ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Tonx (คุย | ส่วนร่วม)
Niranarm (คุย | ส่วนร่วม)
add detail of important landmarks in the temple
บรรทัด 40:
 
== ประวัติ ==
'''วัดพลับ''' เป็นวัดอรัญญวาสี (วัดป่า) เก่าแก่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เริ่มมีความสำคัญขึ้นมาเมื่อ[[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช]] ทรงโปรดให้สร้างวัดพระอารามหลวงใหม่อีกแห่งขึ้นติดกับวัดพลับ แล้วโปรดให้รวมเป็นวัดเดียวกัน<ref>{{cite web|title=ประวัติวัดราชสิทธาราม ราชวรวิหาร|url=http://www.somdechsuk.org/node/109|publisher=วัดราชสิทธาราม|date= 30 มกราคม 2554|accessdate = 10 เมษายน 2559}}</ref> เพื่อให้เป็นที่จำพรรษาของ[[สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร)|พระญาณสังวรเถร (สุก)]] พระราชาคณะฝ่าย[[วิปัสสนาธุระ]]ที่ทรงเคารพเลื่อมใส<ref>''ประวัติวัดราชสิทธาราม ราชวรวิหาร'', หน้า 2</ref> และโปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์มาศึกษากรรมฐานกับพระญาณสังวรเถร ทำให้วัดราชสิทธารามเป็นสำนักปฏิบัติธรรมที่สำคัญมาแต่ครั้งนั้น<ref>''ประวัติวัดราชสิทธาราม ราชวรวิหาร'', หน้า 3</ref> แม้ต่อมาพระญาณสังวรเถรจะได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช ย้ายไปประทับ ณ [[วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร]] ศิษย์ของพระองค์ยังคงสืบทอดกรรมฐานต่อมา
 
ในรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว]] รัชกาลที่ ๓ โปรดให้บูรณะและสร้างเสนาสนะเพิ่มเติม เช่น พระเจดีย์ พระวิหาร ศาลาการเปรียญ และตำหนักเก๋งจีน เนื่องจากเคยมาประทับจำพรรษาที่วัดแห่งนี้เมื่อทรงผนวช เป็นเวลา ๑ พรรษา และพระราชทานนามใหม่ว่าวัดราชสิทธารามตั้งแต่ปี พ.ศ. 2374 โดยเฉพาะพระเจดีย์นั้นต่อมา[[พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]]โปรดให้บูรณะและพระราชทานนามว่า ''พระสิริจุมภฏะเจดีย์''<ref>''ประวัติวัดราชสิทธาราม ราชวรวิหาร'', หน้า 6</ref>
 
== ลำดับเจ้าอาวาส ==
บรรทัด 90:
| 20 || [[พระราชวิสุทธิโสภณ (ไชยวัฒน์ ชยวฑฺโฒ) ]]|| พ.ศ. 2560 (รักษาการ) <br/>[[20 มกราคม]] [[พ.ศ. 2561]] || ปัจจุบัน
|}
 
== อาคารต่าง ๆ ==
 
# '''พระอุโบสถ''' มีกุฏิวิปัสสนาขนาดเล็กโดยรอบจำนวน 24 หลัง ( ภายในมีแท่นประดิษฐานพระพุทธรูป และแท่นนั่งวิปัสสนาสำหรับพระภิกษุ กุฏิหน้าด้านซ้ายของพระอุโบสถ ประดิษฐานรูปหล่อสมเด็จพระญาณสังวร (สุก)) พื้นที่รอบๆ ปูด้วยหินอ่อนสีเทาขาวขัดเงา มีตุ๊กตาพระจีน ทหารม้าจีนโบราณ กิเลน ตั้งเรียงรายรอบ ลักษณะอาคารก่ออิฐถือปูน ทรงโรง มีเสาพาไลล้อมรอบ หลังคาลดสองชั้น หน้าบันแกะสลักเป็นรูปนารายณ์ทรงครุฑ ระเบียงด้านหน้าพระอุโบสถมีภาพเขียน กระบวนพยุหยาตราสถลมารค มีรถม้าแบบตะวันตก พระพุทธจุฬารักษ์ พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย มีเรื่องเล่าขานว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ทรงปั้นพระเศียรพระพุทธรูป พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัสรัชกาลที่ ๓ ทรงปั้นองค์พระ หน้าองค์พระประธานประดิษฐานรูปหล่อพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร และพระอานนท์ ผนังในพระอุโบสถด้านซ้ายของพระประธานมีภาพเขียนสีพุทธประวัติ (มี 6 ช่อง จากด้านในได้แก่ 1. ทูลเชิญพระโพธิสัตว์ 2. สี่เทวทูต การสละอันยิ่งใหญ่และออกมหาภิเนษกรมณ์ 3. ตัดเมาลีและพระอินทร์ทรงพิณทิพย์สามสาย 4. ตรัสรู้ 5. พระบิดาส่งทูตมาทูลเชิญและแสดงปาฏิหารย์ทรมานพระประยูรญาติ 6. โปรดพระพุทธมารดา ปรินิพพานและถวายพระเพลิง) ด้านหน้าเป็นภาพพุทธประวัติ ตอนโทณพราหมณ์แบ่งพระธาตุ เทวดาอาราธนาแสดงธรรมและถวายพระเพลิงพระพุทธบิดา ด้านหน้าเหนือภาพพุทธประวัติคั่นด้วยตัว[[มกร]]คายนาค (ตัวสำรอก) เป็นภาพเขียนเรื่องมารผจญ พระแม่ธรณีบีบมวยผม หากสังเกตใต้ตัวมกร<ref>วัดราชสิทธาราม...จิตรกรรมงามย่านฝั่งธนฯ.Bright - J   .https://pantip.com/topic/35794083 </ref> (ยักษ์คายนาค) จะเห็นร่องรอยของประตูบานกลางที่ถูกอุดไป เพื่อวาดภาพจิตรกรรมเพิ่ม เป็นเรื่องราวพระอุปคุตปราบมาร ซึ่งของเดิมได้ลบเลือนไปเกือบหมด เหลือเพียงภาพพญามารเหาะไปยังวิมานเทวดาเท่านั้น ด้านขวาเป็นเรื่องพระ[[มหาเวสสันดรชาดก|เวสสันดรชาดก]] (มี 6 ช่อง จากด้านในได้แก่ 1. กัณฑ์ทศพรและทานกัณฑ์ 2. กัณฑ์วนปเวสน์ 3. กัณฑ์มหาพน 4. กัณฑ์มัทรีและกัณฑ์สักกบรรพ 5. กัณฑ์มหาราช 6. กัณฑ์ฉกษัตริย์) ส่วนผนังด้านหลังเป็นไตรภูมิโลกสัณฐาน (สวรรค์ โลกมนุษย์ และนรก) มีภาพลงทัณฑ์ต่างๆ ในนรกภูมิ เหนือหน้าต่างทั้งสองข้างเขียนเทพชุมนุม บานหน้าต่างบานประตูด้านใน เขียนทวารบาล เพดาน วาดดาวเพดานขนาดเล็ก คล้ายตาข่าย จิตรกรรมฝาผนังวัดราชสิทธาราม กำลังประสบปัญหาที่ค่อนข้างรุนแรงต่อภาพ คือ ปัญหาความชื้นในดิน ที่ค่อยๆ ไล่ขึ้นมาตามผนัง เมื่อไปถึงจุดไหน ภาพก็จะเปื่อยยุ่ย พอง และหลุดลอกออกมา ทำให้จิตรกรรมฝาผนังระหว่างหน้าต่าง ที่วาดในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ''เหลือเพียงหนึ่งในสาม หรือ ครึ่งหนึ่ง ของผนังเท่านั้น'' ต่อมา ได้มีการบูรณะภาพจิตรกรรมใหม่ ด้วยการ ''เขียนเติมในส่วนที่หายไป'' ภาพจิตรกรรมวัดนี้จึงมี ๒ สมัย แต่ก็สามารถแยกภาพจิตรกรรมเก่า และใหม่ได้ โดยจิตรกรรมเก่าจะอยู่ในส่วนบนเหนือครึ่งผนังระหว่างหน้าต่างขึ้นไป และสังเกตได้จากความสว่างของสี
# '''พระศิราสนเจดีย์ และพระศิรจุมภฏเจดีย์''' เป็นเจดีย์คู่หน้าพระอุโบสถ ทรงลังกา ลักษณะพิเศษคือ มีสร้อย สังวาลย์ ประดับอยู่บนเจดีย์ เรียกเจดีย์ลักษณะนี้ว่า เจดีย์ทรงเครื่อง
# '''ศาลาการเปรียญ''' เป็นอาคารสถาปัตยกรรมแบบพระราชนิยมในรัชกาลที่ ๓ หน้าบันตกแต่งด้วยลายดอกไม้อย่างเทศ
# '''พระวิหาร''' มี ๒ หลัง หลังแรก เดิมสร้างพร้อมกับพระอุโบสถ ที่ผนังทาสีแดงทาสีแดง จึงเรียก ''พระวิหารแดง'' ปัจจุบันได้รื้อสร้างใหม่แล้ว ส่วนพระวิหารอีกหลังหนึ่ง เป็นพระวิหารพระพุทธเมตตาจำลอง อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
# '''พระตำหนักจันทร์และพระตำหนักเก๋ง'''<ref>วัดราชสิทธาราม ราชวรวิหาร, ธรรมะไทย. http://www.dhammathai.org/watthai/bangkok/watratchasittharam.php</ref> เคยเป็นที่ประทับจำพรรษาของ รัชกาลที่ 4 ครั้งสมัยเสด็จมาประทับเจริญวิปัสสนา พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ทรงสร้างพระตำหนักจันทร์ พระราชทานให้รัชกาลที่ ๓ ประทับเมื่อทรงผนวช เป็นพระตำหนักเล็กขนาด ๒ ห้อง ชั้นล่างก่ออิฐถือปูน ชั้นบนสร้างด้วยไม้จันทร์ทั้งหมด ติดช่อฟ้า ใบระกา ประดับกระจกสวยงาม ต่อมารัชกาลที่ ๓ ทรงย้ายไปปลูกเคียงพระตำหนักเก๋งจีนและเปลี่ยนเครื่องไม้ที่ชำรุดทรุดโทรมเป็นไม้เนื้อแข็งอื่นๆ เช่น ไม้เต็งรัง ไม้สัก ทำให้เหลือส่วนที่เป็นไม้จันทร์อยู่เพียงบางส่วนเท่านั้น
# '''พิพิธภัณฑ์กรรมฐาน คณะ ๕''' มีพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวร (สุก) และวิธีนั่งกรรมฐานตามแบบฉบับวัดราชสิทธาราม
 
== อ้างอิง ==