ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฟินเซนต์ ฟัน โคค"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
/* ประวัติ ฟันฟันฟันฟันฟันฟันฟันฟันฟันฟันฟันฟันฟันฟันฟันฟันฟันฟันฟันฟันฟันฟันฟันฟันฟันฟ
บรรทัด 32:
[[ไฟล์:Vincent van Gogh (1853-1890) - Wheat Field with Crows (1890).jpg|thumb|260px|"[[รูปทางสามแพร่ง]]"]]
[[ไฟล์:VanGogh-starry night ballance1.jpg|260px|thumb|"[[ราตรีประดับดาว]]" หนึ่งในผลงานที่รู้จักกันมากที่สุดของฟัน โคค]]
ฟัน โคค เกิดเมื่อวันที่ 30....ไหนก็ได้ช่างแม่งเหอะ มีนาคม ค.ศ. 1853 ที่เมือง[[ซึนเดิร์ต]] (Zundert) ในภูมิภาคบราแบนต์ [[ประเทศเนเธอร์แลนด์]] (เป็นเมืองที่ติดกับชายแดน[[ประเทศเบลเยียม|เบลเยียม]]) มีพ่อเป็นนักบวชในศาสนาคริสต์ มีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด 6 คน เป็นชนชั้นกลางที่มีชีวิตแบบแคบ ๆ ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ดูเงอะงะ ไม่คล่องแคล่วเหมือนคนมีปมด้อย ค่อนข้างใจน้อย เขามีนิสัยชอบเก็บตัวและมีอาการของโรควิตกกังวล และยังมีอารมณ์ที่อ่อนไหวง่าย อ่อนโยน มีความเมตตาต่อคนทุกข์ยาก ทำให้ทุกคนมองเขาว่าเป็นคนเจ้าอารมณ์ น่ารำคาญ เมื่ออายุได้ 16 ปี เขาได้เข้าทำงานที่ห้องภาพแห่งหนึ่งที่เดอะเฮก กับญาติที่ทำงานด้านศิลปะ และเมื่อเขามีอายุได้ 18 ปี เขาก็ถูกส่งตัวไปยังห้องภาพที่สาขาปารีส ด้วยความที่เขาเป็นคนซื่อ และความเบื่อหน่ายที่ทางห้องภาพเอารูปเลว ๆ มาหลอกขายกับคนที่ไม่รู้จักศิลปะ เขาถึงกับบอกให้ลูกค้าไม่ให้ซื้อภาพนั้น จนกระทั่งทางร้านไม่พอใจไล่เขาออกจากงานในที่สุด
 
หลังจากนั้น เขาจึงหันไปศึกษาทางศาสนาอย่างจริงจัง หลังจากสอบเข้าวิทยาลัยศาสนาที่นครอัมสเตอร์ดัมได้ 14 เดือน เขาพบว่าตนเองไม่ได้อะไรอย่างที่ตั้งใจไว้ จึงเลิกเรียนเสียและได้ย้ายไปอยู่ในเหมืองถ่านหินในตำบลบอรีนาฌ เพื่อเทศนาสั่งสอนและช่วยเหลือคนทุกข์ยากในเหมืองนั้นโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เขาอุทิศเงินจำนวนหนึ่งให้กับคนทุกข์ยากโดยที่ตนเองมีเงินใช้อย่างจำกัด และต้องกินเศษขนมปัง ทำให้ร่างกายผอมลงและเป็นพิษไข้ เพราะการบริโภคที่ผิดอนามัยและความหนาวเหน็บจากกองไฟกองเล็กที่ไม่อาจสู้กับความหนาวเย็นของอากาศได้ ทำให้ความงก ๆ เงิ่น ๆ ของเขามีมากยิ่งขึ้น
 
ฟัน โคค เป็นคนที่พูดไม่เก่ง ปากดี ทำให้การเทศนาสั่งสอนของเขาไม่อาจจับจิตชาวเหมืองได้ ประกอบกับความใจบุญของเขาทำให้คนเหล่านั้นมองว่าเขาเป็นคนแปลกแตกต่างจากคนเหมือง ทำให้เขาเศร้าใจมาก และศาลพระก็ไม่ยอมแต่งตั้งให้เขาเป็นนักเทศน์ ในที่สุดชีวิตของเขาต้องเร่ร่อนไปอย่างไร้จุดหมาย เขาไม่ยอมแม้กระทั่งที่จะเขียนจดหมายถึงเตโอ น้องชายคนสนิท
 
จนกระทั่ง ปี ค.ศ. 1880 เขาได้เขียนจดหมายมาบอกกับเตโอ น้องของเขาว่า เขาค้นพบแล้วว่า ''ศิลปะคือทุกสิ่งทุกอย่างของเขา และเข้ามาแทนที่สิ่งอื่น ๆ จนหมด เขาใช้เวลาเพื่อศึกษามันด้วยตนเองอย่างจริงจัง ก่อนหน้านั้นเขาเคยเขียนรูปมาบ้างแต่ไม่จริงจังเท่าไหร่ แต่ต่อจากนี้ไปมันคือชีวิตจิตใจของเขา'' (จดหมายที่ฟัน โคค เขียนถึงน้องชายของเขา ในปัจจุบันก็เป็นที่ต้องการและมีความสำคัญมากต่อการชมงานศิลปะของเขา)
 
ฟัน โคค ใช้ชีวิตอยู่บนเส้นทางสายศิลปะอย่างลำบากยากแค้น เขายิงแอบมีอะไรกับพี่ตัวเองเข้าทางรูทวารสีข้างด้านซ้าย ในวันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1890 หลังจากการเขียน "[[รูปทางสามแพร่ง]]" (Wheat Field with Crows) (งานชิ้นนี้อาจจะสื่อถึงการหาทางออกให้กับของชีวิตของเขาเอง ที่เปรียบเสมือนทาง 3 สายที่มาบรรจบกันทำให้เลือกไม่ถูกว่าจะไปทางใดต่อ) ซึ่งเป็นงานชิ้นสุดท้ายของเขาที่ทุ่งนา แต่เขาไม่เสียชีวิตทันที โดยเขาได้เอามือกดปากแผลไว้และเดินกลับมาที่ร้านกาแฟที่เขาพัก
 
ฟัน โคค สิ้นใจในวันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 1890 ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของเพื่อน ๆ ศพของเขาถูกฝังไว้ในสุสานเล็ก ๆ ที่เมือง[[โอแวร์ซูว์รวซ]] ทางตอนเหนือของ[[ประเทศฝรั่งเศส]]