ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ผักตบชวา"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ย้อนการแก้ไขที่ 7730256 สร้างโดย 2001:44C8:42D1:625:C58E:4801:6250:7FDC (พูดคุย) ป้ายระบุ: ทำกลับ |
|||
บรรทัด 23:
}}
'''ผักตบชวา''' เป็น[[พืชน้ำ]][[พืชล้มลุก|ล้มลุก]]อายุหลายฤดู สามารถอยู่ได้ทุกสภาพน้ำหรือไม่มีน้ำ มีถิ่นกำเนิดในแถบลุ่มน้ำ[[แม่น้ำแอมะซอน|แอมะซอน]] [[ประเทศบราซิล]] ใน[[ทวีปอเมริกาใต้]] มีดอก สีม่วงอ่อน คล้ายช่อดอกกล้วยไม้ และแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็วจนกลายเป็นวัชพืชที่ร้ายแรงในแหล่งน้ำทั่วไป มีชื่อเรียกในแต่ละท้องถิ่นดังนี้: ผักปอด, สวะ, ผักโรค, ผักตบชวา, ผักยะวา, ผักอีโยก, ผักป่อง
== ประวัติ ==
ผักตบชวาถูกนำเข้ามาใน[[ประเทศไทย]]ในปี [[พ.ศ. 2444|พ.ศ. 2561]] ในสมัย[[รัชกาลที่ 5]] โดยนำเข้ามาจาก[[เกาะชวา]]ในฐานะเป็นไม้ประดับสวยงาม โดยขณะเสด็จประพาสประเทศอินโดนีเซีย พร้อมด้วย[[สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ]] เมื่อปี พ.ศ.
== ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ==
[[ไฟล์:Eichhornia Crassipes.jpg|thumb|ก้านใบผักตบชวา]]
ผักตบชวามีลำต้นสั้นแตกใบเป็นกอลอยไปตามน้ำ มีไหล ซึ่งเกิดตามซอกใบแล้วเจริญเป็นต้นอ่อนที่ปลายไหล ถ้าน้ำตื้นก็จะหยั่งรากลงดิน ใบเป็นใบเดี่ยวรูปไข่หรือเกือบกลม ก้านใบกลมอวบน้ำตรงกลางพองออกภายในเป็นช่องอากาศคล้ายฟองน้ำช่วยให้ลอยน้ำได้ ดอกเกิดเป็นช่อที่ปลายยอดมีดอกย่อย 3-
== ชนิดพันธุ์ต่างถิ่น ==
ผักตบชวาจัดเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่เข้ามาแพร่ระบาดรุกรานจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศน์ในประเทศไทย มีการแพร่ขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ใน 1
ประเทศไทยเริ่มมีการกำจัดผักตบชวามาตั้งแต่สมัย[[รัชกาลที่ 6]] มีการออกพระราชบัญญัติสำหรับกำจัดผักตบชวา [[พ.ศ. 2456]]<ref>[http://www.pub-law.net/library/act_paktob.html พระราชบัญญัติสำหรับกำจัดผักตบชวา พ.ศ. 2456] www.pub-law.net</ref><ref>เว็บไซต์ไทยรัฐ (Th)วันเสาร์ที่ [[27 เมษายน]] [[พ.ศ. 2545]]</ref> ปัจจุบันมีหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ได้เข้ามาช่วยเหลือในการกำจัด เช่น นำไปผลิตเป็นของใช้ อาหารสัตว์ ทำปุ๋ย ฯลฯ และมีการนำแมลงมวนผักตบจากแหล่งกำเนิดที่ทวีปอเมริกาใต้ เข้ามาทดลองปล่อยในประเทศไทย เพื่อควบคุมจำนวนประชากรของผักตบชวา
บรรทัด 40:
ประจำวันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2537 เรื่อง ผักตบชวา !|accessdate=24 กันยายน 2559}}</ref>
== โทษ ==
* การบริโภค ดอกอ่อนและก้านใบอ่อนกินเป็นผักลวกจิ้มน้ำพริกหรือทำแกงส้ม เสี่ยงต่อการเป็นโรค
* ใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ เช่นหมู
* ด้านสมุนไพร
=== บทบาทในการกำจัด
ผักตบชวาสามารถช่วยในการบำบัดน้ำเสีย โดยการทำหน้าที่กรองน้ำที่ไหลผ่านกอผักตบชวาอย่างช้าๆ ทำให้ของแข็งแขวนลอยต่างๆ ที่ปนอยู่ในน้ำถูกสกัดกลั่นกรองออก นอกจากนั้น ระบบรากที่มีจำนวนมากจะช่วยกรอง[[สารอินทรีย์]]ที่ละเอียด และ[[จุลินทรีย์]]ที่อาศัยเกาะอยู่ที่ราก จะช่วยดูดสารอินทรีย์ไว้ด้วยอีกทางหนึ่ง รากผักตบชวาจะดูดสารอาหารที่อยู่ในน้ำ ทำให้ไนโตรเจนและฟอสฟอรัสในน้ำเสียจึงถูกกำจัดไป อย่างไรก็ตามไนโตรเจนในน้ำเสียนั้น ส่วนมากจะอยู่ในรูปสารประกอบทาง[[เคมี]] เช่น สารอินทรีย์ไนโตรเจน [[แอมโมเนีย]]ไนโตรเจน และ[[ไนเตรท]]ไนโตรเจน พบว่า ผักตบชวาสามารถดูด[[ไนโตรเจน]]ได้ทั้ง 3 ชนิด แต่ในปริมาณที่แตกต่างกันคือ ผักตบชวาสามารถดูดอินทรีย์ไนโตรเจนได้สูงกว่าไนโตรเจนในรูปอื่นๆ คือ ประมาณ 95 % ขณะที่ไนเตรทไนโตรเจน และแอมโมเนียไนโตรเจน จะเป็นประมาณ 80 % และ 77 % ตามลำดับ<ref>[http://irrigation.rid.go.th/rid15/ppn/om/Water%20Hyacinth.htm ชีววิทยาของผักตบชวา] กรมชลประทาน</ref> สถานที่แรกในประเทศไทยที่ใช้การบำบัดด้วยวิธีนี้คือ "บึงมักกะสัน" ซึ่งเป็นโครงการบึงมักกะสันอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยใช้หลักการบำบัดน้ำเสียตามแนวทฤษฎีการพัฒนาโดยการกรองน้ำเสียด้วยผักตบชวา (Filtration)<ref>[http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B3%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%9A%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%B2 การบำบัดน้ำเสียด้วยผักตบชวา] www.panyathai.or.th</ref>
|