ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อันตรกิริยาอย่างเข้ม"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Roonie.02 (คุย | ส่วนร่วม)
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาดบทความด้วยบอต
บรรทัด 1:
{{ต้องการอ้างอิง}}
{{สั้นมาก}}
[[Fileไฟล์:Helium atom QM.svg|thumb|นืวเคลียสของอะตอมฮีเลียม โปรตอนสองตัวมีประจุเท่ากัน แต่ยังคงติดอยู่ด้วยกันเนื่องจากแรงของนิวเคลียสที่เหลือค้างอยู่]]
{{แบบจำลองมาตรฐานของฟิสิกส์ของอนุภาค}}
ใน[[ฟิสิกส์ของอนุภาค]] '''อันตรกิริยาอย่างเข้ม''' เป็นกลไกที่รับผิดชอบต่อแรงนิวเคลียสอย่างเข้ม (หรือบางครั้งเรียกกันทั่วไปว่า '''แรงอย่างเข้ม''', '''แรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม''', หรือ '''แรงสี''') ที่ดึงดูดอนุภาค[[ควาร์ก]]มากกว่าหนึ่งตัว ให้รวมกันอยู่ในรูปของ[[โปรตอน]]และ[[นิวตรอน]] ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของ[[อะตอม]]ได้ อันตรกิริยาอย่างเข้มเป็นหนึ่งในสี่ของ[[อัตรกิริยาพื้นฐาน|แรงพื้นฐาน]]จากธรรมชาติที่รู้จักกันดี แรงที่เหลือได้แก่ [[อัตรกิริยาอย่างอ่อน]], [[แรงแม่เหล็กไฟฟ้า]] และ [[แรงโน้มถ่วง]] ทั้ง ๆ ที่มันจะทำงานที่ระยะห่างเพียงหนึ่ง[[เฟมโตเมตร]] (10<sup>-15</sup> เมตร) มันก็เป็นแรงที่เข้มที่สุด คือประมาณ 100 เท่าของแรงแม่เหล็กไฟฟ้า, หนึ่งล้านเท่าของอันตรกิริยาอย่างอ่อน และ 10<sup>38</sup> ของแรงโน้มถ่วง<ref>ความเข้มสัมพันธ์ของอันตรกิริยาจะแปรตามระยะทาง ตัวอย่างเช่น ดูจากข้อเขียนของ Matt Strassler, [http://profmattstrassler.com/articles-and-posts/particle-physics-basics/the-known-forces-of-nature/the-strength-of-the-known-forces/ "The strength of the known forces"].</ref> มันสร้างความมั่นใจในความเสถียรของสสารทั่วไป โดยการควบคุมพวก[[ควาร์ก]]ให้รวมตัวกันเป็นอนุภาค[[แฮดรอน]] เช่นเป็น[[โปรตอน]]และ[[นิวตรอน]] ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ใญ่ที่สุดของมวลของสสารทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนใหญ่ของมวล-พลังงานของ[[โปรตอน]]หรือ[[นิวตรอน]]ที่พบทั่วไปจะอยู่ในรูปแบบของพลังงานสนามแรงอย่างเข้ม นั่นคือควาร์กแต่ละตัวจะมีส่วนประมาณ 1% ของมวล-พลังงานของโปรตอนเพียงหนึ่งตัวเท่านั้น
 
== ประวัติความเป็นมา ==
ก่อนทศวรรษที่ 1970 นักฟิสิกส์มีความไม่แน่ใจเกี่ยวกับกลไกการยึดเหนี่ยวของนิวเคลียสของอะตอม เป็นที่รู้กันว่านิวเคลียสประกอบด้วยกลุ่มโปรตอนและกลุ่มนิวตรอนและรู้อีกด้วยว่าโปรตอนมีประจุไฟฟ้าบวกในขณะที่มีนิวตรอนเป็นกลางทางไฟฟ้​​า อย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงเหล่านี้ดูเหมือนจะขัดแย้งซึ่งกันและกัน โดยการทำความเข้าใจทางฟิสิกส์ในเวลานั้นประจุบวกจะผลักกันเองและนิวเคลียสจึงควรจะขาดเป็นเสี่ยง ๆ แต่สิ่งนี้ก็ยังไม่เคยพบเห็น ฟิสิกส์ใหม่จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อที่จะอธิบายปรากฏการณ์นี้
 
แรงดึงดูดที่แข็งแกร่งถูกตั้งสมมติฐานเพื่ออธิบายวิธีการที่นิวเคลียสของอะตอมถูกมัดเข้าด้วยกันแม้ว่าจะมีแรงผลักแม่เหล็กไฟฟ้าร่วมกันของโปรตอน แรงตามสมมติฐานนี้ถูกเรียกว่าแรงเข้ม ซึ่งเชื่อกันว่าจะเป็นแรงพื้นฐานที่กระทำต่อโปรตอนและนิวตรอนที่สร้างนิวเคลียสขึ้นมา
 
[[Fileไฟล์:Gluon coupling.svg|thumb|right|400px|การเชื่อมโยงพิ้นฐานของอันตรกิริยาอย่างเข้ม จากซ้ายไปขวา การกระจายกลูออน, การแยกกลูออนและการเชื่อมด้วยตัวเองของกลูออน]]
 
มันมีการค้นพบต่อมาว่าโปรตอนและนิวตรอนไม่ใช่อนุภาคพื้นฐาน แต่ถูกสร้างขึ้นจากอนุภาคที่เป็นเนื้อแท้ที่เรียกว่า[[ควาร์ก]] แรงดึงดูดที่แข็งแกร่งระหว่าง[[นิวคลีออน]]ด้วยกันเป็นผลข้างเคียงของแรงพื้นฐานที่ยึดเหนี่ยวควาร์กไว้ด้วยกันในตัวโปรตอนและตัวนิวตรอน ทฤษฎีควอนตัม chromodynamics อธิบายว่าควาร์กมีในสิ่งที่เรียกว่า[[ประจุสี]] แม้ว่ามันจะไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับสีที่มองเห็นได้<ref>Feynman, R. P. (1985). QED: ทฤษฎีประหลาดของแสงและสสาร Princeton University Press. p. 136. ISBN 0-691-08388-6. นักฟิสิกส์ทึ่ม ไม่สามารถหาคำศัพท์ในภาษากรีกที่สวยได้อีกแล้ว จึงเรียกการโพลาไรเซชันชนิดนี้อย่างน่าสงสารว่า 'สี' ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกันกับสีในความหมายทั่วไป</ref> ควาร์กที่มีประจุสีต่างกันจะดึงดูดซึ่งกันและกันอันเป็นผลมาจากปฏิสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งได้รับการไกล่เกลี่ยโดยอนุภาคที่เรียกว่า [[กลูออน]]