จิ้งจอกอวกาศจัสเปี้ยน

เคียวจูโทคุโซ จัสเปี้ยน หรือ มือปราบสัตว์ประหลาดจัสเปี้ยน (ญี่ปุ่น: 巨獣特捜ジャスピオンโรมาจิKyojū Tokusō Jasupion) เป็นภาพยนตร์โทคุซัทสึ แนว เมทัลฮีโร ลำดับที่ 4 ออกอากาศเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ค.ศ. 1985 ถึง 24 มีนาคม ค.ศ. 1986 รวมทั้งสิ้น 46 ตอน

จิ้งจอกอวกาศจัสเปี้ยน
ประเภทFantasy Action
Tokusatsu
Superhero fiction
Science fiction
สร้างโดยToei
พัฒนาโดยShozo Uehara
กำกับโดยYoshiaki Kobayashi
แสดงนำHikaru Kurosaki
Kyomi Tsukada
บรรยายโดยTōru Ōhira
ผู้ประพันธ์เพลงMichiaki Watanabe
ประเทศแหล่งกำเนิดJapan
จำนวนตอน46
การผลิต
ความยาวตอน24 นาที
ออกอากาศ
เครือข่ายTV Asahi
ออกอากาศ15 มีนาคม ค.ศ. 1985 (1985-03-15) –
24 มีนาคม ค.ศ. 1986 (1986-03-24)
การแสดงที่เกี่ยวข้อง

จัสเปี้ยนถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของเมทัลฮีโรหลังจากซีรีส์ชุดตำรวจอวกาศจบลงจึงทำให้ซีรีส์เมทัลฮีโรชุดอื่นๆหลังจากจัสเปี้ยนได้เปลี่ยนแนวทางและรูปแบบคอนเซ็ปต์ต่างๆอย่างไรก็ตามจัสเปี้ยนถือว่าเป็นเมทัลฮีโรที่ได้รับความนิยมจากต่างประเทศอย่างมากแม้ว่าที่ญี่ปุ่นไม่ได้รับความนิยมก็ตาม

ในส่วนของประเทศไทยเคยออกอากาศทั้งหมด 3 ครั้งด้วยกันโดยครั้งแรกได้ออกอากาศทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ในปี พ.ศ. 2528 และครั้งที่ 2 ออกอากาศทาง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ในชื่อ จัสเปี้ยน เมื่อปี พ.ศ. 2530 - 2531 ออกอากาศทุกวันอาทิตย์เวลา 10.00-10.30 น. อย่างไรก็ตามได้ออกอากาศอีกครั้งในทาง ช่อง 9 อ.ส.ม.ท (โมเดิร์นไนน์ทีวี) ในชื่อ จิ้งจอกอวกาศจัสเปี้ยน เมื่อปี 2543 โดยทีมพากย์ น้าต๋อย เซมเบ้ โดยออกอากาศทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 7.30-8.00น. และเคยจัดจำหน่ายรูปแบบวิดีโอและวีซีดีเป็นของบริษัท วีดีโอสแควร์ จำกัด ในชื่อ จิ้งจอกอวกาศจัสเปี้ยน

เนื้อเรื่อง

แก้

ตัวละคร

แก้

ตัวละครหลัก

แก้
  • จัสเปี้ยน (ジャスピオン)
เด็กกำพร้าจากเหตุการณ์ยานอวกาศตกและถูกเลี้ยงดูมาโดยผู้เฒ่าเอจินก่อนจะได้รับภารกิจออกเดินทางไปต่อสู้กับกลุ่มของซาตานโกสยังดาวต่างๆจนมาถึงที่ดาวโลกในที่สุด ชุดเกราะของจัสเปี้ยนนั้นประกอบขึ้นมาจากวัสดุที่หาได้ยากในจักรวาลที่เรียกว่า "เอจินนูม" ทำให้เขาได้รับพลังพิเศษเหนือมนุษย์จากชุดเกราะนี้ด้วย ยามที่เขาจะแปลงร่างก็ไม่ต้องมีวลีใดๆแค่ประกบผ่ามือทั้งสองข้างมาตรงบริเวณหูเท่านั้น ในช่วงแรกจัสเปี้ยนไว้ผมทรงแอฟโฟรตลอดจนในตอนที่ 11 ถูกแอนรีจับตัดผมจนดูเรียบร้อยกว่าเดิมมากแต่จัสเปี้ยนก็แอบเอาคืนโดยเปลี่ยนชิปบุคลิคของแอนรีในตอนที่ 13 จนเรียบร้อยขึ้นกว่าเดิมเป็นการแก้เผ็ด ในช่วงท้ายของซีรีส์จัสเปี้ยนถูกแสงประหลาดพุ่งเข้าอาบร่างพร้อมกับลำแสงอื่นอีก 6 ดวง จากข้อมูลของผู้เฒ่าเอจินที่ค้นพบศิลาจารึกของไบเบิ้ลทางช้างเผือกชิ้นสุดท้ายที่ดาวโลกทำให้ทราบว่าการปราบจอมมารซาตานโกสนั้นต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ถูกอาบแสงของพระเจ้าทั้ง 7 เท่านั้น ผลการต่อสู้ขั้นแตกหักระหว่างจัสเปี้ยนกับซาตานโกสจึงขึ้นกับการตามหาเหล่าผู้อาบแสงอีก 6 คนเท่านั้น
  • แอนรี (アンリ)
คู่หูของจัสเปี้ยนเป็นหุ่นยนต์แอนดรอยด์ผู้หญิงที่ผู้เฒ่าเอจินสร้างขึ้น จึงมีภูมิต้านทานต่อพลังชั่วร้ายที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ช่วงแรกๆนั้นเราจะได้เห็นท่าทางเพี้ยนๆเปิ่นๆในแบบหุ่นยนต์ที่ทำงานผิดปกติ เช่น ตัวแข็งทื่อบ้าง ตาแหล่บ้าง หรือนอนหงายท้องขาชี้ฟ้าอยู่บ่อยๆ แถมยังมีบุคลิคที่ค่อนข้างจะขี้วีนและทำอะไรเกินงามหลายอย่างจนตอนที่ 13 จัสเปี้ยนกับมียะช่วยกันเปลี่ยนชิปบุคลิคที่ซ่อนอยู่ตรงเท้าขวาทำให้บุคลิคดูเข้ารูปเข้ารอยเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น แอนรีนั้นมักทำหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ของจัสเปี้ยนทั้งการทำอาหารและเรื่องอื่นๆในชีวิตประจำวัน และยังทำหน้าที่เป็นโอเปอเรเตอร์บนยานไดเลอ้อน รวมถึงเข้าต่อสู้เป็นบ้างครั้งในยามคับขัน
  • มียะ (ミーヤ)
สัตว์ต่างดาวหายากจากอวกาศที่ไม่สามารถระบุชนิดได้ มีลักษณะเด่นคือกระดองข้างหลังซึ่งมีหนามเพื่อป้องกันตัว ถูกจัสเปี้ยนช่วยเหลือเอาไว้ในป่าบนดาวบีจี้จากการถูกนักล่าที่ฆ่าแม่ของมันสังหารจากการพยายามช่วยเหลือจัสเปี้ยน มิยะจึงอยู่ในความดูแลของจัสเปี้ยนหลังจากนั้นในการต่อสู้กับซาตานโกสที่ดาวโลกด้วย มียะเป็นสัตว์ต่างดาวที่เป็นมิตร ขี้เล่น มีความฉลาดและกล้าหาญมากพอๆกันแม้จะพูดได้แต่ชื่อตัวเองกับคำสั้นๆง่ายๆเท่านั้น เคยช่วยเหลือจัสเปี้ยนในการต่อสู้กับเหล่าร้ายอย่างกล้าหาญด้วยการยิงหนามแหลมจากด้านหลังเป็นอาวุธเป็นครั้งคราว

ผู้ช่วยและผู้เกี่ยวข้อง

แก้
  • เอจิน (エジン)
ฤๅษีเฒ่าจากดาวเอจินและยังเป็นนักวิทยาศาสตร์มากความสามารถอีกด้วย เขาเป็นทายาทของผู้พยากรณ์แห่งอวกาศซึ่งทำการปกป้องจักรวาลมาหลายศตวรรษ เขาคอยแนะนำและให้คำปรึกษาแก่จัสเปี้ยนในฐานะของผู้ปกครองพร้อมกันนั้นเขาก็ออกตามหาและรวบรวมเศษของศิลาจารึกของไบเบิ้ลทางช้างเผือกเพื่อหาวิธีปราบจอมมารซาตานโกสไปด้วย ช่วงท้ายของซีรีส์ผู้เฒ่าเอจินเดินทางมายังโลกเพื่อค้นหาศิลาจารึกส่วนสุดท้ายที่ระบุถึงข้อมูลที่จะใช้ในการปราบซาตานโกสนั่นคือ "ผู้กล้าผู้ลงมาจากสวรรค์ ใช้นกทองคำในมือของเด็กที่อาบแสงของพระเจ้า 5 คนเพื่อปราบจอมมาร..." แต่เนื่องจากศิลาเสียหายในส่วนสุดท้าย ผู้เฒ่าจึงไม่อาจถอดความถึงผู้อาบแสงคนที่ 7 นอกจากคำว่า "...ทารกในลำแสงจะหวนคืน" เท่านั้น ผู้เฒ่าเอจินจึงร่วมออกตามหาเหล่าผู้ถูกแสงคนอื่นๆนอกจากจัสเปี้ยนแต่เนื่องจากไม่ทราบถึงร่องรอยของผู้อาบแสงคนสุดท้ายอีกทั้งพวกซาตานโกสก็ออกอาละวาดหนักขึ้น ผู้เฒ่าจึงเสียสละตนเองโดยไปสู้กับไดซาตานโกสเพื่อถ่วงเวลาให้จัสเปี้ยนตามหาผู้อาบแสงคนสุดท้ายให้พบก่อนจะไปสู้กับไดซาตานโกสทว่าผู้เฒ่าเอจินก็เสียชีวิตในการต่อสู้ครั้งนี้ด้วย เวอร์ชันที่ออกอากาศในประเทศไทยมักนำหน้าชื่อของเอจินหรือใช้สรรพนามเรียกด้วยคำว่า "ผู้เฒ่า" หรือ "อาจารย์" เพื่อเป็นการแสดงความเคารพแต่เวอร์ชันดั้งเดิมของญี่ปุ่น ทั้งจัสเปี้ยนหรือแอนรีก็เรียกชื่อของเอจินห้วนๆโดยไม่มีคำนำหน้าชื่อแม้แต่คำว่า "ซามะ" หรือ "ท่าน"
  • บูมเบอร์แรง (ブーメラン)
อดีตนักศึกษาแพทย์หนุ่มซึ่งพี่ชายของเขาที่เป็นตำรวจสากลเคยแฝงตัวเข้าไปเพื่อสืบความลับของจักรวรรดิ์สัตว์ยักษ์แต่ฐานะถูกเปิดเผยจึงถูกสังหารโดยพวกของซาตานโกส เขาจึงออกเดินทางเพื่อล้างแค้นผู้ที่สังหารพี่ชายของเขาและได้รู้จักกับจัสเปี้ยนจึงกลายเป็นสหายที่ร่วมต่อสู้มาตลอดด้วยบูมเมอแรงคู่เป็นอาวุธคู่กายซึ่งเป็นที่มาของชื่อนั่นเอง ในช่วงแรกตั้งแต่ตอนที่ 6 บูมเมอแรงจะใส่ชุดสีขาวตลอด หลังจากตอนที่ 12 เขาก็หายไประยะนึงเพื่อไปฝึกฝนตนเองให้แข็งแกร่งขึ้นและกลับมาปรากฏตัวในตอนที่ 31 ในฐานะของตำรวจสากลก็สวมแจ็กเกตธรรมดาและมีท่าโจมตีใหม่นั่นคือ "ครอสคัตเตอร์" โดยประกบบูมเมอแรงคู่เป็นรูปกากบาทแล้วขว้างออกไปเป็นการโจมตีที่รุนแรงมากขึ้น หลังจากร่วมมือกับจัสเปี้ยนในการทำลายแผนการส่งหุ่นยนต์รับใช้ไปเพื่อสร้างระเบิดในบ้านเรือนในตอนที่ 32 บูมเมอแรงได้ต่อสู้กับแม็ดเกียรันเพื่อล้างแค้นให้กับพี่ชายแต่ก็พ่ายแพ้ เขาจึงฝากฝังหน้าที่ในการต่อสู้กับจักรวรรดิ์สัตว์ยักษ์ให้แก่จัสเปี้ยนและกลับไปทำงานกับตำรวจสากลต่อไป
  • เจ้าหญิงคางุยะ (かぐや姫)
คนทรงที่จัสเปี้ยนพบในตอนที่ 12 โดยการชักนำจากพลังบางอย่างทำให้รถของจัสเปี้ยนแล่นไปเองจนถึงหน้าตำหนักคนทรง เจ้าหญิงคางุยะเป็นผู้พลังพิเศษแบบญาณทิพย์สามารถบอกเรื่องราวต่างๆผ่านการเพ่งสมาธิทำให้จัสเปี้ยนรู้ที่อยู่ของบูมเมอแรงว่าถูกจับตัวเป็นเชลยของพวกแม็ดเกียรันพร้อมกับคนในหมู่บ้านเพื่อให้ขุดหาไข่ทองคำ เจ้าหญิงคางุยะได้บอกจัสเปี้ยนถึงชาตะกรรมอันยิ่งใหญ่ที่ตัวเขาต้องรับหน้าที่ในการใช้แสงสว่างสีทองในการปราบซาตานโกสแต่เจ้าหญิงคางุยะก็ถูกแม็ดเกียรันสังหารเพื่อปิดปากก่อนจะบอกความลับใดๆมากไปกว่านี้ ก่อนตายเจ้าหญิงคางุยะได้บอกจัสเปี้ยนถึงเรื่องของนกทองคำก่อนจะสิ้นใจและได้กลับสู่ร่างเดิมที่มีเส้นผมสีเขียว แท้จริงแล้วเจ้าหญิงคางุยะเป็นชาวดาวเมโรเป็นชนเผ่าที่เปรียบเสมือนผู้รับใช้พระเจ้าและเป็นผู้ที่นำไข่ของนกทองคำมายังโลกเพื่อปราบซาตานโกสตามคำจารึกในไบเบิ้ลทางช้างเผือกนั่นเอง

ตัวละครอื่นๆ

แก้
  • นัมบาระ เคนอิจิโร่ (南原健一郎)
  • นัมบาระ คาโนโกะ (南原かの子)
  • นัมบาระ เคนตะ (南原健太)

สามพ่อลูกตระกูลนัมบาระซึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ของจัสเปี้ยนกับซาตานโกสโดยที่ เคนอิจิโร่ผู้พ่อนั้นเป็นช่างภาพอิสระที่บังเอิญไปถ่ายภาพนกทองคำมาได้จึงถูกพวกซาตานโกสไล่ล่ามาตลอดแต่ก็ได้รับการช่วยเหลือจากจัสเปี้ยน จนในช่วงท้ายของซีรี่ยส์ลูกสาวคนโตของนัมบาระคือคาโนโกะก็เป็นหนึ่งในผู้อาบแสงทั้ง 7 ที่มีส่วนในการปราบไดซาตานโกสเช่นกัน

  • เคลลี่ และ ฮันนาห์ (ケーリーとハンナ)
พ่อแม่ของจัสเปี้ยน พวกเขาคือคู่สามีภรรยานักชีววิทยาที่ออกเดินทางศึกษาและช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตในดวงดาวต่างๆภายใต้การสนับสนุนของสมาพันธ์รักษาความสงบของกาแลคซี่โดยที่เคลลี่เป็นนักพฤษศาสตร์ส่วนฮันนาห์เป็นนักสัตววิทยาทั้งคู่เสียชีวิตจากเหตุยานอวกาศตกลงบนดาวเอจินอันเป็นผลมาจากถูกซัมป้าหนึ่งในสี่จ้าวฟ้าแห่งความชั่วร้ายของแมดเกรันโจมตี ในตอนที่ 18 ทั้งสองปรากฏตัวในฐานะของวิญญาณเพื่อช่วยเหลือจัสเปี้ยนที่รับได้บาดเจ็บจากการต่อสู้กับซัมป้า หลังจากนั้นวิญญาณของทั้งสองก็จากไปและได้นำพาจัสเปี้ยนมพบกับจารึกส่วนหนึ่งทำให้ได้รู้ว่าทั้งเคลลี่และฮันนาห์ก็เดินทางมาที่โลกเพื่อค้นหานกทองคำเช่นกันก่อนจะถูกซัมป้าโจมตียานอวกาศจนเป็นเหตุให้ทั้งสองเสียชีวิต จัสเปี้ยนจึงมีใจแน่วแน่ที่จะตามหานกทองคำเพื่อปราบซาตานโกสดั่งคำทำนายในไบเบิ้ลทางช้างเผือกและเพื่อสานงานที่พ่อแม่ได้เริ่มเอาไว้ด้วยจนในที่สุดจัสเปี้ยนก็สามารถสังหารซัมป้าล้างแค้นให้กับพ่อแม่ได้สำเร็จ
  • ทาร์ซานแห่งทางช้างเผือก (銀河のターザン)
เด็กทารกที่มีส่วนสำคัญในการปราบไดซาตานโกส เนื่องจากเขาคือผู้อาบแสงคนที่ 7 ปรากฏตัวออกมาในฉากไคลแมกซ์ โดยจัสเปี้ยนที่แม้จะมีพลังจากนกทองคำที่เปลี่ยนเป็นดาบสีทองเล่มใหญ่ที่ให้ไดเลอ้อนใช้แล้วก็ยังไม่อาจจะปราบไดซาตานโกสได้แต่ด้วยเสียงร้องจากเด็กทารกในแคปซูลกู้ชีพที่ปรากฏตัวออกมาท่ามกลางแสงสว่างสีทองก็ทำให้พลังชั่วร้ายของไดซาตานโกสลดลงจนจัสเปี้ยนปราบไดซาตานโกสลงได้ ชื่อทาร์ซานแห่งทางช้างเผือกเป็นชื่อที่จัสเปี้ยนตั้งให้หลังพบว่าเด็กทารกคนนี้ก็เป็นเด็กกำพร้าจากเหตุยานอวกาศตกเช่นเดียวกันกับตนและพาทาร์ซานเดินทางกลับดาวเอจินหลังภารกิจต่อสู้กับเหล่าร้ายเสร็จสิ้น
  • นกทองคำ (黄金の鳥)
นกทองคำอันเปรียบเสมือนผู้พิทักษ์แห่งจักรวาลผู้รังสรรพลังแห่งคุณธรรม ถูกนัมบาระ เคนอิจิโร่ถ่ายภาพได้โดยบังเอิญจนเป็นเหตุให้ถูกตามล่า โดยในช่วงท้ายของซีรีส์นกทองคำแบ่งภาคร่างของตนออกเป็น 5 ส่วนเข้าไปอยู่ในร่างของคาโนโกะพร้อมกับเด็กอีก 4 คนได้แก่ คุมิโกะ, ไดซากุ, ฮิโรชิและมิกะ จนกว่าจะถึงเวลาอันสมควรโดยเมื่อเด็กทั้ง 5 คนมาพร้อมหน้ากันนกทองคำจึงกลับสู้ร่างเดิมก่อนจะกลายเป็นดาบสีทองขนาดยักษ์เพื่อเป็นอาวุธให้ไดเลอ้อนต่อสู้กับไดซานตานโกสในศึกตัดสินครั้งสุดท้าย
  • ล็อต และ ซาจิ (ロット, サチ)
คู่รักจากต่างดาวที่แฝงตัวอยู่บนโลกซึ่งจัสเปี้ยนได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากบูมเมอแรงในตอนที่ 8 ให้ช่วยคุ้มครองผู้หลบหนีสองคนจากจักรวรรดิ์สัตว์ยักษ์ ในระหว่างที่จัสเปี้ยนกำลังร้องเพลงอย่างสนุกสนานและบูมเมอแรงเป็นมือกลองในผับแห่งหนึ่ง ล็อตกับซาจิที่ทำงานเป็นพนักงานในผับแห่งนั้นก็ถูกลูกสมุนต่างดาวของแม็ดเกียรันเข้ารุมทำร้าย จัสเปี้ยนกับบูมเมอแรงจึงเข้าช่วยเหลือและพาหนีออกมาจึงได้ทราบว่าล็อตและซาจินั้นเป็นหนึ่งในบรรดามนุษย์ต่างดาวที่ถูกแม็ดเกียรันล่อลวงและซื้อตัวมาเป็นสายลับแฝงตัวบนโลกเพื่อทำการจารกรรมข้อมูลสำคัญต่างๆมาให้กับจักรวรรดิ์สัตว์ยักษ์แต่ทั้งสองเกิดพบรักกันและตระหนักได้ว่าสิ่งที่พวกตนกำลังทำนั้นไม่ถูกต้องอีกทั้งยังได้รับคำชี้แนะจากพี่ชายของบูมเมอแรงซึ่งขณะนั้นกำลังแฝงตัวเป็นคนของจักรวรรดิ์สัตว์ยักษ์ ทั้งคู่จึงคิดตีตัวออกห่างโดยพยายามติดต่อขอความช่วยเหลือจากบูมเมอแรงทำให้แม็ดเกียรันตามล่าทั้งสองในฐานะคนทรยศ นอกจากนั้นแม็ดเกียรันยังมีเป้าหมายจับตัวล็อตมาเพื่อรวมร่างกับสัตว์ยักษ์ "โอนิเดวิล่า" เพื่อให้ล็อตทุกข์ทรมานอยู่ในร่างของสัตว์ยักษ์เพื่อเป็นการลงโทษแต่ถูกจัสเปี้ยนเข้าขัดขวางและช่วยเหลือล็อตเอาไว้ได้ จากนั้นทั้งสองก็ไปซ่อนตัวในฟาร์มแห่งนึงนอกเมืองเพื่อรอเวลาที่จักรวรรดิ์สัตว์ยักษ์จะถึงคราวล่มสลายและจะได้กลับไปยังดาวสกายบ้านเกิดอีกครั้ง ล็อตและซาจิเคยดูแลพี่น้องนัมบาระอยู่ระยะนึงก่อนที่ทั้งสองจะหนีไปเพื่อตามหาพ่อ จากนั้นในตอนที่ 29 ทั้งสองก็ถูกแม็ดเกียรันตามล่าอีกครั้งจนล็อตได้รับบาดเจ็บและซาจิถูกจับตัวไปเพื่อเป็นชายาของแม็ดเกียรันแต่ซาจิแอบส่งข้อความเกี่ยวกับแผนการระเบิดแก๊สพิษแก่จัสเปี้ยนทำให้แม็ดเกียรันโกรธมากและใช้ซาจิเป็นตัวประกันและเหยื่อล่อเพื่อกำจัดจัสเปี้ยน หลังได้รับการช่วยเหลือจากจัสเปี้ยน ล็อตและซาจิก็เดินทางไปซ่อนตัวกบดานร่วมกับครอบครัวนัมบาระที่ฮอกไกโดและไม่ได้ถูกกล่าวถึงอีกเลย
  • ไทเกอร์โจ (タイガージョー)
เพื่อนสนิทของจัสเปี้ยนที่เติบโตมาด้วยกันภายใต้การเลี้ยงดูของผู้เฒ่าเอจิน ก่อนจะผันตัวมาเป็นมือสังหารและนักล่าค่าหัวอยู่ระยะนึงก่อนจะถอนตัวออกจากวงการและมาแฝงตัวอยู่บนโลกในฐานะของผู้ดูแลสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ถูกกิลมาเธอร์พบตัวในตอนที่ 41 และยุยงกึ่งสะกดจิตให้ไทเกอร์โจไปท้าดวลกับจัสเปี้ยนแต่ก็เป็นแผนการที่ล่อจัสเปี้ยนมาโดยในการต่อสู้ไทเกอร์ใช้ดาบและปืนเป็นอาวุธต่อสู้อย่างบ้าคลั่งและยังมีพวกนินจาอวกาศและสัตว์ยักษ์ "เดธโทรัน" มาผสมโรงด้วยสร้างความลำบากให้กับจัสเปี้ยนไม่น้อย เมื่อเห็นว่าไทเกอร์โจคงจะล้มจัสเปี้ยนไม่ได้ กิลมาเธอร์จึงใช้แผนให้ไทเกอร์โจล่อจัสเปี้ยนเข้าไปยังดงกับระเบิดหวังจะให้ระเบิดตายไปพร้อมกันแต่จัสเปี้ยนก็เอาตัวรอดมาได้ จากนั้นก็จัดการกับเดธโทรันและเล่นงานกิลมาเธอร์จนบาดเจ็บต้องล่าถอยกลับไปทำให้ไทเกอร์โจหลุดพ้นจากการควบคุมของกิลมาเธอร์ได้ในที่สุด

ยานพาหนะและหุ่นยนต์ของจัสเปี้ยน

แก้
  • ยานรบแห่งดวงดาว / หุ่นยนต์รบยักษ์แห่งดวงดาว ไดเลอ้อน (超惑星戦闘母艦 / 超惑星戦闘巨人 ダイレオン)
ยานแม่ของจัสเปี้ยนทำหน้าที่เป็นทั้งฐานทัพและที่พักของจัสเปี้ยนในการเดินทางไปยังดวงดาวต่างๆเพื่อสู้กับพวกซาตานโกส โดยสามารถบินไปบนฟ้า ในอวกาศและสามารถบุกตะลุยไปบนพื้นเสมือนรถถังขนาดใหญ่ได้อีกด้วย สร้างขึ้นโดยผู้เฒ่าเอจินซึ่งใช้เอจินนูมเป็นวัสดุเช่นเดียวกับชุดเกราะของจัสเปี้ยน ในการต่อสู้กับเหล่าสัตว์ยักษ์นั้นไดเลอ้อนสามารถเปลี่ยนร่างเป็นหุ่นยนต์รบขนาดยักษ์ไดเลอ้อนได้ เป็นหุ่นยนต์ที่มีความคล่องแคล่วพอสมควร มีอาวุธได้แก่ "ไดเลอ้อนบีม" ยิงจากบริเวณหัวกับยิงจากหน้าอก และมีท่าไม้ตาย "คอสมิค คลัช" เป็นท่าพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วแล้วต่อยด้วยหมัดคู่ทรงพลัง ในตอนสุดท้ายไดเลอ้อนได้ใช้นกทองคำที่เปลี่ยนร่างเป็นดาบสีทองในการต่อสู้กับไดซาตานโกสและปราบด้วยท่า "ไดเลอ้อน คอสมิค ฮาร์เล่ย์
  • ไออ้อนวูลฟ์ (超惑星マシーン アイアンウルフ)
มอเตอร์ไซค์สีเงินของจัสเปี้ยน สามารถกางใบพัดโฮเวอร์ทางด้านหลังเพื่อบินไปบนฟ้าได้
  • การ์บิน (超惑星戦車 ガービン)
รถถังขนาดยักษ์ของจัสเปี้ยนสามารถบินได้และใช้งานได้อีก 2 รูปแบบได้แก่ "การ์บิน เจ็ต (ガービンジェット)" โดยถอดส่วนกลางของการ์บินออกมาในรูปแบบของยานบินขับไล่ และ "การ์บิน แทงค์ (ガービンタンク)" เป็นการประกบส่วนที่เหลือของการ์บินหลังถอดการ์บิน เจ็ตออกไปและยื่นสว่านเจาะ 2 อันออกมาเพื่อใช้บุกเข้าฐานทัพลับของศัตรู

จักรวรรดิ์สัตว์ยักษ์ ซาตานโกส

แก้
  • ซาตานโกส (サタンゴース)
จอมปีศาจสีดำขนาดยักษ์จากอวกาศในยุคอดีตกาลซึ่งถือกำเนิดมาจากพลังด้านลบทั้งหลายในจักรวาล ถูกทำนายเอาไว้ในไบเบิ้ลทางช้างเผือกว่าจะคืนชีพมาในยุคนี้โดยมีเป้าหมายสร้างจักรวรรดิ์สัตว์ยักษ์และเป็นผู้ขึ้นปกครองโดยใช้ดาวโลกเป็นฐานที่มั่น ซาตานโกสนั้นมีรูปลักษณ์ที่เชื่อว่าน่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากตัวละคร "ดาร์ธ เวเดอร์" จากซีรีส์ของสตาร์วอร์สเพราะมีลักษณะคล้ายสวมชุดเกราะสีดำสวมผ้าคลุมสีดำตั้งแต่เอวลงมาอีกทั้งยังมีดาบแสงสีแดงเป็นอาวุธคู่กาย นอกจากนี้ยังมีอาวุธหลักคือแสงสีแดงที่ปล่อยออกมาจากดวงตาสามารถใช้โจมตีและยังใช้เพื่อครอบงำจิตใจของเหล่าสัตว์ยักษ์ให้ชั่วร้ายและเพิ่มพลังให้ได้อีกด้วยซึ่งมีสัตว์ยักษ์ส่วนน้อยที่รอดตายจากการครอบงำนี้ แม้ซาตานโกสจะยิ่งใหญ่และทรงพลังมากแต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เขาหวาดกลัวมากนั่นก็คือ "นกทองคำ" อันเสมือนหนึ่งผู้พิทักษ์แห่งจักรวาลและเป็นพลังหนึ่งเดียวที่สามารถพิชิตซาตานโกสได้ ซาตานโกสนั้นหวาดกลัวนกทองคำเป็นอย่างมากและเริ่มเคลื่อนไหวอย่างเกรี้ยวกราดมากขึ้นเพื่อเร่งรัดเหล่าสมุนให้ค้นหาไข่ทองคำและรีบทำลายให้ได้โดยเร็ว เมื่อจัสเปี้ยนได้รู้เรื่องของนกทองคำจากเจ้าหญิงคางูยะก่อนจะสิ้นใจ เขาก็ลองนำไข่ทองคำปลอมมาทดสอบดูก็พบว่าจอมมารผู้ยิ่งใหญ่อย่างซาตานโกสถึงกับตัวสั่นเทาด้วยความกลัวทันทีที่เห็นไข่ทองคำ หลังจากนั้นซาตานโกสก็ทุกข์ทรมานจากการถูกหลอกหลอนด้วยภาพมายาของนกทองคำจนแทบเสียสติทำให้ความกลัวนี้ส่งผ่านไปถึงแม็ดเกียรันเช่นกัน ในช่วงท้ายของซีรีส์ พลังของซาตานโกสเพิ่มพูนจนถึงขีดสุดและทำการลอกคราบออกมาจากชุดเกราะสีดำกลายเป็น "ไดซานตานโกส" (大サタンゴース) ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับอสุรกาย คธูลู ในนวนิยายของเลิฟคลาฟ์ท ซึ่งไดซาตานโกสมีพลังมหาศาลขนาดควบคุมธรรมชาติได้ดั่งใจจนสามารถเปลี่ยนเมืองใหญ่เป็นป่าทึบได้ในชั่วข้ามคืน ไดซาตานโกสนั้นไม่อาจถูกกำจัดลงได้หากปราศจากพลังของนกทองคำและผู้อาบแสงทั้ง 7 หลังแมดเกียรันเสียชีวิตในการต่อสู้กับจัสเปี้ยน ไดซาตานโกสก็เริ่มออกอาละวาดล้างแค้นโดยจับผู้คนเพื่อไปเป็นอาหารของเหล่าสัตว์ยักษ์มากขึ้นจนได้ต่อสู้กับผู้เฒ่าเอจินและสามารถเอาชนะมาได้เป็นเหตุให้ผู้เฒ่าเอจินเสียชีวิต ฝ่ายจัสเปี้ยนกับเด็กทั้ง 5 ที่โกรธแค้นก็ออกมาสู้กับไดซาตานโกสด้วยดาบทองคำที่เป็นร่างแปลงของนกทองคำให้ไดเลอ้อนใช้ในการต่อสู้แม้จะยังไม่สามารถตามหาผู้ถูกแสงคนสุดท้ายได้ก็ตามแต่ในชั่วนาทีวิกฤตินั้นเด็กทารกที่ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีทองก็ปรากฏตัวขึ้น จากเสียงร้องนั้นทำให้ไดซาตานโกสพลังถดถอยและเจ็บปวดทรมานจนถูกไดเลอ้อนสังหารด้วยดาบทองคำเป็นอันจบสิ้นและถือเป็นการล่มสลายของจักรวรรดิ์สัตว์ยักษ์ไปในที่สุด
  • แม็ดเกียรัน (マッドギャラン)
ลูกชายของซาตานโกสเป็นหัวหน้าของจักรวรรดิ์สัตว์ยักษ์ มีความสามารถในการแปลงร่างสวมเมทัล เท็ค สูทสีดำและเป็นศัตรูคู่ปรับของจัสเปี้ยนโดยใช้ดาบและแสงทำลายจากปลายนิ้วเป็นอาวุธ นอกจากนี้ยังมียานพาหนะรูปร่างคล้ายตัวด้วงสีดำชื่อ "จาร์คบูมเมอร์" ขับเคี่ยวกับไอ้ออนวูลฟ์ของจัสเปี้ยนมาหลายครั้ง แม็ดเกียรันนั้นรับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวของซาตานโกสที่มีต่อนกทองคำเพราะเขาเองก็ถูกหลอกหลอนด้วยฝันร้ายจากภาพนกทองคำและจัสเปี้ยนไม่ต่างกับผู้เป็นบิดา และเมื่อเขาได้เห็นภาพนกทองคำที่ถูกนัมบาระถ่ายมาได้โดยบังเอิญก็ทำให้เขาหวาดกลัวสุดขีดเขาจึงมุ่งมั่นจะหานกทองคำและทำลายมันให้ได้ก่อนที่จัสเปี้ยนจะหาเจอ แม็ดเกียรันพ่ายแพ้ในการดวลกับจัสเปี้ยนในตอนที่ 29 ถูกจัสเปี้ยนตัดแขนขวาจนขาดกระเด็นและถูกกำจัดด้วย "คอสมิค ฮาร์เล่ย์" จนเสียชีวิตแต่ก็ได้รับการชุบชีวิตจากแม่มดกิลซ่าและบัญชาการจักรวรรดิ์สัตว์ยักษ์ต่อไปในฐานะผู้สืบทอดของซาตานโกส ในช่วงหลังนี้แม็ดเกียรันจะสวมชุดเสื้อคลุมเต็มยศมากกว่าจะได้ออกบัญชาการภาคสนามแต่ก็ยังแปลงร่างสวมเมทัลเท็คสูทออกไปต่อสู้อยู่เช่นเดิม ก่อนจะถูกจัสเปี้ยนกำราบลงอีกครั้งในตอนที่ 45 ก่อนตายแม็ดเกียรันกลายร่างเป็นซาตานโกสร่างแรกรูปแบบเกราะสีดำและโจมตีจัสเปี้ยนอย่างเกรี้ยวกราดแต่เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงกลับร่างเดิมทันทีก่อนจะเสียชีวิตบนฝ่ามือของไดซาตานโกสในที่สุด
  • กลุ่ม 4 จ้าวฟ้าแห่งความชั่วร้าย (悪の四天王)
กลุ่มมือสังหาร 4 คนที่ถูกแม็ดเกียรันเรียกตัวมาช่วยงานตั้งแต่ตอนที่ 13 เนื่องจากซาตานโกสต้องการจะกำจัดจัสเปี้ยนโดยเร็วเพราะตระหนักได้ว่าจัสเปี้ยนรู้วิธีที่จะโค่นล้มตนลงได้แล้ว สมาชิกของ 4 จ้าวฟ้าประกอบด้วย
  • อิกคิ (イッキ)
บอดี้การ์ดระดับทอปจากอวกาศผู้ไม่หวาดเกรงต่อสิ่งใด มีร่างกายกำยำเพราะเกิดในส่วนที่แร้นแค้นของอวกาศมีอาวุธเป็นหอกสามง่ามที่สามารถยืดส่วนปลายได้และสามารถพ่นไฟจากส่วนด้ามได้ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถปล่อยหมัดจรวดเป็นอาวุธได้ทั้งสองข้าง ต่อสู้กับจัสเปี้ยนตัวต่อตัวในตอนที่ 14 ก่อนจะล่าถอยไป อิกคิมีความทนทรหดพอสมควรขนาดโดนปืนบีมสแกนเนอร์ของจัสเปี้ยนอย่างจังก็ยังทนได้แต่เมื่อถูก "คอสมิค ฮาร์เล่ย์" ซ้ำเข้าไปอีกก็ทนไม่ไหวและเสียชีวิตไปเป็นคนแรกของกลุ่ม 4 จ้าวฟ้าในตอนที่ 15
  • ซัมป้า (ザンパ)
แอนดรอยด์ชั่วร้ายที่มีส่วนในการกำเนิดของจัสเปี้ยนเพราะซัมป้าเป็นผู้สังหารพ่อแม่ของจัสเปี้ยนโดยโจมตียานอวกาศของทั้งสองเหตุจากความแค้นที่ทั้งสองนั้นขัดขวางการก่อตั้งจักรวรรดิ์จักรกลโดยการช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตต่างๆ แรกเริ่มนั้นซัมป้าพร้อมด้วยกองกำลังมนุษย์จักรกลออกไล่ล่ากำจัดสิ่งมีชีวิตในดาวต่างๆเพื่อก่อตั้งจักรวรรดิ์จักรกลของตนเองขึ้นมาแต่ด้วยการต่อต้านของเคลลี่และฮันนาห์ที่พยายามจะปกป้องเหล่าสิ่งมีชีวิตต่างๆแม้ว่าพวกเขาไม่มีกำลังที่จะสู้กับซัมป้าได้แต่ด้วยความช่วยเหลือของสมาพันธ์รักษาความสงบแห่งกาแลคซี่ เหล่ามนุษย์จักรกลของซัมป้าก็ถูกกวาดล้างจนสิ้นซากดับฝันที่จะก่อตั้งจักรวรรดิ์จักรกลของซัมป้าทำให้ซัมป้ามีใจพยาบาทต่อคู่สามีภรรยานี้เป็นอย่างมากจึงโจมตียานของทั้งสองจนตกไปที่ดาวเอจินเป็นเหตุให้ทั้งสองเสียชีวิตแต่เด็กทารกที่เป็นลูกของทั้งสองรอดมาได้และได้รับการเลี้ยงดูจากผู้เฒ่าเอจินและเติบโตขึ้นเป็นจัสเปี้ยนนั่นเอง อาวุธหลักของซัมป้าคือเคียวติดโซ่ ซัมป้านั้นสามารถกลายร่างเป็นร่างจักรกลโดยเพิ่มพลังและความทนทานมากขึ้นสามารถปล่อยแสงทำลายจากดวงตาได้อีกทั้งร่างกายยังถอดแยกชิ้นส่วนได้เพราะเป็นหุ่นยนต์ ถูกจัสเปี้ยนปราบลงได้ในตอนที่ 18
  • บูริม่า (ブリマ)
แม่มดผู้สวมชุดขาวกับหมวกทรงกลมใบโตกลายเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของแม็ดเกียรันหลังจากอิกคิกับซัมป้าเสียชีวิต มีอาวุธคือลูกแก้วเวทมนตร์ซึ่งสามารถใช้งานได้หลากหลายทั้งขว้างใส่หรือปล่อยแสงเวทมนตร์มาโจมตีได้ อีกทั้งยังเป็นเหมือนลูกแก้ววิเศษที่ส่องดูเหตุการณ์ต่างๆตามที่ต้องการได้รวมถึงเวทมนตร์อีกหลายรูปแบบ และยังมีมีดสั้นเป็นอาวุธอีกชิ้นด้วย เสียชีวิตในตอนที่ 44 พร้อมกับเกียวรุ
  • เกียวรุ (ギョール)
สปายหญิงผู้มีความสามารถในการแปลงโฉมเป็นคนหรือสัตว์อะไรก็ได้ผ่านการเป่าอาวุธคล้ายขลุ่ยของเธอ โดยอาวุธนี้สามารถใช้เป็นทั้งหอกสั้น ขลุ่ยและซางเป่าลูกดอกในชิ้นเดียวอีกทั้งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการหายตัวของพวกเธอได้ด้วยผ่านการเป่าขลุ่ยปล่อยละอองสีทองออกมาก่อนจะหายตัวไป เกียวรุเป็นบอดี้การ์ดของแม็ดเกียรันคู่กับบริม่ายาวนานหลังจากที่อิกคิกับซัมป้าเสียชีวิต จนในตอนที่ 44 เธอกับบริม่าร่วมกันต่อสู้กับจัสเปี้ยนโดยรวมร่างกันเป็นหมาป่าสีขาวตัวใหญ่ที่เรียกว่า "สัตว์รวมร่าง" (合体獣) สามารถพ่นไฟได้เพื่อสู้กับจัสเปี้ยนแต่ก็ถูก "คอสมิค ฮาร์เล่ย์" ของจัสเปี้ยนสังหารลงจนเสียชีวิตไปพร้อมกัน
  • แม่มดทางช้างเผือกกิลซ่า (銀河魔女ギルザ)
แม่มดชั่วร้ายจากอวกาศปรากฏตัวในตอนที่ 29 โดยถูกซาตานโกสเรียกตัวมาเพื่อทำการคืนชีพให้แก่แม็ดเกียรันที่ถูกจัสเปี้ยนสังหาร ในตอนที่ 30 ได้วางแผนที่จะดึงวิญญาณของจัสเปี้ยนออกจากร่างโดยใช้มีดลงอาคมเป็นอาวุธประจำตัวแต่ก็ล้มเหลวถูกจัสเปี้ยนตัดคอในการต่อสู้แต่ก็ยังไม่ตายแค่บาดเจ็บรักษาตัวอยู่ประมาณ 2 ตอนก็กลับมาวาดลวดลายเสมือนเป็นที่ปรึกษาของแม็ดเกียรัน ในตอนที่ 35 พยายามจะล้วงความลับเรื่องนกทองคำจากผู้เฒ่าเอจินแต่ถูกจิตที่เข้มแข็งกว่าของผู้เฒ่าสะท้อนคำสาปกลับไปแม้จะรับรู้เพียงแค่เรื่องเด็กทารกก็ตามและในตอนที่ 36 กิลซ่าก็ยังพยายามจะสืบเรื่องความลับของนกทองคำแต่ก็พลาดท่าถูกมีดลงอาคมของตัวเองแทงในการต่อสู้ทำให้เวทมนตร์เสื่อมจนถูก "คอสมิค ฮาร์เล่ย์" จัดการลงได้ในครั้งนี้เอง
  • ราชินีผีร้ายแห่งทางช้างเผือกทมิฬ กิลมาเธอร์ (暗い銀河の亡霊の女王ギルマーザ)
แม่มดจากอวกาศและเป็นพี่สาวของแม่มดกิลซ่า ปรากฏตัวในตอนที่ 39 โดยมีจุดประสงค์ที่จะรับพลังความชั่วร้ายของซาตานโกสและแก้แค้นให้กับน้องสาว กิลมาเธอร์นั้นเป็นผู้ก่อการร้ายที่แฝงตัวไปยังดวงดาวต่างๆเพื่อทำให้ดวงดาวเหล่านั้นล่มสลายอย่างช้าๆ เช่น มอมเมาผู้คนให้นับถือบูชาซาตานโกสจนจิตใจตกต่ำ ปั่นหัวผู้คนในดวงดาวนั้นๆโดยชักใยการก่ออาชญากรรมหรือแม้กระทั่งยุยงให้เกิดสงครามกลางเมืองเป็นต้น กิลมาเธอร์จึงได้รับฉายา "ราชินีผีร้าย" ด้วยเหตุนี้เอง กิลมาเธอร์มีอาวุธประจำตัวคือเครื่องดนตรีเคาะจังหวะขนาดเล็กรูปร่างเหมือนคัสตาเน็ต 2 ชิ้นใช้โจมตีหรือสะกดจิตผู้คนได้ ในตอนที่ 46 กิลมาเธอร์ขับจาร์คบูมเมอร์เพื่อรุมเล่นงานผู้เฒ่าเอจินในระหว่างที่กำลังต่อสู้กับไดซาตานโกส แม้จะถูกผู้เฒ่ายิงสวนด้วยเวทมนตร์จนร่วงและกิลมาเธอร์ตกจากยานแต่ก็เปิดโอกาสให้ไดซาตานโกสมีโอกาสเล่นงานผู้เฒ่าจนไม้เท้าหักและสังหารผู้เฒ่าเอจินลงได้ในที่สุด ส่วนตัวกิลมาเธอร์นั้นเสียชีวิตพร้อมกับมนุษย์ต่างดาวลูกสมุนที่เหลืออยู่จากการถูกลูกหลงของพลังที่ระเบิดออกมาตอนที่ไดซาตานโกสถูกปราบลง
นินจาอวกาศ (宇宙忍者) ลูกน้องของกิลมาเธอร์ เป็นนินจาที่มีรูปแบบการต่อสู้จากธาตุทั้ง 5 ของลัทธิเต๋า ภายใต้ชุดเกราะสีดำของแต่ละคนนั้นจะมีร่างจริงซ่อนอยู่ซึ่งจะเผยออกมาหลังถูกฟันหน้ากากแตกมีสมาชิกทั้งหมด 5 คน ได้แก่
  • อัคคี (カ) ผู้นำกลุ่มที่มีวิชาเกี่ยวกับการใช้ไฟเป็นอาวุธ ร่างจริงที่เผยออกมาหลังถูกจัสเปี้ยนฟันหน้ากากก็คือลูกไฟสีแดงที่คอยเติมพลังให้กับปืนใหญ่จักรกลที่เป็นร่างจริงของ "ลม" เสียชีวิตจากการถูกจัสเปี้ยนยิงด้วยปืนบีมสแกนเนอร์ในตอนที่ 43
  • ลม (フウ) สมาชิกในกลุ่มที่ใช้วิชาควบคุมลมเป็นอาวุธ ร่างจริงคือปืนใหญ่จักรกลที่ใช้พลังงานจาก "อัคคี" มาเติมเป็นกระสุนถูก "คอสมิค ฮาร์เล่ย์ ของจัสเปี้ยนสังหารในตอนที่ 43
  • ดิน (ドウ) สมาชิกในกลุ่มที่เชี่ยวชาญการมุดดินแล้วจู่โจม ร่างจริงคือตะขาบยักษ์ที่สามารถสร้างภาพลวงตาว่าตัวเองขยายใหญ่ขึ้น ถูก"คอสมิค ฮาร์เล่ย์ ของจัสเปี้ยนสังหารเป็นคนแรกในตอนที่ 39
  • น้ำ (スイ) สมาชิกที่เชี่ยวชาญการสร้างภาพลวงตาและใช้น้ำจู่โจม ร่างจริงคือลูกเหล็กหนามที่ลอยไปมาและปล่อยสายฟ้าได้ ถูก"คอสมิค ฮาร์เล่ย์ ของจัสเปี้ยนสังหารในตอนที่ 40
  • ไม้ (モク) สมาชิกที่เชี่ยวชาญการพรางตัวและปล่อยแสงสีเขียวออกมาได้ ร่างจริงเป็นปีศาจสวมหน้ากากละครโนะที่ใช้ง้าวเป็นอาวุธแต่ก็ถูก "คอสมิค ฮาร์เล่ย์ ของจัสเปี้ยนสังหารในตอนที่ 42

มือสังหารอื่นๆของจักรวรรดิ์สัตวยักษ์

แก้
  • อเมซอนเนสหมายเลข 1 และ 2 (アマゾネス1号、2号) (ตอนที่10) นักรบสาวสองคนที่ถูกแม็ดเกียรันโคลนขึ้นมาโดยบังคับให้ดอกเตอร์ซไวย์ให้ช่วยทำการโคลนนิ่งให้เพื่อชิงซากฟอสซิลของปลาโบราณซึ่งเป็นวัตถุดิบในการสร้างสัตว์ยักษ์ "พิราซารุ"
  • ซามูไร (ザムライ) (ตอนที่19) ซามูไรสวมเกราะปะการังซึ่งอาศัยอยู่ใต้ทะเลมากว่า 900 ปี แต่เดิมนั้นคือซามูไรนาม "ซึมิโนะ โทคิโกะ" ในขณะนั้นรับตำสั่งให้สังหารขุนพล "มินาโมโตะ ฮิโทโนะ" แต่ก็ล้มเหลวและถูกสังหารจนตกทะเลไป ซามูไรนั้นได้รับพลังชีวิตจากสัตว์ยักษ์ "อุมิบุร่า" จนสามารถมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบันและได้ร่วมมือกับแม็ดเกียรันในการสร้างฝูงมิซไซส์โลมาเพื่อแลกกับการได้ครองท้องทะเล เมื่อถูกจัสเปี้ยนขัดขวางจึงได้ต่อสู้กับจัสเปี้ยนด้วยหอกและดาบแต่เมื่อจัสเปี้ยนกำจัดอุมิบุร่าลงได้ทำให้ซามูไรสูญเสียพลังชีวิตไปจึงถูกจัสเปี้ยนจัดการด้วย "คอสมิค ฮาร์เล่ย์"
  • กิลาลิสต์ (ギラリスト) (ตอนที่20) มือสังหารสไตล์แมกซิกันที่ลากโลงศพของตัวเองมาด้วยถูกแม็ดเกียรันเรียกตัวมาจัดการกับจัสเปี้ยนโดยได้ศึกษาข้อมูลการต่อสู้ต่างๆของจัสเปี้ยนและจัดการวางกับดักให้จัสเปี้ยนเข้ามาติดกับในถ้ำที่มืดมิด กิลาลิสต์วางกับดักให้จัสเปี้ยนใช้พลังงานและอาวุธไปจนหมดก่อนจะเผยตัวออกมาสู้กับจัสเปี้ยนด้วยอาวุธที่หลากหลาย อาทิ เคียวติดโซ่ หมวกกงจักร และอาวุธลับที่ยิงจากดวงตาแต่ระหว่างการต่อสู้กลับถูกแมดเกียรันเข้ามาสอดโดยส่งสัตว์ยักษ์ "ฮาคะบาน" เข้ามาเล่นงานทำให้กิลาลิสต์ถูกเล่นงานด้วยเขาจึงบอกทางออกจากถ้ำแก่จัสเปี้ยนและรีบหลบเข้าโลงของตัวเองจึงไม่ทราบชะตากรรมว่าเขารอดจากการถล่มของถ้ำนั้นหรือไม่แต่ที่แน่ๆคือเขาเป็นมือสังหารคนเดียวที่ไม่ได้ตายด้วยน้ำมือของจัสเปี้ยน
  • ชิคิตะ (チキタ) (ตอนที่22) เสนาธิการหญิงชิคิตะที่ถูกเชิญตัวมาโดยเธอเป็นอาจารย์ด้านมนต์ดำของบูริม่า เป้าหมายของเธอคือใช้เวทมนตร์เพื่อควบคุมคาโนโกะเพื่อคอยดูว่านัมบาระจะพาคาโนโกะไปที่พบและถ่ายภาพนกทองคำได้ที่ไหน เธอมีความสามารถในการใช้เวทมนตร์ลวงตาและปล่อยใยแมงมุมออกมาโจมตีได้และยังมีสัตว์ยักษ์ "คุโมดะ" คอยช่วย ภายหลังจากที่ปล่อยนกทองคำให้หลุดมือไปได้ชิคิตะก็รับแสงจิตมารจากซาตานโกสและสู้กับไดเลอ้อนพร้อมกับคุโมดะแต่เนื่องจากเธอใช้เวทมนตร์ลวงตาจึงจับตำแหน่งได้ยากแต่เมื่อจัสเปี้ยนใช้ "เซนเซอร์ อายส์" ตรวจสอบและค้นพบว่าชิคิตะซ่อนตัวอยู่ภายในตัวของคุโมดะจึงสังหารเธอด้วยการยิง "ไดเลอ้อน บีม" จากหน้าอกในจุดที่เธอซ่อนตัวอยู่และใช้ไดเลอ้อนกำจัดคุโมดะตามไป
  • พี่น้องกาซามิ (ガサミ兄弟) (ตอนที่25-26) มือสังหารสองพี่น้องที่มีดาบใหญ่ติดข้อมือพร้อมทั้งปืนกลอวกาศและจรวดมิซไซส์เป็นอาวุธเดินทางมาช่วยแม็ดเกียรันในตอนที่ 25 และจับตัวโคโคจากดาวโดโดเพื่อเป็นตัวประกันโดยในตอนนี้สัตว์ยักษ์ "นามาเกรัส" ที่เคยได้รับการช่วยเหลือจากพวกจัสเปี้ยนก็ตามมาช่วยต่อสู้กับสัตว์ยักษ์ "ดอนเกส" เพื่อช่วยโคโคอีกแรง หลังจากปราบดอนเกสลงแล้วพี่น้องกาซามิก็อาสาไปสู้กับจัสเปี้ยนโดยกาซามิคนน้องเข้าไปสู้ก่อนแต่ก็พลาดท่าถูกจัสเปี้ยนจัดการด้วย "คอสมิค ฮาร์เล่ย" และในตอนที่ 26 กาซามิผู้พี่ก็ออกมาล้างแค้นให้น้องด้วยความช่วยเหลือของสัตว์ยักษ์ "โบกา" ที่สามารถดูดพลังงานจากไดเลอ้อนไปจนหมดทำให้ต้องเสียเวลาชาร์จพลังงานอยู่นานเมื่อกลับมาจัดการกับโบกาลงได้กาซามิผู้พี่ก็ดวลกับจัสเปี้ยนและถูกจัดการด้วย "คอสมิค ฮาร์เล่ย" ไปอีกคน
  • นักรบอสูรสามหน้า (三面獣人戦士) (ตอนที่27) แยกร่างออกเป็นกลุ่มสาวสวยสามนางในชื่อของ "คิวตี้เกิร์ลส" (キューティーガールズ) ได้แก่ "คิวตี้เอส" (キューティーエース) "คิวตี้ฮาร์ด" (キューティーハート) และ "คิวตี้ควีน" (キューティークィーン) ดำเนินแผนการล่อลวงเหล่านักกีฬาวัยรุ่นมามอมเมาให้เสียคนโดยมีสัตว์ยักษ์ "โซโดมอน" คอยช่วยหลังจากจัสเปี้ยนทะลายรังของแม็ดเกียรันลงและปราบโซโดมอนลงได้ กลุ่มคิวตี้เกิร์ลสก็เปลี่ยนชุดออกมาต่อสู้กับจัสเปี้ยนและรวมร่างกลับเป็นปีศาจสุนัขสามหน้าที่สามารถพ่นไฟได้และมีมีดโต้ด้ามใหญ่เป็นอาวุธแต่ก็ถูกจัสเปี้ยนปราบด้วย "คอสมิค ฮาร์เล่ย"
  • ไอเกอร์แมน (アイガーマン) (ตอนที่28) แอนดรอยด์มือสังหารจากดาวไอเกอร์ซึ่งมีสมองเป็นซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ เมื่อถูกแม็ดเกียรันเรียกตัวมาก็ต่อสู้กับจัสเปี้ยนและไดเลอ้อนด้วยสัตว์ยักษ์ "ไอเกอร์" เพื่อรวบรวมข้อมูลจากนั้นก็ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดจนสามารถหาทางรับมือกับจัสเปี้ยนได้อย่างสมบูรณ์โดยไอเกอร์แมนเข้าไปนั่งควบคุมที่ส่วนหัวของไอเกอร์เสมือนเป็นสมองทำให้จัสเปี้ยนต้องบุกเข้าไปในตัวของไอเกอร์เพื่อจัดการกับไอเกอร์แมนแต่เพราะไม่มีข้อมูลมาก่อนว่าจัสเปี้ยนจะทำแบบนี้ทำให้ไอเกอร์แมนลนลานจนถูกจัสเปี้ยนปราบด้วย "คอสมิค ฮาร์เล่ย" ทำให้ไอเกอร์ที่ขาดสมองควบคุมจึงถูกไดเลอ้อนจัดการด้วย "คอสมิคครัช" อย่างง่ายดาย
  • ซิลค์, เก็นก้า และซาอูล (シルク、ゲンガ、ザウル) (ตอนที่31) เป็นกลุ่มแก็งก์อาชญากรที่ก่อคดีร้ายแรงในหลายประเทศทั้งเรียกค่าไถ่และปลุกปั่นให้เกิดสงครามเพื่อการค้าอาวุธถูกบูมเมอแรงที่ผันตัวไปเป็นตำรวจสากลตามล่า โดยที่ซิลค์นั้นเป็นมนุษย์ธรรมดาแต่เก็นก้าและซาอูลที่เป็นบอดี้การ์ดนั้นเป็นไซบอร์กได้รับความร่วมมือจากแม็ดเกียรันในการจี้รถโรงเรียนและจับเด็กเป็นตัวประกันเพื่อเรียกค่าไถ่เป็นทองคำแท่งในธนาคารแห่งชาติแต่แท้จริงแล้วเป็นแผนที่จะดึงความสนใจให้พวกจัสเปี้ยนมัวยุ่งอยู่กับการจับตัวประกันโดยไม่รู้ว่าแม็ดเกียรันวางแผนที่จะระเบิดชายฝั่งของญี่ปุ่นโดยใช้สัตว์ยักษ์ "เดธจิรัส" ไปวางหัวรบนิวเคลียร์ตามร่องสมุทร จัสเปี้ยนกับบูมเมอแรงจึงต้องรีบเข้าไปช่วยเหลือตัวประกันและร่วมกับปราบพวกของซิลค์ทั้งสามลงให้ได้ก่อนหัวรบจะจุดระเบิด
  • ชิป (チップ) (ตอนที่32) นักวิทยาศาสตร์แก่ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมหุ่นยนต์ เป็นลูกน้องของกิลซ่าที่ถูกเรียกตัวมาดำเนินแผนการสร้างหุ่นยนต์รับใช้ออกขายแต่แท้จริงเพื่อให้หุ่นยนต์เหล่านั้นวางระเบิดแรงสูงในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต่างๆในบ้านเรือน จัสเปี้ยนกับบูมเมอแรงจึงต้องบุกเข้าไปยังรังของชิปและสู้กับพวกแม็ดเกียรันโดยชิปได้รับแสงจิตมารจากซาตานโกสเพิ่มพลังแล้วใช้คลื่นสมองกับจรวดข้อมือเป็นอาวุธสู้กับจัสเปี้ยนอีกทั้งยังมีหุ่นยนต์รับใช้สีทองเป็นผู้ช่วยแต่ชิปดันพลาดท่าถูกหุ่นยนต์ของตัวเองพ่นไฟใส่จนสมองกลของชิปเสียหายและถูกจีสเปี้ยนจัดการด้วย "คอสมิค ฮาร์เล่ย" ในที่สุด
  • แบล็คเคิล (ブラッグル) (ตอนที่37) มือสังหารต่างดาวที่ปลอมตัวเป็นพ่อครัวภัตตาคารโดยจับตัวมียะไปและใช้มียะตัวปลอมล่อจัสเปี้ยนเข้ามาเพื่อวางยาพิษในอาหารแต่ก็หลอกจัสเปี้ยนไม่ได้จนต่อสู้กันโดยใช้ดาบกับระเบิดแสงเป็นอาวุธแต่ก็สู้จัสเปี้ยนไม่ได้ถูกจัดการไปด้วย "คอสมิค ฮาร์เล่ย"

เหล่าสัตว์ยักษ์

แก้

เหล่าสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่อาศัยอยู่ในดาวต่างๆเสมือนสัตว์ประจำถิ่น โดยเฉพาะที่ดาวโลกนั้นมีเหล่าสัตว์ยักษ์หลับไหลและซ่อนตัวอยู่เป็นจำนวนมากจนได้รับการขนานนามว่า "ดาวแห่งสัตว์ยักษ์" เลยทีเดียว ซาตานโกสจึงมั่นหมายที่จะใช้เหล่าสัตว์ยักษ์เป็นกองกำลังทางทหารและสร้าง "จักรวรรดิ์สัตว์ยักษ์" ขึ้นบนดาวโลกเพื่อใช้เป็นฐานในการยึดครองจักรวาลต่อไป ในเรื่องจะมีเหล่าสัตว์ยักษ์มากหน้าหลายตามีทั้งดุร้ายตามสัญชาติญาณหรือแม้แต่สัตว์ยักษ์ที่รักสงบและเป็นมิตรแต่ทั้งหมดมักถูกแสงจิตมารจากซาตานโกสครอบงำให้ดุร้ายบ้าคลั่งและเพิ่มพลังให้มากขึ้นเพื่อใช้เป็นสมุนในการต่อสู้กับจัสเปี้ยน เหล่าสัตว์ยักษ์ในเรื่องประกอบด้วย (หมายเหตุ ลำดับตอนที่อยู่ท้ายชื่อระบุเพียงตอนที่ออกโรงต่อสู้เท่านั้น ไม่นับรวมฟุตเทจย้อนอดีต)

  • มาริกอส (マリゴス) (ตอนที่1) สัตว์ยักษ์รูปแบบเต่าที่ปรากฏตัวบนดาวบีจี้พร้อมกับสัตว์ยักษ์ "ฮาเนด้า" โดยเป็นหนึ่งในบรรดาสัตว์ยักษ์ที่ฟักตัวออกมาจากไข่จำนวนมากที่ฝังตัวอยู่ใต้ดินของดาวบีจี้ มาริกอสนั้นสามารถหดหัวและแขนขาเข้าไปแล้วกลิ้งชนแบบก้อนหินยักษ์และสามารถพ่นไฟได้ เป็นคู่ต่อสู้ของไดเลอ้อนในตอนที่1 พร้อมกับฮาเนด้าโดยหลังจากได้รับแสงจิตมารจากซาตานโกสก็ถล่มเมืองบนดาวบีจี้เสียราบคาบแต่ก็ถูกน็อคด้วย "คอสมิค ครัช" จนได้สติพร้อมกับฮาเนด้า
  • ฮาเนด้า (ハネダー) (ตอนที่1) สัตว์ยักษ์รูปร่างคล้ายมังกรมีปีกขนาดใหญ่ทำให้สามารถบินไปบนฟ้าได้อย่างอิสระ ปรากฏตัวบนดาวบีจี้พร้อมกับมาริกอสและเข้าต่อสู้กับไดเลอ้อนหลังได้รับแสงจิตมารจากซาตานโกส ฮาเนด้าใช้ปีกขนาดใหญ่โบกสะบัดจนสร้างพายุถล่มเมืองบนดาวบีจี้จนพินาศก่อนจะแทคทีมสู้กับไดเลอ้อนพร้อมกับมาริกอสแต่ก็ถูกน็อคด้วย"คอสมิค ครัช" จนได้สติกลับคืนมา
  • เทซึกอส (テツゴス) (ตอนที่2) สัตว์ยักษ์รูปแบบไดโนเสาร์สีดำที่มีหางยาวและมีเขาคล้ายกระทิง 1 คู่บนหัว และเป็นสัตว์ยักษ์ที่อยู่ในไตเติ้ลเปิดเรื่อง ปรากฏตัวบนดาวพีซ โดยหลังจากพวกจัสเปี้ยนถูกซาตานโกสล่อให้มาเจอกับยานอวกาศไร้ชีวิตจากดาวโลกซึ่งไม่มีผู้รอดชีวิตราวกับเป็นยานผีสิงล่อลวงมาจนพายานไดเลอ้อนมาตกลงบนดาวพีซซึ่งเกือบจะเป็นดาวร้างและถูกตามล่าด้วยนักรบเอเลี่ยนผีสิง จัสเปี้ยนที่ไล่ตามไปช่วยแอนลี่และมียะที่ถูกจับตัวไปก็พบกับดาวเทียมซากุระของดาวโลกที่ถูกดัดแปลงให้เป็นเครื่องมือควบคุมผู้คนของซาตานโกสโดยมันควบคุมแอนลีให้ทำร้ายจัสเปี้ยน จากนั้นจัสเปี้ยนก็ทำการต่อสู้กับดาวเทียมนั้นและพากันหนีออกมาได้ก็พบกับ เทซึกอสที่รับแสงจิตมารจากซาตานโกสและรวมร่างกับดาวเทียมซากุระเพื่อสู้กับจัสเปี้ยน เทซึกอสนั้นสามารถพ่นไอเย็นจากปากและปล่อยแสงทำลายจากดวงตาเป็นอาวุธ หลังถูกปราบด้วย "คอสมิค ครัช" ของไดเลอ้อน ทั้งดาวเทียมซากุระรวมถึงดาวพีซก็ระเบิดทำลายตัวเองตามไปเช่นกัน
  • นามาเกรัส (ナマゲラス) (ตอนที่3 และ 25) สัตว์ยักษ์รูปร่างคล้ายตัวสลอธที่พวกจัสเปี้ยนพบบนดาวโดโดในสภาพที่นามาเกรัสและเด็กน้อยโคโคกำลังถูกผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่บนดาวโดโดไล่ล่าเพราะได้ข่าวว่าดาวดวงอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียงถูกสัตว์ยักษ์ทำลายสิ้นทำให้ผู้ปกครองของดาวโดโดออกคำสั่งไล่ล่าและฆ่าสัตว์ยักษ์บนดาวตนเองให้หมดก่อนจะกลายเป็นภัยคุกคาม แท้จริงแล้วนามาเกรัสเป็นสัตว์ยักษืที่อ่อนโยนและเป็นมิตรมากโดยมันเป็นผู้เลี้ยงดูเด็กกำพร้าโคโคเสมือนเป็นลูกของมันเองแต่เพราะความหวาดระแวงของผู้ปกครองจึงถูกไล่ล่าด้วยลูกดอกอาบยาพิษแต่จัสเปี้ยนที่เห็นว่าสัตว์ยักษ์ไม่ได้ชั่วร้ายไปหมดแต่ที่พวกมันดุร้ายเป็นเพราะถูกซาตานโกสครอบงำต่างหาก จัสเปี้ยนจึงให้ความช่วยเหลือโดยช่วยตามหาผลแห่งชีวิตมาช่วยรักษานามาเกรัสโดยไม่สนใจต่อท่าทีของผู้คนบนดาวโดโด ทว่าซาตานโกสก็ปรากฏตัวขึ้นและใช้แสงจิตมารล้างสมองนามาเกรัสให้กลายเป็นสัตว์ยักษ์ที่ดุร้ายมีรูปร่างเปลี่ยนไปเล็กน้อยโดยหูตั้งชี้ มีเขี้ยวงอกออกมาและมีเขางอกมากลางหน้าผากอีก 1 อัน นามาเกรัสที่ดุร้ายขึ้นสามารถพ่นไฟได้และโจมตีเมืองของดาวโดโดจนผู้ปกครองต้องสั่งให้กำจัดด้วยปืนใหญ่ลำแสงแต่จัสเปี้ยนก็เข้าไปห้ามปรามและชี้แจงเหตุผลก่อนจะเข้าไปขัดขวางนามาเกรัสด้วยยานรบต่างๆจากเบาไปถึงหนักจนสุดท้ายก็ถูกน็อคด้วย "ไดเลอ้อน คิ๊ก" จนฟื้นคืนสติและกลับเป็นสัตว์ยักษ์ที่อ่อนโยนดังเดิม ในตอนที่ 25 นามาเกรัสก็ไล่ตามพวกพี่น้องกาซามิที่ลักพาตัวโคโคมายังโลกเพื่อหวังใช้เป็นเครื่องมือในการกำจัดจัสเปี้ยน นามาเกรัสช่วยต่อสู้กับสัตว์ยักษ์ "ดอนเกส" อีกแรงร่วมกับไดเลอ้อนจนสามารถช่วยเหลือโคโคออกมาได้อย่างปลอดภัย จากนั้นจัสเปี้ยนก็แนะนำให้ทั้งโคโคและนามาเกรัสเดินทางไปยังดาวเอจินเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะปราบซาตานโกสลงได้
  • ไกออส (ガイオス) (ตอนที่4) สัตว์ยักษ์ที่อาศัยอยู่ใต้ดินบนดาวโลกถูกซาตานโกสควบคุมให้สร้างแผ่นดินไหวจากใต้ดินเพื่อทำลายเมืองที่อยู่ด้านบน เป็นคู่ต่อสู้ของไดเลอ้อนบนโลกตัวแรก สามารถพ่นแก๊สระเบิดและสามารถปล่อยกระดองบนหลังให้พุ่งไปโจมตีเป้าหมายได้ ไกออสแม้จะเป็นสัตว์ที่อยู่ใต้ดินแต่ก็เคลื่อนที่บนผิวดินได้คล่องแคล่วทั้งยังกระโดดพุ่งชนใส่ไดเลอ้อนจนชะงักไปเหมือนกันแต่ก็ถูกปราบลงด้วย "คอสมิค ครัช" แต่ไม่ชัดเจนว่าถูกน็อคหรือเสียชีวิตกันแน่
  • กิกะ (ギガ) (ตอนที่5) สัตว์ยักษ์รูปร่างเหมือนช้างสีน้ำตาลปรากฏตัวอย่างเป็นปริศนาเพียงชั่วครู่โดยจริงๆแล้วมันอาศัยอยู่ในมิติคู่ขนานที่ไม่เกี่ยวข้องกับโลกของเรา มีเพียงเด็กหญิงชื่อ "ซาโตมิ" และจัสเปี้ยนเท่านั้นที่สามารถมองเห็นมันได้แต่ก็เพียงชั่วขณะนึงเท่านั้นเพราะมันอยู่ในมิติคู่ขนานตามปกติจึงไม่ก่อให้เกิดผลใดๆต่อโลก แม็ดเกียรันจึงได้ไปหลอกซาโตมิว่าสัตว์ยักษ์นั้นคือพ่อของซาโตมิที่กลับชาติมาเกิดจึงมีแต่ซาโตมิเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้และมอบเครื่องดนตรีเป่าผลึกหลากสีให้แก่ซาโตมิโดยหลอกว่าเป็นอุปกรณ์ที่สามารถเรียกสัตว์ยักษ์ตัวนั้นมาได้แต่แท้จริงแม็ดเกียรันหลอกใช้ให้ซาโตมิให้เรียกกิกะข้ามมิติมายังโลกของเราเพื่อให้ซาตานโกสยิงแสงจิตมารเพื่อควบคุมกิกะมาเป็นสมุนโดยใช้ซาโตมิเป็นเครื่องมือ กิกะมีงวงที่ทรงพลังสามารถใช้ยกร่างของไดเลอ้อนเหวี่ยงไปมาได้สบายๆอีกทั้งยังสามารถหลบเข้าไปซ่อนในรอยแยกของมิติและปรากฏตัวกลับมาได้ดังใจสร้างความลำบากให้แก่จัสเปี้ยนพอสมควรอีกทั้งยังได้รับพลังจากซาโตมิผ่านเครื่องเป่าอีกด้วยทำให้จัสเปี้ยนต้องทำลายเครื่องเป่าของซาโตมิเพื่อให้มันอ่อนกำลังลงและปราบด้วย "คอสมิค ครัช" จนร่างของกิกะระเบิดหายเข้าไปในรอยแยกต่างมิติ
  • เกลก้อน (ゲルゴン) (ตอนที่6) สัตว์ยักษ์ที่มีขนาดใหญ่โตราวกับภูเขาปรากฏตัวขึ้นเพื่อตามหาลูกน้อยที่พลัดหลงของตัวเอง โดยลูกของเกลก้อนนั้นมีขนาดเล็กจนเด็กสามารถอุ้มได้สบายๆมีหน้าตาน่ารักและไม่ดุร้ายจึงเป็นที่รักใคร่ของเด็กๆและจัสเปี้ยนเช่นเดียวกับแม็ดเกียรันที่ให้ความสนใจที่จะแย่งชิงตัวลูกมาเพื่อล่อให้เกลก้อนตัวแม่ปรากฏตัวออกมาแล้วให้ซาตานโกสยิงแสงจิตมารเพื่อครอบงำตามเคย ในระหว่างการต่อสู้ของจัสเปี้ยนกับแม็ดเกียรันที่กำลังใช้เด็กๆเป็นตัวประกันโดยมีบูมเมอแรงเข้าร่วม เกลก้อนตัวแม่ก็ปรากฏตัวออกมาเพื่อพาลูกของตนกลับไปแต่ก็ถูกแสงจิตมารของซาตานโกสจนคุ้มคลั่งไม่สนใจแม้แต่ลูกของตัวเองถึงกับโยนลูกทิ้งอย่างไม่ใยดีแต่เคราะห์ดีที่จัสเปี้ยนช่วยเอาไว้ได้ เกลก้อนตัวแม่นั้นแต่เดิมก็ไม่ได้เป็นสัตว์ยักษ์ที่ดุร้ายแต่หลังถูกครอบงำก็ใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งดุจหินผาพุ่งเข้าชนไดเลอ้อนอย่างบ้าคลั่งแถมยังพ่นไฟจากปากหรือแม้แต่ปล่อยให้แมกม่าในตัวปะทุออกมาตามปล้องบนลำตัวอีกด้วย การต่อสู้เป็นไปอย่างยากลำบากเพราะไดเลอ้อนต้องคอยคุ้มกันตัวลูกของเกลก้อนจนสุดท้ายต้องยิงด้วย "ไดเลอ้อน บีม" จนเกลก้อนตัวแม่สลบและฟื้นสติจากแรงช็อคและพาลูกของตนกลับบ้านไปอย่างปลอดภัย ในช่วงท้ายชุดของเกลก้อนถูกนำมาทาสีใหม่เพื่อเป็นกองทัพสัตว์ยักษ์ที่ออกอาละวาดหลังไดซาตานโกสปรากฏตัว
  • อิวะกอริลล่า (イワゴリーラ) (ตอนที่7) สัตว์ยักษ์ทรงพลังที่หลับใหลและแฝงตัวกลืนไปกับภูเขา ถูกแม็ดเกียรันปลุกให้ตื่นขึ้นจากการหลับใหลโดยจับผู้คนไปขังไว้ในภูเขาซึ่งเป็นร่างของอิวะกอริลล่าเพื่อเข้าไปเป็นเหยื่อของมันในจำนวนนั้นก็มีบูมเมอแรงรวมอยู่ด้วย หลังจากจัสเปี้ยนช่วยคนที่ถูกจับไปออกมาได้ซาตานโกสก็ยิงแสงจิตมารปลุกอิวะกอริลล่าให้ตืนขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ อิวะกอริลล่ามีร่างกายส่วนใหญ่เป็นหินที่แข็งแกร่งสมชื่อและมีพละกำลังมหาศาลทัดเทียมกับไดเลอ้อนแต่ก็ไม่มีอาวุธหรือพลังพิเศษอื่นๆนอกจากพ่นลมหายใจที่รุนแรงเท่านั้นแต่ก็ถูกปราบด้วย "คอสมิค ครัช" จนร่างแตกกระจายเป็นชิ้นๆในที่สุด
  • โอนิเดวิล่า (オニデビラー) (ตอนที่8) สัตว์ยักษ์รูปร่างคล้ายยักษ์โอนิสีแดงมีเขาที่แม็ดเกียรันวางแผนจับตัวล็อตหนึ่งในสปายจากดาวสกายที่ทรยศมารวมร่างเข้ากับโอนิเดวิล่าเพื่อเป็นการลงโทษคนทรยศโดยให้ทุกข์ทรมานอยู่ในร่างของสัตว์ยักษ์แต่ก็ถูกจัสเปี้ยนเข้าขัดขวางในระหว่างรวมร่างจนสามารถช่วยล็อตออกไปได้ แม้โอนิเดวิล่าจะมีรูปลักษณ์ที่น่ากลัวแต่ก็เป็นได้แค่สัตว์ยักษ์ด้อยปัญญาที่ต่อสู้ด้วยสัญชาติญาณเพียงอย่างเดียว โอนิเดวิล่าไม่มีความสามารถอย่างอื่นนอกจากใช้พละกำลังและเขาบนหัวเข้าขวิดเพื่อสู้กับไดเลอ้อนจนถูก "คอสมิค ครัช" ปราบลงอย่างง่ายดายโดยไม่ทราบแน่ชัดว่าถูกน็อคหรือเสียชีวิตกันแน่
  • คิดาม่า (キダマー) (ตอนที่9) สัตว์ยักษ์รูปแบบต้นไม้ แต่เดิมแล้วเป็นต้นสนที่ยืนต้นมาหลายปีจนมิอาจนับได้ที่จัสเปี้ยนบังเอิญพบเข้าระหว่างท่องเที่ยว และเนื่องจากผ่านกาลเวลามายาวนานจึงมีความทรงจำและจิตวิญญาณเป็นของตัวเองสามารถพูดและร้องเพลงได้ทว่าพื้นที่ป่าของมันก็ถูกปรับพื้นที่ถางและโค่นต้นไม้ต้นอื่นจนหมดเหลือต้นนี้เพียงต้นเดียวทำให้ซาตานโกสใช้ประโยชน์จากจุดนี้ทำลายต้นสนต้นนี้แล้วสร้างร่างขึ้นใหม่ด้วยพลังชั่วร้ายกลายเป็น "คิดาม่า" ขึ้นมาและปล่อยแสงจิตมารปลูกฝังความแค้นต่อมนุษย์เพื่อให้มันออกทำลายเมืองของมนุษย์เพื่อเปลี่ยนพื้นที่ให้กลับเป็นป่าดังเดิม ในการต่อสู้ยกแรกจัสเปี้ยนจำได้ว่าคิดาม่าคือต้นสนที่เคยเจอกันมาก่อนโดยจำเสียงร้องได้จึงพยายามพาคิดาม่าออกจากเมืองไปมัดไว้ด้วยโซ่ยังภูเขาอันห่างไกลเพื่อไม่ให้ออกอาละวาดได้อีกแต่แล้วซาตานโกสก็มายิงแสงจิตมารใส่อีกครั้งเพื่อเพิ่มพลังของคิดาม่าเข้าไปอีกโดยสามารถพ่นละอองพิษที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองแพร่กระจายไปทั่วเมืองจนชาวเมืองใหญ่ป่วยกันถ้วนหน้ายกเว้นคนในครอบครัวของเด็กชายชื่ออิซามุที่ไม่ได้รับผลใดๆเพราะครอบครัวนี้ใช้ชีวิตกับต้นไม้ที่ดูแลปลูกขึ้นมาอย่างดีเสมอ อิซามุจึงถูกแม็ดเกียรันจ้องเล่นงานแต่ก็ถูกจัสเปี้ยนและบูมเมอแรงช่วยเหลือเอาไว้ได้ คิดาม่าสู้กับไดเลอ้อนอีกครั้งโดยสามารถพ่นแท่งไม้ขนาดใหญ่ออกมาโจมตีได้และสามารถมุดตัวฝังลงใต้พื้นดินได้แต่ก็ถูก "คอสมิค ครัช" จนร่างระเบิดเป็นชิ้นๆ จัสเปี้ยนที่เข้ามาตรวจสอบก็พบกับกิ่งที่ยังสมบูรณ์เหลือรอดอยู่จึงมอบให้ครอบครัวของอิซามุนำไปปักชำและดูแลต่อไป
  • พิราซารุ (ピラザール) (ตอนที่10) สัตว์ยักษ์รูปแบบปลาโบราณที่ถูกดอกเตอร์ซไวย์โคลนนิ่งขึ้นมาจากซากฟอสซิลของปลาโบราณที่ถูกเด็กชายฮิโรชิพบเข้าโดยบังเอิญจนตกเป็นข่าวใหญ่โต แม็ดเกียรันจึงใช้นักรบอเมซอนเนสทั้งสองไปแย่งชิงมาเพื่อให้ดอกเตอร์ซไวย์ทำการโคลนนิ่งแบบเดียวกับที่สร้างนักรบอเมซอนเนส ในตอนแรกที่ถูกโคลนขึ้นมาก็เติบโตอย่างรวดเร็วจากขนาดเล็กกว่าเด็กก็โตเท่ามนุษย์ผู้ใหญ่ในพริบตาและยังโตขึ้นจนมีขนาดกว่า 60 เมตรในเวลาไม่ถึงวันสามารถพ่นน้ำแรงดันสูงจากปากและใช้หางอันใหญ่โตสร้างคลื่นยักษ์ถล่มชายฝั่ง เนื่องจากเป็นสัตว์น้ำจึงถนัดการต่อสู้ใต้น้ำและได้ลากไดเลอ้อนไปสู้กันใต้ทะเลสร้างความลำบากให้ไดเลอ้อนพอสมควรแต่พอถูกลากขึ้นมาสู้กันบนบกก็ถูกไดเลอ้อนปราบด้วย "คอสมิค ครัช" จนร่างระเบิด หลังจากนั้นจัสเปี้ยนก็ส่งซากฟอสซิลที่เหลืออยู่คืนแก่ฮิโรชิ
  • กามาโกรัส (ガマゴラス) (ตอนที่11) สัตว์ยักษ์รูปร่างเหมือนคางคกยักษ์มีเขาซ่อนตัวอยู่ในบึงและคอยพ่นหมอกประหลาดที่ทำให้ผู้ที่สัมผัสกับหมอกนี้มีผมหงอกขาวและกลายเป็นพวกชื่นชอบความรุนแรง อาละวาดทำลายข้าวของโดยหมอกประหลาดนั้นเป็นไอระเหยจากเมือกสีขาวของกามาโกรัสเอง กามาโกรัสนั้นแต่เดิมเป็นสัตว์ยักษ์ที่รักสงบแต่วันนึงได้เกิดอุบัติเหตุจากสารกัมมันตภาพรังสีทำให้กามาโกรัสกลายพันธุ์เป็นสัตว์ยักษ์ที่น่ากลัวและมีความสามารถพิเศษที่สามารถแยกสสารของตนเองได้ อีกทั้งเมือกสีขาวของกามาโกรัสนั้นกล่าวกันว่าผู้ใดที่ได้ดื่มเข้าไปจะมีอายุยืนยาวนับพันปีแต่สิ่งที่ตามมาก็คือคนเหล่านั้นจะบ้าคลั่งขาดสติจนทำให้ดาวหลายดวงเกิดสงครามอันโง่เขลาและทำลายตนเองไป จากนั้นกามาโกรัสก็จะสลายร่างตนเองและเดินทางต่อไปยังดาวดวงอื่นเพื่อเริ่มการทำลายเช่นนี้นี้ต่อไปจนมาถึงที่ดาวโลก เป้าหมายกลุ่มแรกก็คือเหล่าผู้นำในศาสตร์แขนงต่างๆนอกจากจะทำให้การพัฒนาด้านต่างๆล่าช้าแล้วผู้ที่ถูกหมอกครอบงำยังตกเป็นทาสของกามาโกรัสและชักชวนผู้คนให้เข้าเป็นสมุนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นคนของจักรวรรดิ์สัตว์ยักษ์ไปในที่สุด แม็ดเกียรันหวังให้เหล่าสาวกที่ตอนนี้เสมือนเป็นกองกำลังทางทหารเข้าทำลายงานเอกซ์โปวิทยาศาสตร์ที่กำลังจัดขึ้นในขณะนั้นเพื่อสร้างความโกลาหลแต่ผู้ถูกควบคุมก็พ้นจากสภาพนั้นเพราะจัสเปี้ยนใช้ "บีม สแกนเนอร์" ในระดับพลังอ่อนเพียงพอให้เกิดการช็อคเท่านั้น กามาโกรัสสามารถแลบลิ้นยาวๆไว้ใช้โจมตีและสามารถพ่นไฟได้ อีกทั้งยังสามารถสลายตัวเป็นหมอกเพื่อหายตัวได้อีกด้วยแต่กามาโกรัสนั้นหวาดกลัวเงาสะท้อนของตนเองมากที่สุดทำให้เมื่อกามาโกรัสเห็นเงาสะท้อนของตัวเองโดยเห็นจากเงาที่สะท้อนจากส่วนปล่อยแสงบนร่างของไดเลอ้อนจึงเกิดอาการหวาดกลัวสุดขีดจนเปิดช่องให้ถูกจัดการด้วย "คอสมิค ครัช" จนร่างระเบิดกระจุย
  • คาเบะกอนตะ (カベゴンタ) (ตอนที่13) สัตว์ยักษ์รูปร่างหน้าขันเพราะดูเหมือนเป็นแผ่นหินสี่เหลี่ยมที่มีหัวยักษ์กับแขนขาสั้นๆงอกออกมาเฉยๆ แต่เดิมเป็นตัวละครที่เด็กชายริวอิจิซึ่งชื่นชอบจัสเปี้ยนและมีพรสวรรค์ในการวาดการ์ตูนออกแบบและวาดขึ้นมาเพื่อให้สู้กับจัสเปี้ยนโดยกำหนดบุคลิคและความสามารถไว้ระดับนึงโดยบอกว่าเดิมเป็นยักษ์ที่หลับอยู่อย่างสงบแต่เมื่อถูกแสงอาทิตย์จะขยายร่างใหญ่และออกอาละวาดแต่เมื่อได้ยินเสียงเพลงจะเต้นตามจนพลังหมดและร่างหดลงเท่าเดิม จากนั้นกระดาษที่มีรูปของคาเบะกอนตะถูกบุริม่าและเกียวรุใช้แผ่นหินคำสาปและพลังของซาตานโกสมาสร้างเป็นสัตว์ยักษ์ ในตอนแรกยังมีความสามารถแบบเดียวกับที่วาดเอาไว้จึงถูกจัสเปี้ยนเปิดเพลงแล้วหลอกให้เต้นตามจนตัวหดลง จากนั้นแม็ดเกียรันก็ตามไปข่มขู่ให้ริวอิจิวาดคาเบะกอนตะให้แข็งแกร่งไร้เทียมทามแล้วสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งทำให้คราวนี้จึงใช้วิธีเดิมจัดการกับมันไม่ได้อีกทั้งยังมีพลังเพิ่มขึ้นมากจนการโจมตีของไดเลอ้อนใช้ไม่ได้ผลแต่เมื่อริวอิจิพบกระดาษที่เป็นต้นกำเนิดจึงจัดการฉีกทิ้งทำให้พลังของคาเบะกอนตะสูญสลายและถูกกำจัดด้วย "คอสมิค ครัช" จนร่างแตกสลาย
  • อุมิคิง (ウミキング) (ตอนที่14) สัตว์ยักษ์รูปร่างคล้ายงูน้ำยักษ์มีแขนขาจากยุคไดโนเสาร์ที่หลับไหลอยู่ในทะเลสาบฮามานาโกะถูกซาตานโกสปลุกขึ้นมาเพื่อให้ดำเนินแผนการสร้างแผ่นดินไหวเพื่อทำลายเมืองโดยรอบของทะเลสาบ อุมิคิงแม้เป็นสัตว์น้ำแต่ก็ต่อสู้บนบกได้อย่างดีมีความสามารถพิเศษที่สามารถสูบพลังงานรอบตัวมาใช้ได้ไม่ว่าจะเป็นพลังงานความร้อนจากแมกม่ามาใช้เป็นพลังพ่นไฟหรือพลังงานไฟฟ้าก็ได้ อีกทั้งยังมีกรงเล็บที่แหลมคมและใช้หางที่ยาวเกือบเท่าลำตัวฟาดใส่หรือใช้รัดร่างศัตรูก็ได้ถูกไดเลอ้อนยิงด้วย "ไดเลอ้อน บีม" จากบนหัวจนหางขาดและถูกปราบด้วย "ไดเลอ้อน บีม" จากตรงหน้าอกจนร่างระเบิดในที่สุด
  • พอร์ตซันคิ (ポートサンキ) (ตอนที่15) สัตว์ยักษ์ทรงไดโนเสาร์ไตรเซอราทอปที่พรางตัวเป็นลานจอดเฮลิคอปเตอร์ที่หวังจะล่อให้ไดเลอ้อนลงจอดแต่จัสเปี้ยนสังเกตเห็นความผิดปกติจึงแค่นำการ์บินเจ็ตมาลงจอดให้มันเผยตัว สามารถพ่นแก๊สระเบิดและใช้เขาเป็นอาวุธจู่โจม สุดท้ายถูกไดเลอ้อนเหวี่ยงให้ลอยขึ้นฟ้าแล้วใช้ "คอสมิค ครัช" ต่อยซ้ำขณะตกลงมาแต่ไม่แน่ชัดว่าแค่ถูกน็อคหรือเสียชีวิตกันแน่
  • มนุษย์ดาวไดมัน (ダイマン星人) (ตอนที่16) มนุษย์ต่างดาวกึ่งจักรกลที่มีร่างกายคล้ายคอมพิวเตอร์มีแขนขาใช้แขนที่ยืดได้ยาวเป็นเมตรจับยึดศีรษะของเหยื่อเพื่อดูดเอาความรู้และความทรงจำออกจากตัวมนุษย์ได้ ส่วนผู้เคราะห์ร้ายหลังถูกดูดความรู้ออกไปจากสมองก็จะกลายเป็นคนบ้าใบ้ไร้ปัญญากลายเป็นทาสของแม็ดเกียรันเพื่อการสร้างจักนวรรดิ์สัตว์ยักษ์ต่อไป ในการต่อสู้กับจัสเปี้ยนหลังจากได้รับแสงจิตมารจากซาตานโกสก็ขยายร่างใหญ่ขึ้น มีแสงไฟฟ้าที่ยิงจากเสาอากาศบนหัวเป็นอาวุธและยังสามารถเทเลพอร์ตไปมาจนไดเลอ้อนแทบทำอะไรไม่ได้แต่หลังจากจัสเปี้ยนใช้ "เซนเซอร์ อายส์" ตรวจสอบก็พบว่าไดมันไม่ได้ขยายร่างใหญ่ขึ้นแต่ใช้การฉายภาพโฮโลแกรมขนาดใหญ่มาหลอกจึงถูกกำจัดด้วย "ไดเลอ้อน บีม" จากตรงหน้าอกจนร่างระเบิดกระจุย
  • เฮดโดริม่า (ヘッドドリマー) (ตอนที่17) สัตว์ยักษ์รูปร่างเหมือนหนอนขนาดยักษ์สามตามีปีกแถมที่ส่วนหางยังมีหัวของสัตว์ประหลาดที่มีใบหน้าอยู่ทั้งส่วนบนและล่างของขากรรไกรอีกด้วย สามารถปล่อยหมอกออกมาพรางตัวได้ถูกส่งตัวมาตามจับพี่น้องนัมบาระโดยสามารถจับตัวคาโนโกะไปได้ด้วยการสูดลมหายใจเข้าทางปากจนกลืนคาโนโกะลงท้องไปจนจัสเปี้ยนต้องตามเข้าไปช่วยออกมาแต่คาโนโกะที่ช่วยกลับมาได้ก็เป็นตัวปลอมโดยเป็นเกียวรุปลอมตัวมาส่วนตัวจริงนั้นถูกแม็ดเกียรันใช้เป็นตัวประกันขู่ให้จัสเปี้ยนต้องถอดเมทัลเท็คสูทออกจนโดนรุมเล่นงานจากสี่จ้าวฟ้าที่เหลือรวมทั้งเฮดโดริม่าก็ออกมารุมด้วยโดยถอดหัวประหลาดที่หางออกมาไล่โจมตีจัสเปี้ยนด้วย แต่ในระหว่างถูกเล่นงานจัสเปี้ยนก็มีโอกาสสวมเมทัลเท็คสูทและเข้าช่วยเหลือคาโนโกะตัวจริงออกมาได้ เฮดโดริม่านั้นแม้ถูก "คอสมิค ครัช" เข้าไปจังๆก็ยังไม่ตายอีกทั้งยังสูดลมหายใจดูดทุกสิ่งรอบข้างเข้าไปจนมีขนาดตัวมหึมายิ่งกว่าไดเลอ้อนแต่ก็โดน "ไดเลอ้อน บีม" จากบนหัวซ้ำเข้าไปอีกทีจนร่างแตกสลายไปในที่สุด
  • อุมิบุร่า (ウミブラー) (ตอนที่19) สัตว์ยักษ์ใต้ทะเลที่มีปะการังขึ้นตามตัวอีกทั้งยังมีเรือรบพาดอยู่บนลำตัวส่วนบนด้วยเป็นสัตว์ยักษ์คู่ชีพของ "มนุษย์ใต้ทะเล ซามูไร" คอยดักจมเรือที่ผ่านเข้ามายังอาณาเขตของตน ซามูไรร่วมมือกับแม็ดเกียรันเพื่อสร้างกองทัพโลมาติดมิซไซส์เพื่อเป็นกองกำลังทางทะเลโดยแลกกับการได้เป็นผู้ปกครองแห่งท้องทะเล อุมิบุร่ามีปืนใหญ่ที่ยิงจากเรือรบบนหัวไหล่และมีสมอเรือขนาดใหญ่เป็นอาวุธ ในการต่อสู้กับไดเลอ้อนถูกจัดการด้วย "คอสมิค ครัช" จนกระเด็นตกทะเลและร่างระเบิดไปทำให้ซามูไรสูญเสียพลังชีวิตที่ได้รับมาจากอุมิบุร่าจึงถูกจัสเปี้ยนกำจัดด้วย "คอสมิค ฮาร์เล่ย์" ตามไปอีกคน
  • ฮาคะบาน (ハカバーン) (ตอนที่20) สัตว์ยักษ์คล้ายมังกรที่มีปีกคล้ายเคียวอันแหลมคม ถูกส่งเข้าไปสอกในการต่อสู้ของจัสเปี้ยนกับคิลาลิสต์เพื่อช่วยในการกำจัดจัสเปี้ยนแต่เนื่องจากคิลาลิสต์ปฏิเสธความช่วยเหลือโดยอยากจะกำจัดจัสเปี้ยนเองจึงถูกฮาคะบานเล่นงานไปด้วย คิลาลิสต์จึงบอกทางออกจากกับดักแก่จัสเปี้ยนก่อนหนีเข้าไปในโลงของตัวเองก่อนถ้ำจะถล่ม ฮาคะบานสามารถพ่นไฟได้และสามารถนำปีกทั้งสองข้างมาใช้เป็นอาวุธเคียวในการต่อสู้อีกทั้งยังมีจรวดมิซไซส์จากฐานทัพลับคอยสนับสนุนแต่ก็ถูกกำจัดลงด้วย "คอสมิค ครัช" จนร่างระเบิด
  • แมกเนด้า (マグネーダー) (ตอนที่21) สัตว์ยักษ์จักรกลจากอวกาศที่ถูกส่งมาในแคปซูลเดินทางมายังโลกโดยอาศัยการส่งสัญญาณนำทางจากเสาสังสัญญาณที่พรางเอาไว้ให้เหมือนกับหอประภาคารและสลับสับเปลี่ยนกับประภาคารจริงเพื่อพรางตาจัสเปี้ยนแต่ถูกเด็กชายทาเคชิเห็นเข้าโดยบังเอิญจึงถูกบุริม่าใช้เวทมนตร์สะกดจิตเพื่ออำพรางแต่ทางแอนรีก็จับสัญญาณประหลาดนี้ได้จัสเปี้ยนจึงตามรอยมา สุดท้ายก็ถูกจัสเปี้ยนรู้เข้าจนได้และเข้าทำลายเสาส่งสัญญาณแต่ก็สายเกินไปเพราะแคปซูลของแมกเนด้าตกมายังโลกแล้ว แมกเนด้าเป็นสัตว์ยักษ์จักรกลที่สามารถปล่อยแม่เหล็กแรงสูงจากเสาอากาศบนหัวจนยกร่างของไดเลอ้อนแขวนไว้กลางอากาศและเหวี่ยงไปมาได้สบายๆอีกทั้งยังทำให้ระบบการทำงานของไดเลอ้อนปั่นป่วนใช้ดาบเล่มใหญ่เป็นอาวุธเล่นงานไดเลอ้อนจนย่ำแย่แต่ก็ถูกจัสเปี้ยนยิง "บีมสแกนเนอร์" เข้าที่หัวอย่างจังจนเสาอากาศเสียหายจนเป็นฝ่ายรวนซะเองจึงโดนไดเลอ้อนจับทุ่มเอาหัวปักพื้นแล้วยิง "ไดเลอ้อน บีม" จากหน้าตาจนถูกทำลาย
  • คุโมดะ (クモーダ) (ตอนที่22) สัตว์ยักษ์รูปแบบแมงมุมที่ติดตามเสนาธิการหญิงชิคิตะมายังโลก ข้อมูลมีสองกระแส อย่างแรกบอกว่าเป็นร่างแปลงของชิคิตะ บางทีก็บอกว่าเป็นสัตว์ยักษ์คู่ใจ โดยเล่นงานจัสเปี้ยนครั้งนึงเพื่อเปิดโอกาสให้ชิคิตะไปลักพาตัวคาโนโกะแล้วใช้เวทมนตร์สะกดจิตคาโนโกะเพื่อให้ตามดูว่านัมบาระเจอนกทองคำที่ไหนแต่เมื่อพวกแม็ดเกียรันปล่อยนกทองคำให้หลุดมือไปได้ชิคิตะก็รับแสงจิตมารจากซาตานโกสและกลายเป็นคุโมดะเข้าต่อสู้กับไดเลอ้อนด้วยขาทั้งแปดข้างอันแหลมคมและสามารถพ่นใยและปล่อยแสงจจากดวงตาออกมาโจมตี อีกทั้งยังมีเวทมนตร์ลวงตาจึงเล่นงานได้ยากจนจัสเปี้ยนต้องใช้ "เซนเซอร์ อายส์" หาตำแหน่งจนพบชิคิตะซ่อนตัวอยู่ในตัวของคุโมดะจึงเล่นงานด้วย "ไดเลอ้อน บีม" จนชิคิตะเสียชีวิตแล้วใช้ "คอสมิค ครัช" ซ้ำจนร่างลุกไหม้
  • ชิชิอ้อน (シシオーン) (ตอนที่23) สัตว์ยักษ์รูปร่างเหมือนสิงโตจีนที่สองพ่อลูกยาดะพบเข้าโดยบังเอิญตอนเป็นลูกสัตว์ยักษ์ ยาดะผู้พ่อพบเข้าในขณะที่มันบาดเจ็บจึงนำมารักษาจนหายและเมื่อพบว่าแม่ของมันตายไปแล้วจึงได้ดูแลเลี้ยงดูมาพร้อมกับลูกสาว ชิชิอ้อนเป็นสัตว์ยักษ์ที่เชื่องและเป็นมิตรอีกทั้งยังฉลาดมากจนยาดะสามารถฝึกให้แสดงความสามารถแบบละครสัตว์ได้จนทั้งจัสเปี้ยนและแม็ดเกียรันพบเข้าโดยบังเอิญ ฝ่ายจัสเปี้ยนจึงได้เล่าเรื่องของซาตานโกสให้ฟังและเตือนว่าให้เก็บเรื่องของชิชิอ้อนไว้เป็นความลับเพราะไม่อยากให้ตกเป็นเครื่องมือของซาตานโกส ในขณะที่แม็ดเกียรันก็ใช้แผนล่อเสือออกจากถ้ำโดยใช้ให้บุริม่ากับเกียวรุไปบอกเรื่องของชิชิอ้อนแก่โปรดิวเซอร์คิตามูระของสถานีโทรทัศน์ให้มาถ่ายทำรายการ ฝ่ายยาดะที่ตกหลุมพรางก็นำชิชิอ้อนออกทำการแสดงโดยมีสถานีโทรทัศน์มาถ่ายทำ ขณะที่กำลังออกอากาศอยู่นั้นซาตานโกสก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วใช้แสงจิตมารครอบงำชิชิอ้อนให้ออกอาละวาด จุดประสงค์ของแผนนี้คือให้ชิชิอ้อนออกอาละวาดเพื่อให้ผู้คนตื่นตระหนกและหวาดกลัวในสัตว์ยักษ์และพลังของซาตานโกสแม้จัสเปี้ยนจะเข้ามาขัดขวางแต่ชิชิอ้อนที่ถูกครอบงำก็เข้าเล่นงานไดเลอ้อนด้วยการพ่นไฟและกลิ้งหินลูกยักษ์เข้าใส่สร้างความลำบากให้แก่จัสเปี้ยนเพราะเขาไม่อยากทำร้ายชิชิอ้อนอีกทั้งพ่อลูกยาดะก็พยายามจะร้องเรียกชิชิอ้อนให้ได้สติแต่ชิชิอ้อนก็ถูกซาตานโกสยิงแสงจิตมารใส่เป็นครั้งที่สองทำให้ชิชิอ้อนบ้าคลั่งจนไม่อาจหยุดได้อีกแล้ว จัสเปี้ยนจำใจต้องสังหารชิชิอ้อนด้วย "คอสมิค ครัช" จนร่างระเบิดเพื่อไม่ให้ชิชิอ้อนต้องก่อกรรมไปมากกว่านี้
  • โมเคะ (モケ) (ตอนที่24) สัตว์ยักษ์เพศเมียหน้าตาคล้ายกระรอกที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าร่วมดำเนินแผนการเปลี่ยนจิตใจของเหล่าคนทำงานให้กลายเป็นสัตว์ป่าที่มีแต่ความละโมภผ่านแสงจากดวงตา เมื่อถูกจัสเปี้ยนเข้าขัดขวางจึงกลืนตัวประกันเข้าไปขังเอาไว้ในท้อง โมเคะนั้นไม่มีความสามารถอื่นในการต่อสู้จึงต้องใช้แผนตัวประกันทำให้จัสเปี้ยนสู้ได้อย่างยากลำบากทำให้ต้องบุกเข้าไปในตัวโมเคะเพื่อช่วยตัวประกันก่อนแล้วค่อยจัดการด้วย "คอสมิค ครัช" จนระเบิดในที่สุด
  • ดอนเกส (ドンゲス) (ตอนที่25) สัตว์ประหลาดใต้ดินที่มีหน้าเหมือนค้างคาวแต่มีแขนเป็นก้ามปูและมีเขาเหมือนแมลงกว่างบนหลังออกทำลายเมืองระหว่างที่จัสเปี้ยนติดกับของพี่น้องกาซามิที่ใช้โคโคเป็นเหยื่อล่อ เมื่อจัสเปี้ยนหนีออกมาได้ดอนเกสก็มุดซ่อนตัวอยู่ใต้ดินแล้วขุดรูเพื่อทำลายเมืองจากใต้ดินแทนทำให้จัสเปี้ยนต้องใช้การ์บินแทงค์ดำดินลงไปแต่ก็ถูกดอนเกสจับเอาไว้ได้แล้วเล่นงานจัสเปี้ยนอย่างหนักหน่วงแต่เคราะห์ดีที่นามาเกรัสซึ่งตามมายังโลกเพื่อช่วยโคโคก็เข้าต่อสู้กับดอนเกสจนจัสเปี้ยนมีโอกาสเรียกไดเลอ้อนมาช่วยได้สำเร็จ ดอนเกสใช้เหล็กไนที่ปล่อยระเบิดแสงออกมาต่อสู้กับไดเลอ้อนแต่ก็พลาดท่าถูกกำจัดด้วย "คอสมิค ครัช" จนได้
  • โบกา (ボーガー) (ตอนที่26) สัตว์ยักษ์สีเขียวหน้าตาเหมือนหมูของกาซามิผู้พี่ที่ถูกส่งมาเพื่อล้างแค้นให้กาซามิผู้น้อง โดยกาซามิสามารถเข้าไปนั่งควบคุมในตัวโบกาได้แล้วใช้จมูกหมูที่ยืดได้ไปเกาะติดและสูบพลังงานของไดเลอ้อนจนแทบไม่เหลือทำให้ในการต่อสู้ครั้งนี้จัสเปี้ยนตกที่นั่งลำบากอยู่พักใหญ่เพราะต้องรอให้ไดเลอ้อนชาร์จพลังงานกลับมาเสียก่อน เมื่อไดเลอ้อนชาร์จพลังจนเต็มก็รีบเหาะไปช่วยจัสเปี้ยนแล้วสู้กับโบกาอีกครั้ง แม้โบกาจะพยายามดูดพลังงานอีกทั้งยังพ่นไฟจากจมูกเข้าสู้ก็ไม่อาจต้านทานความพิโรธของจัสเปี้ยนและไดเลอ้อนได้จนถูกเหวี่ยงขึ้นฟ้าแล้วใช้ "คอสมิค ครัช" ต่อยซ้ำขณะร่วงลงมาจนร่างระเบิดกลางอากาศเลยทีเดียว
  • โซโดมอน (ソドモン) (ตอนที่27) สัตว์ยักษ์รูปร่างประหลาดที่มีทั้งสลอตแมชชีน รูเล็ตและลูกเต๋าอยู่บนตัว ร่วมกับพวกคิวตี้เกิร์ลดำเนินแผนล่อลวงและครอบงำให้เหล่าคนหนุ่มสาวมัวเมากับอบายมุกเพื่อบั่นทอนความเป็นมนุษย์และแทนที่ด้วยสัญชาตญาณที่ดิบเถื่อนของสัตว์ร้ายเพื่อให้ตกเป็นสมุนของจักรวรรดิ์สัตว์ยักษ์แล้วเข้าโจมตีจัสเปี้ยน โซโดมอนสามารถพ่นลมหายใจที่รุนแรงและสามารถสร้างภายลวงตาหลากหลายรูปแบบเพื่อให้จัสเปี้ยนสับสนแล้วเข้าโจมตีด้วยกรงเล็บอันแหลมคมแต่สุดท้ายก็ถูกกำจัดด้วย "คอสมิค ครัช" ทำให้เหล่าหนุ่มสาวพ้นจากการถูกครอบงำในที่สุด ในช่วงท้ายชุดของโซโดมอนถูกนำมาทาสีใหม่เพื่อเป็นกองทัพสัตว์ยักษ์ที่ออกอาละวาดหลังไดซาตานโกสปรากฏตัว
  • ไอเกอร์ (アイガー) (ตอนที่28) สัตว์ยักษ์ไซบอร์กที่ติดตามไอเกอร์แมนมาเพื่อกำจัดจัสเปี้ยน ในการต่อสู้ครั้งแรกทำการเก็บข้อมูลการต่อสู้ของไดเลอ้อนและถูกทำลายจนแหลกเป็นชิ้นๆ จากนั้นไอเกอร์แมนก็ประกอบร่างของไอเกอร์ขึ้นใหม่แล้วเข้าไปนั่งควบคุมไอเกอร์เหมือนเป็นสมองให้ไอเกอร์ เพราะไอเกอร์แมนวิเคราะห์ข้อมูลการต่อสู้ของไดเลอ้อนและจัสเปี้ยนมาอย่างละเอียดทำให้รับมือได้อย่างสบาย ไอเกอร์นั้นมีอาวุธจักรกลมากมายทั้งกงจักรใบเลื่อย ค้อนเหล็ก ลูกตุ้มติดโซ่ที่ยิงออกไปได้ พร้อมทั้งสว่านที่ลำตัวกดดันไดเลอ้อนได้อย่างหนักหน่วงจนต้องล่าถอยไปเพื่อทำการซ่อมแซม ฝ่ายไอเกอร์แมนที่ย่ามใจก็ถึงกับนำบังลังก์ของซาตานโกสออกมาโชว์เพื่อประกาศชัยชนะล่วงหน้ากันเลย ไดเลอ้อนจึงต้องออกมาสู้อีกครั้งแต่ก็ยังถูกเล่นงานจัสเปี้ยนจึงต้องบุกเข้าไปในตัวของไอเกอร์ทำให้ไอเกอร์แมนที่ไม่มีข้อมูลว่าจัสเปี้ยนจะทำเช่นนี้ก็ถึงกับลนลานจึงถูกจัดการด้วย "คอสมิค ฮาร์เล่ย์" ทำให้ไอเกอร์ที่ขาดสมองควบคุมก็ถูก "คอสมิค ครัช" กำจัดตามเจ้าของไปและไดเลอ้อนก็ทำลายบัลลังก์ของซาตานโกสด้วย "ไดเลอ้อน บีม" จากหน้าอกจนเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะอย่างงดงามไปแทน ในช่วงท้ายชุดของไอเกอร์ถูกนำมาทาสีใหม่เพื่อเป็นกองทัพสัตว์ยักษ์ที่ออกอาละวาดหลังไดซาตานโกสปรากฏตัว
  • แก๊สร่า (ガスラー) (ตอนที่29) สัตว์ยักษ์รูปร่างคล้ายกบที่มีท่อปล้องเต็มตัวสามารถพ่นแก๊สพิษออกมาได้ ออกอาละวาดทำลายเมืองเพื่อเป็นตัวล่อให้จัสเปี้ยนพะวงกับการต่อสู้ อีกด้านนึงแม็ดเกียรันก็ดำเนินแผนการวางระเบิดแก๊สทั่วเมืองแต่ซาจิที่ถูกจับตัวไปได้แอบส่งข้อความเตือนแก่จัสเปี้ยนแผนนี้จึงล้มเหลว แม็ดเกียรันที่รู้เรื่องเข้าก็ใช้ซาจิเป็นเหยื่อล่อจัสเปี้ยนออกมาแล้วพันธการด้วยสายรัดพิเศษแล้วให้แก๊สร่าจัดการแต่จัสเปี้ยนก็เรียกการ์บินออกมาช่วยได้ทันแล้วยิงลำแสงทำลายสายรัดก่อนจะช่วยซาจิหนีออกไปได้ แก๊สร่าสู้กับไดเลอ้อนได้ไม่นานก็ถูกกำจัดด้วย "คอสมิค ครัช"
  • บัลลูม (バルーム) (ตอนที่30) สัตว์ยักษ์สีแดงที่มีลูกโป่งแปะตามตัวเป็นสัตว์ยักษ์ตัวแรกของกิลซ่าสามารถปล่อยลูกโป่งเหล่านี้ออกไปเพื่อแฝงตัวเข้าสู่บ้านเรือนแล้วกลายเป็นสัตว์ประหลาดลูกโป่ง (風船生命体) เพื่อเข้าทำร้ายคนโดยบัลลูมสามารถควบคุมร่างแยกเหล่านั้นด้วยลูกโป่งลูกใหญ่ที่ปลายหาง กิลซ่าใช้แผนลูกโป่งสัตว์ประหลาดนี้เพื่อล่อจัสเปี้ยนมาติดกับเพื่อดึงวิญญาณออกจากร่างแต่เมื่อล้มเหลวกิลซ่าก็เรียกบัลลูมที่ได้รับแสงจิตมารเพิ่มพลังแล้วใช้ลูกโป่งระเบิดเล่นงานจัสเปี้ยน บัลลูมสามารถลอยไปมาในอากาศได้เหมือนลูกโป่งและยังสามารถปล่อยลูกระเบิดแสงจากลูกโป่งที่หางได้ด้วยแต่สุดท้ายก็ถูกปราบลงด้วย "คอสมิค ครัช" ไปจนได้ทำให้พวกสัตว์ประหลาดลูกโป่งที่กระจายตัวอยู่ทั่วเมืองตายตามไปด้วย
  • เดธจิรัส (デスチラス) (ตอนที่31) สัตว์ยักษ์รูปแบบปลาใต้ทะเลลึกที่มีเรือดำน้ำอยู่ที่ลำตัวโดยมีพวกมนุษย์ต่างดาวลูกสมุนคอยบังคับในส่วนนี้ เดธจิรัสมีหน้าที่วางทุ่มระเบิดนิวเคลียร์ตามแนวร่องสมุทรเพื่อให้เกิดแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ถล่มชายฝั่งในระหว่างที่จัสเปี้ยนและบูมเบอแรงกำลังยุ่งอยู่กับการจับเด็กนักเรียนเป็นตัวประกันเพื่อเรียกค่าไถ่ของพวกซิลค์ หลังจากปราบพวกซิลค์ได้แล้วจัสเปี้ยนก็ได้รับรายงานจากแอนรีถึงปฏิกิริยาโลหะจำนวนมากตามร่องสมุทร จัสเปี้ยนจึงนำไดเลอ้อนไปขัดขวาง เดธจิรัสนอกจากจะต่อสู้ใต้น้ำได้แล้วยังสามารถขึ้นมาสู้กันบนบกอีกทั้งยังสามารถมุดดินหลบหนีได้รวดเร็วและปล่อยทุ่มระเบิดมาโจมตีได้ ระหว่างการต่อสู้จัสเปี้ยนจัดการทำลายตึงจุดระเบิดซึ่งก็คือส่วนใบพัดด้านหลังของเดธจิรัสก่อนจะจัดการปราบด้วย "คอสมิค ครัช"
  • มาจิน (マジン) (ตอนที่33) แต่เดิมเป็นแผ่นหินรูปหน้าปีศาจที่กิลซ่าใช้ในการปลุกเสกจี้มนต์ดำออกเผยแพร่ให้แก่เด็กๆเพื่อทำเรื่องชั่วร้ายต่างๆ เมื่อจัสเปี้ยนออกโรงขัดขวาง ซาตานโกสก็ยิงแสงจิตมารเข้าใส่แผ่นหินจนกลายร่างเป็นสัตว์ยักษ์รูปร่างคล้ายค้างคาวสีดำที่ห้อยจี้มนต์ดำแบบเดียวกัน มาจินสามารถพ่นไฟได้และใช้เวทมนตร์เรียกวิญญาณสัตว์ยักษ์ที่ตายไปแล้วมารุมเล่นงานไดเลอ้อนแต่ก็ถูกไดเลอ้อนยิง "ไดเลอ้อน บีม" จากหน้าอกทำลายจี้มนต์ดำแล้วจัดการกำจัดด้วย "คอสมิค ครัช" ในที่สุด ในช่วงท้ายชุดของมาจินถูกนำมาทาสีใหม่เพื่อเป็นกองทัพสัตว์ยักษ์ที่ออกอาละวาดหลังไดซาตานโกสปรากฏตัว
  • โฟดอน (フォードン) (ตอนที่34) สัตว์ยักษ์จักรกลที่แปลงร่างจากป้อมปืนที่คุ้มกันฐานทัพลับของแม็ดเกียรัน ในตอนนี้แม็ดเกียรันได้ลักพาตัวดอกเตอร์คาตะยาม่าผู้ออกแบบระบบที่สามารถเคลื่อนย้ายดาวเคราะห์โดยแม็ดเกียรันต้องการใช้มันเคลื่อนย้ายดาวโลกไปยังดาวต่างๆเพื่อนำสัตว์ยักษ์จากดาวดวงอื่นๆมาเป็นสมุนแต่ดอกเตอร์นั้นทำการเก็บแบบพิมพ์เขียวเอาไว้ในไมโครฟิลม์จึงถูกล้วงความลับด้วยวิธีต่างๆจนจัสเปี้ยนต้องตามไปช่วยแต่ระหว่างทางก็พบกับระบบป้องกันต่างๆอาทิ ป้อมปืน จรวดมิซไซส์หรือกับระเบิด รวมทั้งสัตว์ยักษ์โฟดอนนี้ด้วย โฟดอนนั้นมีปืนใหญ่เป็นอาวุธหลักและสามารถยิงจรวดมิซไซส์จากตรงหัวเข่าเป็นอาวุธได้แต่ก็ถูกกำจัดด้วย "คอสมิค ครัช"
  • จิมูชิ (ジムシ) (ตอนที่36) สัตว์ยักษ์คล้ายมัมมี่ที่ไม่มีใบหน้าแต่มีปากอันใหญ่โตและมีเล็บแหลมคม ช่วยเหลือกิลซ่าออกตามหาเด็กผู้มีพลังของนกทองคำโดยจิมูชิสามารถมุดดินได้รวดเร็วแต่สุดท้ายก็ถูกจัดการด้วย "คอสมิค ครัช" จนได้
  • เอบิซอล (エビゾール) (ตอนที่37) สัตว์ยักษ์รูปร่างคล้ายกุ้งลอบสเตอร์ที่สวมหมวกกุ๊ก ออกปฏิบัติการเมื่อแผนใช้มียะตัวปลอบลอบสังหารจัสเปี้ยนไม่สำเร็จบุริม่าจึงใช้เวทมนตร์เปลี่ยนร่างเอบิซอลให้มีรูปร่างคล้ายมียะร่างยักษ์แต่ดูดุร้ายกว่าออกไปลวงจัสเปี้ยนว่าเป็นมียะที่ถูกดัดแปลงเป็นสัตว์ยักษ์แต่สุดท้ายความก็แตกเพราะจัสเปี้ยนจับไต๋ได้จากคำพูดของแม็ดเกียรันว่ามียะเกลียดชังและแค้นจัสเปี้ยน จัสเปี้ยนจึงรู้ได้ทันทีว่าเป็นตัวปลอมจึงยิงด้วย "ไดเลอ้อน บีม" จากหน้าอกทำลายเปลือกนอกเผยให้เห็นร่างของเอบิซอลที่มีแขนซ้ายเป็นส้อมขนาดใหญ่แต่ก็ไม่ค่อยมีฤทธิ์เดชมากนักจึงถูกจัดการด้วย "คอสมิค ครัช" อย่างง่ายดาย
  • อควาร็อกกี้ (アクァロッキー) (ตอนที่38) สัตว์ยักษ์ที่มีร่างกายเป็นหินแหลมงอกออกมาตามตัว สัตว์ยักษ์ที่ร่วมดำเนินแผนการใช้เด็กสาวมิกิซึ่งมีพลังพิเศษเป็นเครื่องมือโดยเบื้องหน้าคือให้มิกิใช้พลังรักษาอาการเจ็บป่วยให้ผู้คนจนเป็นที่ศรัทธาของคนทั้งประเทศและเข้าเป็นสาวกของมิกิโดยทุกคนจะติดเข็มกลัดของมิกิเป็นสัญลักษณ์แต่ทว่าเข็มกลัดเหล่านั้นถูกสร้างจากหินที่ได้จากร่างของอควาร็อกกี้ทำให้ผู้ที่ติดเข็มกลัดนี้กลายเป็นพวกใช้ความรุนแรงและออกอาละวาดทำลายข้าวของก่อความวุ่นวายไปทั่ว จัสเปี้ยนจึงออกโรงช่วยให้พวกมิกิและสาวกส่วนนึงได้สติจากการยิง "บีมสแกนเนอร์" ระดับพลังงานต่ำจนได้สติแล้วเข้าทำลายโรงงานผลิตเข็มกลัดจนพินาศ แม็ดเกียรันจึงวางแผนจับตัวมิกิกับพ่อไปเป็นเหยื่อล่อโดยผู้มิกิกับระเบิดแรงสูง อีกด้านนึงก็ให้บุริม่ากับเกียวรุไปยุยงให้ผู้คนที่ศรัทธาเข้าทำร้ายจัสเปี้ยนขณะกำลังช่วยมิกิเพื่อให้ถูกระเบิดตายไปพร้อมกันแต่แผนการก็ล้มเหลวจนต้องให้อควาร็อกกี้ออกมาสู้แต่เพราะนอกจากร่างกายที่แข็งแกร่งแล้วก็ไม่มีอาวุธอื่นจึงถูกกำจัดลงด้วย "คอสมิค ครัช" ตามระเบียบ ในช่วงท้ายชุดของอควาร็อกกี้ถูกนำมาทาสีใหม่เพื่อเป็นกองทัพสัตว์ยักษ์ที่ออกอาละวาดหลังไดซาตานโกสปรากฏตัว
  • ไดยาโกรัส (ダイヤゴラス) (ตอนที่40) สัตว์ยักษ์รูปร่างคล้ายรูปปั้นปลามังกรหรือ "ชาชิโนโกะ" มีแขนขากล่าวคือหางอยู่ข้างบนแต่หัวอยู่ข้างล่างสามารถสร้างเพชรสังเคราะห์ขึ้นมาจากร่างของตัวเองได้เพื่อให้กิลมาเธอร์ใช้แผนการล่อลวงให้ผู้คนออกค้นหาเพชรเหล่านี้อย่างง่ายๆโดยนำเพชรปลอมนี้ไปโปรยหรือฝังไว้ตามจุดต่างๆแล้วขายแผนที่รวมทั้งอุปกรณ์ตรวจหาโดยสะกดจิตให้ดอกเตอร์อุชิโอะซึ่งเป็นนักวิชาการที่น่าเชื่อถือช่วยโฆษณาให้อีกทางเพื่อให้ผู้คนไม่สนใจจะทำงานหรือเล่าเรียนแต่หันไปใช้เวลาหมกมุ่นกับเพชรปลอมเหล่านั้นแทน ถึงจะเรียกว่าเพชรปลอมแต่เพชรสังเคราะห์นี้ก็มีคุณสมบัติคล้ายเพชรจริงจนยากจะแยกออกทำให้การหยุดยั้งแผนนี้จัสเปี้ยนต้องออกค้นหาต้นตอคือไดยาโกรัสแล้วกำจัด จัสเปี้ยนบุกเข้าถึงรังลับและช่วยดอกเตอร์อุชิโอะออกมาได้ ซาตานโกสจึงส่งไดยาโกรัสออกไล่ล่าโดยสามารถปล่อยแสงจากส่วนหางออกมาโจมตีได้แต่ก็ถูกปราบลงด้วย "คอสมิค ครัช" ไปอีกจนได้ทำให้เพชรปลอมทั้งหลายสลายตัวเป็นฝุ่นผงไปในที่สุด
  • เดธโทรัน (デストラン) (ตอนที่41) สัตว์ยักษ์ที่มีลักษณะก้ำกึ่งระหว่าง "เจสัน วอร์ฮีส์" และ "เฟร็ดดี้ ครูเกอร์" มีแขนซ้ายเป็นใบมีดขนาดใหญ่และแขนขวามีกรงเล็บใบมีด เป็นสัตว์ยักษ์ที่ร่วมในแผนการของกิลมาเธอร์ที่สะกดจิต "ไทเกอร์ โจ" เพื่อนสนิทของจัสเปี้ยนให้ท้าประลองกับจัสเปี้ยนแต่ก็ส่งพวกนินจาอวกาศและเดธโทรันออกไปช่วย เมื่อแผนการใช้ไทเกอร์โจให้ระเบิดไปพร้อมกับจัสเปี้ยนล้มเหลว ซาตานโกสจึงส่งเดธโทรันออกมาสู้ด้วยอาวุธดังกล่าวและสามารถปล่อยแสงจากตาได้ด้วยแต่ก็ถูกกำจัดด้วย "คอสมิค ครัช" ไปจนได้
  • บาดอลเกส (バドルゲス) (ตอนที่44) สัตว์ยักษ์ตัวสุดท้ายที่มีรูปร่างเหมือนสุนัขบูลด๊อกออกอาละวาดพร้อมกองทัพสัตว์ยักษ์ตนอื่นหลังจากไดซาตานโกสเปลี่ยนเมืองให้กลายเป็นป่าแล้วให้เหล่าสมุนจับมนุษย์มาเป็นอาหารของสัตว์ยักษ์ แม้บาดอลเกสจะพ่นไฟและกระสุนระเบิดจากปากเป็นอาวุธได้ก็ไม่จัดว่าเป็นศัตรูที่ร้ายกาจนักแต่เพราะจัสเปี้ยนไม่สามารถเรียกไดเลอ้อนมาช่วยได้อันเป็นผลมาจากพลังของอาณาเขตปิดกั้นของไดซาตานโกส จัสเปี้ยนจึงต้องใช้ไม้ตายลับ "คอสมิค ฮาร์เล่ย์ ริวเซย์กิริ" จัดการผ่าบาดอลเกสเป็นสองซีกได้ในที่สุด

นักแสดง

แก้


เพลงประกอบ

แก้
Opening theme
Ending theme

อ้างอิง

แก้