ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จิ้งจอกอวกาศจัสเปี้ยน"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Baragomaster (คุย | ส่วนร่วม)
Baragomaster (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 97:
*'''เกลก้อน (ゲルゴン)''' (ตอนที่6) สัตว์ยักษ์ที่มีขนาดใหญ่โตราวกับภูเขาปรากฎตัวขึ้นเพื่อตามหาลูกน้อยที่พลัดหลงของตัวเอง โดยลูกของเกลก้อนนั้นมีขนาดเล็กจนเด็กสามารถอุ้มได้สบายๆมีหน้าตาน่ารักและไม่ดุร้ายจึงเป็นที่รักใคร่ของเด็กๆและจัสเปี้ยนเช่นเดียวกับแม็ดเกียรันที่ให้ความสนใจที่จะแย่งชิงตัวลูกมาเพื่อล่อให้เกลก้อนตัวแม่ปรากฎตัวออกมาแล้วให้ซาตานโกสยิงแสงจิตมารเพื่อครอบงำตามเคย ในระหว่างการต่อสู้ของจัสเปี้ยนกับแม็ดเกียรันที่กำลังใช้เด็กๆเป็นตัวประกันโดยมีบูมเมอแรงเข้าร่วม เกลก้อนตัวแม่ก็ปรากฎตัวออกมาเพื่อพาลูกของตนกลับไปแต่ก็ถูกแสงจิตมารของซาตานโกสจนคุ้มคลั่งไม่สนใจแม้แต่ลูกของตัวเองถึงกับโยนลูกทิ้งอย่างไม่ใยดีแต่เคราะห์ดีที่จัสเปี้ยนช่วยเอาไว้ได้ เกลก้อนตัวแม่นั้นแต่เดิมก็ไม่ได้เป็นสัตว์ยักษ์ที่ดุร้ายแต่หลังถูกครอบงำก็ใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งดุจหินผาพุ่งเข้าชนไดเลอ้อนอย่างบ้าคลั่งแถมยังพ่นไฟจากปากหรือแม้แต่ปล่อยให้แมกม่าในตัวปะทุออกมาตามปล้องบนลำตัวอีกด้วย การต่อสู้เป็นไปอย่างยากลำบากเพราะไดเลอ้อนต้องคอยคุ้มกันตัวลูกของเกลก้อนจนสุดท้ายต้องยิงด้วย "ไดเลอ้อน บีม" จนเกลก้อนตัวแม่สลบและฟื้นสติจากแรงช็อคและพาลูกของตนกลับบ้านไปอย่างปลอดภัย ในช่วงท้ายชุดของเกลก้อนถูกนำมาทาสีใหม่เพื่อเป็นกองทัพสัตว์ยักษ์ที่ออกอาละวาดหลังไดซาตานโกสปรากฎตัว
*'''อิวะกอริลล่า (イワゴリーラ)''' (ตอนที่7) สัตว์ยักษ์ทรงพลังที่หลับใหลและแฝงตัวกลืนไปกับภูเขา ถูกแม็ดเกียรันปลุกให้ตื่นขึ้นจากการหลับใหลโดยจับผู้คนไปขังไว้ในภูเขาซึ่งเป็นร่างของอิวะกอริลล่าเพื่อเข้าไปเป็นเหยื่อของมันในจำนวนนั้นก็มีบูมเมอแรงรวมอยู่ด้วย หลังจากจัสเปี้ยนช่วยคนที่ถูกจับไปออกมาได้ซาตานโกสก็ยิงแสงจิตมารปลุกอิวะกอริลล่าให้ตืนขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ อิวะกอริลล่ามีร่างกายส่วนใหญ่เป็นหินที่แข็งแกร่งสมชื่อและมีพละกำลังมหาศาลทัดเทียมกับไดเลอ้อนแต่ก็ไม่มีอาวุธหรือพลังพิเศษอื่นๆนอกจากพ่นลมหายใจที่รุนแรงเท่านั้นแต่ก็ถูกปราบด้วย "คอสมิค ครัช" จนร่างแตกกระจายเป็นชิ้นๆในที่สุด
*'''โอนิเดวิล่า (オニデビラー)''' (ตอนที่8) สัตว์ยักษ์รูปร่างคล้ายยักษ์โอนิสีแดงมีเขาที่แม็ดเกียรันวางแผนจับตัวล็อตหนึ่งในสปายจากดาวสกายที่ทรยศมารวมร่างเข้ากับโอนิเดวิล่าเพื่อให้เป็นสมองการลงโทษคนทรยศโดยให้ทุกข์ทรมานอยู่ในร่างของสัตว์ยักษ์แต่ก็ถูกจัสเปี้ยนเข้าขัดขวางในระหว่างรวมร่างจนสามารถช่วยล็อตออกไปได้ ทำให้สุดท้ายแม้โอนิเดวิล่าจะมีรูปลักษณ์ที่น่ากลัวแต่ก็เป็นได้แค่สัตว์ยักษ์ด้อยปัญญาที่ต่อสู้ด้วยสัญชาติญาณเพียงอย่างเดียว โอนิเดวิล่าไม่มีความสามารถอย่างอื่นนอกจากใช้พละกำลังและเขาบนหัวเข้าขวิดเพื่อสู้กับไดเลอ้อนจนถูก "คอสมิค ครัช" ปราบลงอย่างง่ายดายโดยไม่ทราบแน่ชัดว่าถูกน็อคหรือเสียชีวิตกันแน่
*'''คิดาม่า (キダマー)''' (ตอนที่9) สัตว์ยักษ์รูปแบบต้นไม้ แต่เดิมแล้วเป็นต้นสนที่ยืนต้นมาหลายปีจนมิอาจนับได้ที่จัสเปี้ยนบังเอิญพบเข้าระหว่างท่องเที่ยว และเนื่องจากผ่านกาลเวลามายาวนานจึงมีความทรงจำและจิตวิญญาณเป็นของตัวเองสามารถพูดและร้องเพลงได้ทว่าพื้นที่ป่าของมันก็ถูกปรับพื้นที่ถางและโค่นต้นไม้ต้นอื่นจนหมดเหลือต้นนี้เพียงต้นเดียวทำให้ซาตานโกสใช้ประโยชน์จากจุดนี้ทำลายต้นสนต้นนี้แล้วสร้างร่างขึ้นใหม่ด้วยพลังชั่วร้ายกลายเป็น "คิดาม่า" ขึ้นมาและปล่อยแสงจิตมารปลูกฝังความแค้นต่อมนุษย์เพื่อให้มันออกทำลายเมืองของมนุษย์เพื่อเปลี่ยนพื้นที่ให้กลับเป็นป่าดังเดิม ในการต่อสู้ยกแรกจัสเปี้ยนจำได้ว่าคิดาม่าคือต้นสนที่เคยเจอกันมาก่อนโดยจำเสียงร้องได้จึงพยายามพาคิดาม่าออกจากเมืองไปมัดไว้ด้วยโซ่ยังภูเขาอันห่างไกลเพื่อไม่ให้ออกอาละวาดได้อีกแต่แล้วซาตานโกสก็มายิงแสงจิตมารใส่อีกครั้งเพื่อเพิ่มพลังของคิดาม่าเข้าไปอีกโดยสามารถพ่นละอองพิษที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองแพร่กระจายไปทั่วเมืองจนชาวเมืองใหญ่ป่วยกันถ้วนหน้ายกเว้นคนในครอบครัวของเด็กชายชื่ออิซามุที่ไม่ได้รับผลใดๆเพราะครอบครัวนี้ใช้ชีวิตกับต้นไม้ที่ดูแลปลูกขึ้นมาอย่างดีเสมอ อิซามุจึงถูกแม็ดเกียรันจ้องเล่นงานแต่ก็ถูกจัสเปี้ยนและบูมเมอแรงช่วยเหลือเอาไว้ได้ คิดาม่าสู้กับไดเลอ้อนอีกครั้งโดยสามารถพ่นแท่งไม้ขนาดใหญ่ออกมาโจมตีได้และสามารถมุดตัวฝังลงใต้พื้นดินได้แต่ก็ถูก "คอสมิค ครัช" จนร่างระเบิดเป็นชิ้นๆ จัสเปี้ยนที่เข้ามาตรวจสอบก็พบกับกิ่งที่ยังสมบูรณ์เหลือรอดอยู่จึงมอบให้ครอบครัวของอิซามุนำไปปักชำและดูแลต่อไป
*'''พิราซารุ (ピラザール)''' (ตอนที่10) สัตว์ยักษ์รูปแบบปลาโบราณที่ถูกดอกเตอร์ซไวย์โคลนนิ่งขึ้นมาจากซากฟอสซิลของปลาโบราณที่ถูกเด็กชายฮิโรชิพบเข้าโดยบังเอิญจนตกเป็นข่าวใหญ่โต แม็ดเกียรันจึงใช้นักรบอเมซอนเนสทั้งสองไปแย่งชิงมาเพื่อให้ดอกเตอร์ซไวย์ทำการโคลนนิ่งแบบเดียวกับที่สร้างนักรบอเมซอนเนส ในตอนแรกที่ถูกโคลนขึ้นมาก็เติบโตอย่างรวดเร็วจากขนาดเล็กกว่าเด็กก็โตเท่ามนุษย์ผู้ใหญ่ในพริบตาและยังโตขึ้นจนมีขนาดกว่า 60 เมตรในเวลาไม่ถึงวันสามารถพ่นน้ำแรงดันสูงจากปากและใช้หางอันใหญ่โตสร้างคลื่นยักษ์ถล่มชายฝั่ง เนื่องจากเป็นสัตว์น้ำจึงถนัดการต่อสู้ใต้น้ำและได้ลากไดเลอ้อนไปสู้กันใต้ทะเลสร้างความลำบากให้ไดเลอ้อนพอสมควรแต่พอถูกลากขึ้นมาสู้กันบนบกก็ถูกไดเลอ้อนปราบด้วย "คอสมิค ครัช" จนร่างระเบิด หลังจากนั้นจัสเปี้ยนก็ส่งซากฟอสซิลที่เหลืออยู่คืนแก่ฮิโรชิ
*'''กามาโกรัส (ガマゴラス)''' (ตอนที่11) สัตว์ยักษ์รูปร่างเหมือนคางคกยักษ์มีเขาซ่อนตัวอยู่ในบึงและคอยพ่นหมอกประหลาดที่ทำให้ผู้ที่สัมผัสกับหมอกนี้มีผมหงอกขาวและกลายเป็นพวกชื่นชอบความรุนแรง อาละวาดทำลายข้าวของโดยหมอกประหลาดนั้นเป็นไอระเหยจากเมือกสีขาวของกามาโกรัสเอง กามาโกรัสนั้นแต่เดิมเป็นสัตว์ยักษ์ที่รักสงบแต่วันนึงได้เกิดอุบัติเหตุจากสารกัมมันตภาพรังสีทำให้กามาโกรัสกลายพันธุ์เป็นสัตว์ยักษ์ที่น่ากลัวและมีความสามารถพิเศษที่สามารถแยกสสารของตนเองได้ อีกทั้งเมือกสีขาวของกามาโกรัสนั้นกล่าวกันว่าผู้ใดที่ได้ดื่มเข้าไปจะมีอายุยืนยาวนับพันปีแต่สิ่งที่ตามมาก็คือคนเหล่านั้นจะบ้าคลั่งขาดสติจนทำให้ดาวหลายดวงเกิดสงครามอันโง่เขลาและทำลายตนเองไป จากนั้นกามาโกรัสก็จะสลายร่างตนเองและเดินทางต่อไปยังดาวดวงอื่นเพื่อเริ่มการทำลายเช่นนี้นี้ต่อไปจนมาถึงที่ดาวโลก เป้าหมายกลุ่มแรกก็คือเหล่าผู้นำในศาสตร์แขนงต่างๆนอกจากจะทำให้การพัฒนาด้านต่างๆล่าช้าแล้วผู้ที่ถูกหมอกครอบงำยังตกเป็นทาสของกามาโกรัสและชักชวนผู้คนให้เข้าเป็นสมุนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นคนของจักรวรรดิ์สัตว์ยักษ์ไปในที่สุด แม็ดเกียรันหวังให้เหล่าสาวกที่ตอนนี้เสมือนเป็นกองกำลังทางทหารเข้าทำลายงานเอกซ์โปวิทยาศาสตร์ที่กำลังจัดขึ้นในขณะนั้นเพื่อสร้างความโกลาหลแต่ผู้ถูกควบคุมก็พ้นจากสภาพนั้นเพราะจัสเปี้ยนใช้ "บีม สแกนเนอร์" ในระดับพลังอ่อนเพียงพอให้เกิดการช็อคเท่านั้น กามาโกรัสสามารถแลบลิ้นยาวๆไว้ใช้โจมตีและสามารถพ่นไฟได้ อีกทั้งยังสามารถสลายตัวเป็นหมอกเพื่อหายตัวได้อีกด้วยแต่ความสามารถนี้จะเสื่อมลงกามาโกรัสนั้นหวาดกลัวเงาสะท้อนของตนเองมากที่สุดทำให้เมื่อกามาโกรัสเห็นเงาสะท้อนของตัวเองโดยเห็นจากเงาที่สะท้อนจากส่วนปล่อยแสงบนร่างของไดเลอ้อนจึงเกิดอาการหวาดกลัวสุดขีดจนเปิดช่องให้ถูกจัดการด้วย "คอสมิค ครัช" จนร่างระเบิดกระจุย
*'''คาเบะกอนตะ (カベゴンタ)''' (ตอนที่13) สัตว์ยักษ์รูปร่างหน้าขันเพราะดูเหมือนเป็นแผ่นหินสี่เหลี่ยมที่มีหัวยักษ์กับแขนขาสั้นๆงอกออกมาเฉยๆ แต่เดิมเป็นตัวละครที่เด็กชายริวอิจิซึ่งชื่นชอบจัสเปี้ยนและมีพรสวรรค์ในการวาดการ์ตูนออกแบบและวาดขึ้นมาเพื่อให้สู้กับจัสเปี้ยนโดยกำหนดบุคลิคและความสามารถไว้ระดับนึงโดยบอกว่าเดิมเป็นยักษ์ที่หลับอยู่อย่างสงบแต่เมื่อถูกแสงอาทิตย์จะขยายร่างใหญ่และออกอาละวาดแต่เมื่อได้ยินเสียงเพลงจะเต้นตามจนพลังหมดและร่างหดลงเท่าเดิม จากนั้นกระดาษที่มีรูปของคาเบะกอนตะถูกบุริม่าและเกียวรุใช้แผ่นหินคำสาปและพลังของซาตานโกสมาสร้างเป็นสัตว์ยักษ์ ในตอนแรกยังมีความสามารถแบบเดียวกับที่วาดเอาไว้จึงถูกจัสเปี้ยนเปิดเพลงแล้วหลอกให้เต้นตามจนตัวหดลง จากนั้นแม็ดเกียรันก็ตามไปข่มขู่ให้ริวอิจิวาดคาเบะกอนตะให้แข็งแกร่งไร้เทียมทามแล้วสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งทำให้คราวนี้จึงใช้วิธีเดิมจัดการกับมันไม่ได้อีกทั้งยังมีพลังเพิ่มขึ้นมากจนการโจมตีของไดเลอ้อนใช้ไม่ได้ผลแต่เมื่อริวอิจิพบกระดาษที่เป็นต้นกำเนิดจึงจัดการฉีกทิ้งทำให้พลังของคาเบะกอนตะสูญสลายและถูกกำจัดด้วย "คอสมิค ครัช" จนร่างแตกสลาย
*'''อุมิคิง (ウミキング)''' (ตอนที่14) สัตว์ยักษ์รูปร่างคล้ายงูน้ำยักษ์มีแขนขาจากยุคไดโนเสาร์ที่หลับไหลอยู่ในทะเลสาปฮามานาโกะถูกซาตานโกสปลุกขึ้นมาเพื่อให้ดำเนินแผนการสร้างแผ่นดินไหวเพื่อทำลายเมืองโดยรอบของทะเลสาป อุมิคิงแม้เป็นสัตว์น้ำแต่ก็ต่อสู้บนบกได้อย่างดีมีความสามารถพิเศษที่สามารถสูบพลังงานรอบตัวมาใช้ได้ไม่ว่าจะเป็นพลังงานความร้อนจากแมกม่ามาใช้เป็นพลังพ่นไฟหรือพลังงานไฟฟ้าก็ได้ อีกทั้งยังมีกรงเล็บที่แหลมคมและใช้หางที่ยาวเกือบเท่าลำตัวฟาดใส่หรือใช้รัดร่างศัตรูก็ได้ถูกไดเลอ้อนยิงด้วย "ไดเลอ้อน บีม" จากบนหัวจนหางขาดและถูกปราบด้วย "ไดเลอ้อน บีม" จากตรงหน้าอกจนร่างระเบิดในที่สุด