ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 38:
 
== ตำนานและประวัติ ==
=== ตำนานพระทักขิณโมลีธาตุ ===
=== ประดิษฐานพระบรมธาตุ ===
ดอยจอมทอง มีสัณฐานเป็นภูเขาดินสูงจากระดับพื้นที่ราบอื่น ยอดดอยลูกนี้ในสมัยพุทธกาล มีเมืองๆ หนึ่งชื่อว่า “เมืองอังครัฏฐะ” เจ้าผู้ครองเมืองนั้นชื่อว่า '''พระยาอังครัฏฐะ''' <br />
ตามตำนานที่กล่าวถึงความเป็นมาของพระบรมธาตุศรีจอมทอง ดอยศรีจอมทองนั้น ได้แก่ที่ตั้งของวัดพระธาตุศรีจอมทองในปัจจุบันนี้ ซึ่งมีลักษณะเป็นภูเขาดินสูงจากระดับที่พื้นราบอื่น ๆ ในบริเวณนั้น ที่ตั้งพระวิหารอันเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุเจ้าจอมทอง จะเป็นยอดของดอยลูกนี้ในสมัยพุทธกาล และมีเมืองอยู่เมืองหนึ่งชื่อว่า “เมืองอังครัฏฐะ” มีเจ้าผู้ครองเมืองนั้นนามว่า พระยาอังครัฎฐะ ซึ่งเมืองนี้ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับดอยจอมทองลูกนี้ ซึ่งพระยาอังครัฎฐะนั้นครัฏฐะได้ทราบข่าวจากพ่อค้าที่มาจากอินเดียว่า “บัดนี้พระพุทธเจ้าได้บังเกิดในโลกขึ้นแล้ว ในโลกนี้ “เวลานี้ประทับอยู่ที่เมืองราชคฤห์ ในประเทศอินเดีย” จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานขอให้[[พระพุทธเจ้า]]เสด็จมาโปรด เมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบด้วยพระญาณแล้ว จึงเสด็จมาสู่เมืองอังครัฏฐะพร้อมด้วยภิกษุสาวกทางอากาศ ได้มารับอาหารบิณฑบาตจาก พระยาอังครัฏฐะ และ ทรงแสดงธรรมโปรดพร้อมทั้งได้ตรัสและทรงพยากรณ์ ไว้ว่า “เมื่อเราตถาคตนิพพานแล้ว แล้วธาตุพระเศียรเบื้องขวา (พระทักษิณโมลี) ของเราจักมาประดิษฐานอยู่ ณ ที่ดอยจอมทอง แห่งนี้” แล้วเสด็จกลับ ส่วนพระยาอังครัฏฐะเมื่อได้ทราบจากคำทรงสดับพระดำรัสที่ตรัสพยากรณ์นั้นแล้ว จึงได้ทรงรับสั่งให้ สร้างสถูปไว้บนยอดดอยจอมทอง ด้วยหวังว่าจะให้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุตามที่พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้นั้น<br พระยาอังครัฎฐะอยู่ครองราชย์จนสิ้นพระชนมายุของพระองค์/>
 
กาลหลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานไปแล้วได้ 218 ปี [[ล่วงมาถึงรัชสมัยแห่งพระเจ้าอโศกมหาราช]] กษัตริย์อินเดีย พระองค์ได้เสด็จไปสู่ดอยจอมทอง และไดข้ดุคหูาเปน็อโุมงคใ์ตพ้นื้ดอยจอมทอง แลว้ทรงรบัสงั่ใหส้รา้งพระสถปูไวภ้ายในคหูานนั้ ทรงได้สั่งขุดคูหาให้เป็นอุโมงค์ใต้พื้นดอยจอมทองอญัเชญิพระบรม แล้วให้สร้างสถูปทองคำไว้ภายในคูหาและยังหล่อพระพุทธรูปทั้งเงินและทอง ตั้งไว้รอบสถูปนั้นแล้ว เอาพระบรมธาตุเจ้าที่ธาตุที่อยู่ในสถูป ที่พระยาอังครัฏฐะรับสั่งให้สร้างไว้บนยอดดอยนั้น เข้าไปไว้ประดิษฐานในสถูป ที่สร้างใหม่ในคูหาใต้พื้นดอยจอมทอง แล้วรับสั่งให้เอาก้อนหินปิดปากถ้ำถ้ำาคูหาเอาไว้ แล้ว ทรงอธิษฐานไว้ว่า “ต่อไปข้างหน้า ถ้ามีพระเจ้าแผ่นดินและศรัทธาประชาชน มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ขอให้ พระบรมธาตุเจ้าเสด็จออกมาปรากฏแก่ผู้ฝูงชนให้ได้กราบไหว้สักการบูชา”<br แล้วพระองค์จึงเสด็จกลับเมืองปาตลีบุตร ประเทศอินเดีย/>
ต่อมาภายหลังเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว โทณพราหมณ์ได้จัดแบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้แก่กษัตริย์ทั้งแปดนคร ซึ่งในครั้งนั้น มัลลกษัตริย์แห่งเมืองกุสินารา ทรงได้พระทักษิณโมลีธาตุไว้ พระมหากัสสปะเถระเจ้าประธานฝ่ายสงฆ์ จึงได้กราบทูลมัลลกษัตริย์ถึงพุทธพยากรณ์ที่พุทธองค์เคยตรัสไว้ มัลลกษัตริย์ทราบ ดังนั้นจึงถวายพระบรมธาตุแด่พระมหากัสสปะเถระ ซึ่งท่านก็ได้อัญเชิญพระบรมธาตุวางไว้บนฝ่ามือ แล้วอธิษฐานอาราธนาพระบรมธาตุให้เสด็จไปยังดอยจอมทอง เพื่อประทับอยู่ในโกศแก้วอินทนิลภายในเจดีย์ทองคำ ที่พญาอังครัฎฐะได้สร้างถวายไว้ อยู่ที่ยอดดอยจอมทอง ตามที่พระพุทธองค์ได้พยากรณ์ไว้
'''พ.ศ.๑๙๙๕''' พ่อสร้อย แม่เม็ง สองสามีภรรยา บ้านอยู่ใกล้กับดอยจอมทอง จึงได้เริ่ม สร้างเป็นวัดขึ้นบนยอดดอยจอมทองนั้นแล้วให้ชื่อว่า วัดศรีจอมทอง การสร้างวัดยังไม่เสร็จดี พ่อสร้อย แม่เม็ง ก็ได้ถึงแก่กรรมไป ต่อมาเมื่อ <br />
 
'''พ.ศ.๒๐๐๙''' มีชาย ๒ คน ชื่อสิบเงินและสิบถัว ได้ช่วยกันบูรณะ วัดศรีจอมทองและก่อสร้างวิหารมุงหญ้าคาขึ้นหนึ่งหลัง จนเสร็จ แล้วได้อาราธนาพระสารีปุตตเถระ มาเป็นเจ้าอาวาส
กาลหลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานไปแล้วได้ 218 ปี [[พระเจ้าอโศกมหาราช]] ได้เสด็จไปสู่ดอยจอมทอง และทรงได้สั่งขุดคูหาให้เป็นอุโมงค์ใต้พื้นดอยจอมทอง แล้วให้สร้างสถูปทองคำไว้ภายในคูหาและยังหล่อพระพุทธรูปทั้งเงินและทอง ตั้งไว้รอบสถูปนั้นแล้ว เอาพระบรมธาตุเจ้าที่อยู่ในสถูป ที่พระยาอังครัฏฐะให้สร้างไว้บนยอดดอยนั้น เข้าไปไว้ในสถูปที่สร้างใหม่ในคูหาใต้พื้นดอยจอมทองแล้วรับสั่งให้เอาก้อนหินปิดปากถ้ำคูหาเอาไว้ แล้วทรงอธิษฐานว่า “ต่อไปข้างหน้า ถ้ามีพระเจ้าแผ่นดินและศรัทธาประชาชน มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ขอให้พระบรมธาตุเจ้าเสด็จออกมาปรากฏแก่ผู้ชนให้ได้กราบไหว้สักการบูชา” แล้วพระองค์จึงเสด็จกลับเมืองปาตลีบุตร ประเทศอินเดีย
 
=== สร้างและบูรณปฏิสังขรณ์วัด ===