชนเดอเลียร์จากประเทศอิตาลีที่เรียกว่าสไตล์เวเนเชียน (Venetian Style)
 
กระแสความนิยมของแชนเดอเลียร์กลับมาพร้อมกับการใส่สีลงไปบนแก้ว เป็นสีสันของการตกแต่งยุคปัจจุบันบวกกับรูปทรงและลวดลายหรูหราของแชนเดอเลียร์ในอดีต แม้กระทั่งสีดำที่อาจจะดูไม่เข้าท่าในสมัยก่อน แต่ตอนนี้กลับดูสวยแปลกตาดี เหมาะกับการตกแต่งแนววินเทจ แนวโบฮีเมีย และ Classic-Chic ซึ่งเน้นการดึงลวดลายเก่าและใหม่มาผสมผสานกัน
 
== '''โคมไฟระย้า มีกี่แบบ แตกต่างกันอย่างไร''' ==
ปัจจุบันโคมไฟระย้าถูกทำขึ้นจากหลายวัตถุดิบ และหลายรูปแบบ จนทำให้ยากที่จะแบ่งว่ามีกี่แบบกี่ประเภท  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน โดยทั่วไปการเลือกใช้โคมไฟระย้า จะเลือกตามสไตน์การแต่งห้อง จึงนิยมเลือกใช้และเรียกกันตามแบบของการออกแบบ เช่น โคมไฟระย้าคลาสสิค โคมไฟระย้าโมเดิร์น โคมไฟระย้า LED เป็นต้น
 
สมัยก่อน หากไปตามโรงแรมต่างๆ ที่มีห้องโถงกว้างๆ เรามักจะ เห็นแชนเดอร์เลียร์คริสตัลขนาดใหญ่ รูปทรง Classic เป็นเหมือนพระเอกประจำห้องประชุมเหล่านั้น แต่เดี๋ยวนี้ แชนเดอร์เลียร์มีการพัฒนาทั้งรูปแบบ วัสดุ และขนาดมากขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับยุคสมัยด้วย โดยเราพอจะสรุปรูปแบบของแชนเดอร์เลียร์ที่นิยมนำมาตกแต่งได้ ดังนี้