ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อำเภอเวียงแหง"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ล http, <ref>, <br /> using AWB |
|||
บรรทัด 21:
{{expert}}
อำเภอเวียงแหงมีชื่อเดิมว่า "เมืองแหง" มีความสำคัญในฐานะเป็นเมืองหน้าด่าน เมืองยุทธศาสตร์ตามเส้นทางการเดินทัพและการค้าระหว่าง[[เมืองเชียงใหม่]] ราชธานีของ[[อาณาจักรล้านนา]]กับเมือง[[อังวะ]] ([[Ava Kingdom|Ava]]) โดยเดินทางผ่าน [[เมืองนาย]] (
* เป็นเส้นทางเดินทัพของ[[พระเจ้าบุเรงนอง]]
* เป็นเส้นทางเดินทัพของ 19 เจ้าฟ้าไทใหญ่ โดยประชุมทัพ ณ
* เป็นเส้นทางเดินทัพ[[สมเด็จพระนเรศวรมหาราช]] ทรงกรีฑาทัพ 100,000 คน ไปยึด
* เป็นเส้นทางหลบหนีของแม่ทัพ[[เนเมียวสีหบดี]] ขุนศึกพม่าผู้พิชิต 3 อาณาจักร คือ ล้านนา ล้านช้าง และ[[อยุธยา]] หลังจากถูกกองทัพ[[สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี|พระเจ้า
* เป็นเส้นทางเดินทัพที่พม่ากลัวกองทัพเชียงใหม่จะไปโจมตีพม่ามากที่สุดใน พ.ศ. 2388 เพราะระยะทางสั้น เดินง่าย และเป็นทางใหญ่ พม่าจึงตั้งด่านที่แม่น้ำสาละวิน ณ ท่าข้าม
''(คัดลอกตามต้นฉบับ'') ...''ระยะทางแต'''เมืองน้าย จะ'''มาเถึง '''แมนำคง''' มาได้ 5 ทาง ....ทางหนึ่งค่างต่วันออกเฉยิงไต เดืนแต '''เมืองนั่าย''' ทางคืนนึงเถึง'''เมืองปัน''' แตเมืองปันมาทางคืนนึงเถึง '''ถัผาแดง''' ตกแมนำคง ทางนีเดืนง้ายเปนทางไหญ ไก้ล '''เมืองเชยิงไห้ม'''พ่มากลัวกองทัพเมอิงเชยิงไห้ม จะยกไปทางนีจึงมาตังด่านทีฝังแมนำคง '''ถ้าผาแดง''' แหงนึง ที '''เมืองปัน''' แหงนึง พ่มาพัลตเปลยีนกันมาลาตระเวนไมขาษ...''
บรรทัด 37:
เรียบเรียงใหม่ได้ดังนี้ " ระยะทางแต่'''เมืองนาย''' จะมาถึง'''แม่น้ำคง('''สาละวิน) มาได้ 5 ทาง... ทางหนึ่งข้างตะวันออกเฉียงใต้ เดินแต่ '''เมืองนาย''' ทางคืนหนึ่ง ถึง '''เมืองปั่น''' แต่เมืองปั่นมาทางคืนหนึ่ง ถึง '''"ท่าผาแดง'''" ตะวันตกแม่น้ำคง ทางนี้เดินง่าย เป็นทางใหญ่ ใกล้'''เมืองเชียงใหม่''' พม่ากลัวกองทัพเมืองเชียงใหม่จะยกไปทางนี้'''จึงมาตั้งด่าน'''ที่ฝั่งแม่น้ำคง '''ท่าผาแดง''' แห่งหนึ่ง ที่ '''เมืองปั่น''' แห่งหนึ่ง พม่าผลัดเปลี่ยนกันมาลาดตระเวณไม่ขาด.."
*
* ชาวเมืองแหง หนีราชภัยของ[[พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์|พระเจ้ากาวิโรรสสุริยวงศ์]] เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
* เป็นเส้นทางรับเจ้าพม่าจากแม่น้ำสาละวิน ณ
...." ''ทรงพระกรรุณาโปรดเกล้าฯ ชุบเลี้ยงข้าพระเจ้าเปน '''เจ้าอุปราช เจ้าราชวงษ เจ้าราชบุตร''' สำรับรักษา เขตรแดนเมืองเชียงใหม่'' ''ด้วย'''เจ้าเชียงใหม่''' ใม่ตั้งอยู่ในทศมิตราชธรรมประเพนีและพระบรมราโชวาทพระราชบัญญัติแลคำอะธีถานถือน้ำพระพิพัตรสัจา ประการหนึ่งทุกวันนี้ เจ้าบุรียรัตน บุตรเขยเจ้าเชียงไหม่แลเจ้าราชภาคีนัย เปนที่ปฤกษา '''เกนให้นายบุญทากับไพร่'''มากน้อยเท่าใดไม่ทราบไปรักษา '''เมืองแหง''' ให้ถางตะลอดกระทั่งถึงริมน้ำ '''ท่าผาแดง''' ครั้นอยู่มาพม่านายไพร่เปลียนชื่อเปนขุนนางเงี้ยว(ไทใหญ่) ถือหนังสือฉบับหนึ่งเข้ามาทาง '''ท่าผาแดง''' มาถึง'''เมืองแหง''' ส่งพม่านายไพร่ เข้ามาถึงเมืองเชียงไหม่ เจ้าเชียงไหม่เกนให้ท้าวพระยารับตอ้นพม่าไปที่ภักข้าหลวงมายั้งอยู่แต่ก่อน เจ้าเชียงไหม่เลี้ยงดูเปนอันมาก กับให้พิทักษรักษายิ่งกว่าข้าหลวงมาแต่ก่อน'' '''''ประการหนึ่งคบคิดเปนมิตรไมตรีกับพม่าข้าศึกแลให้ช้างสองช้าง ปืนคาบสิลา 8 บอก''' กับคนใช้ในเมืองเชิยงไหม่สองคนผัวเมียกับหนังสือฉบับหนึ่ง ข้อความในหนังสือประการใดข้าพเจ้าไม่ทราบ แล้ว'''เจ้าเชียงไหม่เกนให้แสน ท้าวกับไพ่ร ในเมืองเชียงไหม่ส่งแลพีทักษรักษาพม่ากลับคืนไปทาง''' '''เมืองแหง''' ถึง '''ท่าผาแดง''' ประการหนึ่งเจ้าเชียงไหม่กดขี่คุมเหงข้าพเจ้า แสน ท้าว พระยา อนาประชาราษฎรได้ความเดือษรอ้นเปนอันมาก '''ครั้นเดือน 12 เกนไพร่ประมาณ 700-800 ว่าจะไปถางที่ส่งพม่ากลับคืนออกไป''' '''แลเจ้าเชียงไหม่ทำไมตรีกับพม่าข้าศึกแลเกนคนไปทำทาง''' ข้อราชการอันนี้เจ้าเชียงไหม่ก็หาได้ปฤกษาข้าพเจ้าไม่ ขอท่านได้นำเอาข้อความอันนี้ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรรุนาแด'''พระบาทสมเดจ์พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเดจ์พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว''' ให้ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทด้วย สิ่งประการใดข้าพเจ้าจะดีมีความชอบ ขอบุญปัญา ฯพัณฯ สมุหนายกเปนที่พึ่งแก่ข้าพเจ้าดว้ย
บอกมา ณ วนั 3 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 12 ปีฉลูสัปตศก.''."
* เป็นเส้นทางการค้าระหว่างเชียงใหม่
''....สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามจะให้เจ้าเชียงใหม่ตั้งด่านกองตระเวณ และให้มีเจ้าพนักงานกำกับริมฝั่งแม่น้ำสาละวิน ที่เป็นเขตแดนเมืองเชียงใหม่ซึ่งเป็นของฝ่ายสยามแล้วและให้มีโปลิศ(ตำรวจ)ตั้งอยู่พอสมควร จะได้ระงับห้ามโจรผู้ร้าย และการอื่นๆที่เป็นสำคัญ..ต่อมาพระเจ้าอินทรวิชยานนท์ พระเจ้าเชียงใหม่ มีศุภอักษรกราบบังคมทูลรายงานสมเด็จพระปิยมหาราช ดังนี้ ..ป่าไม้ขอนสักในแขวงเมืองเชียงใหม่ ริมแม่น้ำคง ซึ่งเรียกว่าแม่น้ำสาละวินต่อเขตแดนเมืองมรแมน เมืองยางแดง เมืองปั่น เมืองปุ เมืองสาด มี 8 ตำบลที่ลูกค้าเดินไปมาค้าขายเป็นเส้นทางใหญ่อยู่ 8 เส้นทาง ข้าพระพุทธเจ้าได้จัดบุตร หลาน ท้าว พระยา คุมไพร่ไปตรวจตราระวังโจรผู้ร้ายอยู่เนืองๆ...
'''ทางเมืองแหง เป็นเมืองร้าง''' ทางลูกค้าเดินมาแต่ '''เมืองพม่า''' '''ให้คนเมืองกึด'''ไปตั้งด่านตระเวณ 50 คน..(บ้านเมืองกื้ด ตั้งอยู่ตอนปลายแม่น้ำแตง ต.กื้ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่)
''* เป็นเมืองหน้าด่านปกป้องชายแดน โดยพระบาทสมเด็จพระปิยมหาราช ทรงโปรดเกล้าฯ [[พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล กรมหลวงพิชิตปรีชากร|พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากร]] มาจัดการเมืองเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2427 และมีรับสั่งให้[[พระยามหามหิทธิวงษา]] เจ้าเมืองฝาง ไปจัดการตั้ง ''
'''เมืองแหงเหนือ เมืองแหงใต้''' เมืองนะ เมืองแกนน้อย เพื่อป้องกันชายแดน และแแต่งตั้งให้ '''"ฮ้อยสาม'''" เป็น '''"แสนธานีพิทักษ์'''
* เป็นเส้นทางราชการตรวจพระราชอาณาเขตหัวเมืองลาวฝ่ายเหนือ ร.ศ.108 ของคณะ[[พระวิภาคภูวดล]] ([[James Fitzroy McCarty
..." ''ข้าพเจ้านายแถลงการวิตถกิจ ทำริโปด(Report)ระยะทางในราชการตรวจพระราชอาณาเขตร์หัวเมืองลาวฝ่ายเหนือ ในปีรัตนโกสินทร์ศก 108 ยื่นต่อพระวิภาคภูวดล เจ้ากรมฉบับหนึ่ง
... วัน 3(วันอังคาร)ที่ 4 กุมภาพัน เวลาย่ำรุ่งแล้ว 45 มินิต(นาที) จึงได้ทำเซอร์เวต่อไป เวลาเช้า 4 โมง 30 มินิต ถึงที่เซอร์แดน '''เมืองทา''' '''เมืองแหง''' ต่อกัน แต่ที่เขตร์แดนต่อกันนั้น มีสำคัญเป็นยอดดอยกิ่วก่อ ต่อไปเวลา บ่าย 1 โมง 41 มินิต ถึง '''บ้านแหงเหนือ''' มีเรือนประมาณ 30 หลัง ทำนาแลไร่รับประทาน ต่อไปจนเวลาย่ำค่ำแล้ว 56 มินิต ถึง '''เมืองแหงใหม่''' เรือนประมาณ 70 หลัง คนประมาณ 200 คน ทำนาแลไร่รับประทาน ยุด(หยุด) พักวัดดาว แล้วนอนคืนหนึ่ง...."''
* เป็นเมืองชายแดนที่พระบาทสมเด็จพระปิยมหาราช ทรงวินิจฉัยในเหตุการณ์ที่พระยาดำรงค์ราชสีมา เจ้าเมืองปาย (อ.ปาย แม่ฮ่องสอนในปัจจุบัน) ฟ้องกล่าวโทษเจ้าเมืองแหง ('''แสนธานีพิทักษ์''') ว่าคบคิดกับ "เจ้าฟ้าเมืองนาย" "เมืองปั่น" "เมืองเชียงทอง" "เมืองปุ"
ความในหนังสือของเจ้าเมืองปาย ซึ่งสมัยนั้นเขียนตามภาษาพูด และเป็นภาษาถิ่น บางคำเป็นภาษาไทยใหญ่ ดังนี้(คัดลอกตามต้นฉบับ)
|