ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เกา ฉางกง"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1:
[[ภาพ:Ryouou in Itsukushima Shrine.JPG|thumb|300px|รูปปั้นเกา ฉางกง ที่[[ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ]] ประเทศญี่ปุ่น]]
'''เกาฉางกง''' (ค.ศ.541-573)({{lang-en|Gao Changgong}}; {{lang-zh|高长恭}}; [[pinyin|พินอิน]]: Gāo Chánggōng) หรือชื่อเดิมว่า '''เกาซู''' (Gao Su; [[จีนตัวเต็ม]]:高肅; [[Simplified Chinese|จีนตัวย่อ]]: 高肃; Gāo Sù) หรือ '''เกาเซี่ยวกวาน''' (高孝瓘; Gao Xiaoguan) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ '''หลานหลิงหวาง''' หรือ '''เจ้าชายแห่งหลานหลิง''' (蘭陵王; Prince of Lanling) เป็นบุคคลสำคัญที่ปรากฏในหน้า[[ประวัติศาสตร์จีน]]ในยุค[[ราชวงศ์เหนือใต้]] (ค.ศ.420–589)
เกาฉางกง เกิดเมื่อปี ค.ศ. 541 เป็นโอรสองค์ที่ 4 ของ[[เกา เฉิง|เกาเฉิง]] โอรสของจักรพรรดิฉีเซียนหวู่ตี้ หรือ[[เกาฮวน]] บิดาแห่ง[[ราชวงศ์ฉีเหนือ]] เกาฉางกง ได้ชื่อว่าเป็นบุรุษที่ใบหน้างดงามราวอิสตรี เป็นหนึ่งในสี่บุรุษรูปงามที่สุดที่ปรากฏในประวัติศาสตร์จีน แต่เกาฉางกงกลับมีความสามารถในการสู้รบเป็นที่ประจักษ์ เกาฉางกงมีชื่อเสียงเลื่องลือในด้านที่เป็นบุคคลที่มีความขยันหมั่นเพียรในการเล่าเรียน, อุปนิสัยที่สุภาพและความสามารถในการทหาร แต่ด้วยใบหน้าที่งดงามราวอิสตรีทำให้เมื่อออกศึก จึงเกรงว่าศัตรูจะไม่เกรงกลัว รวมถึงทหารใต้บังคับบัญชาจะไม่เชื่อฟัง จึงทำให้ต้องสวมหน้ากากปีศาจทุกครั้งในการออกรบ ในการรบที่สร้างชื่อมากที่สุด คือ เมื่อปี ค.ศ. 564 เมื่อกองทัพของราชวงศ์โจวเหนือยกมารุกรานเมืองจินหยง (ใกล้กับเมือง[[ลั่วหยาง]]ในปัจจุบัน) ของฉีเหนือ เกาฉางกงเป็นแม่ทัพนำทหารออกรบ เกาฉางกงนำทหารม้า 500 คน รักษาเมืองจินหยง ต่อต้านกองทัพโจวเหนือที่กำลังมากถึง 100,000 คน เกาฉางกงรบด้วยความกล้าหาญบุกตะลุยเข้าไปในกองทัพข้าศึก ทำให้ทหารโจวเหนือที่เห็นต่างกลัวเกรงกลัว และทหารฝ่ายฉีเหนือฮึกเหิมได้กำลังใจ จนเมื่อกองทัพโจวเหนือแตกพ่ายไปแล้ว เกาฉางกงได้นำทหารม้า 500 คนเข้าเมืองจินหยง แต่ทหารฉีเหนือที่รักษาเมืองไม่แน่ใจว่าเป็นตัวจริงหรือไม่ จึงไม่ยอมให้เข้าเมือง ทำให้เกาฉางกงต้องถอดหมวกแม่ทัพรวมถึงหน้ากากปีศาจออก แสดงให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง เหล่าทหารได้ไชโยโห่ร้อง และเปิดประตูเมืองต้อนรับเกาฉางกงเยี่ยงวีรบุรุษ และได้มีการแต่งเพลงในชื่อ "เจ้าชายหลานหลิงในสมรภูมิ" (兰陵王入阵曲; Prince Lanling in Battle) เพื่อสดุดีเกียรติ จนเป็นที่เลื่องลือไปไกลถึงญี่ปุ่นในยุค[[ราชวงศ์ถัง]] แต่ปัจจุบันนี้บทเพลงนี้ได้สาบสูญไปจากประเทศจีน แต่ยังคงมีประเพณีการเต้นรำอยู่ที่ญี่ปุ่น<ref name=เกา>{{cite book |url=http://books.google.co.uk/books?id=Lgs4AAAAIAAJ&pg=PA2&f=false#v=onepage&q&f=false |title=Music from the Tang Court: Volume 5 |publisher= Cambridge University Press |year= 1985|editor= Laurence Picken |pages=1–12 |isbn=978-0521347761 }}</ref>
เมื่อพระญาติผู้น้อง คือ [[เกาเว่ย]] ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ
เรื่องราวของเกา
==อ้างอิง==
|