ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แซนแอนโทนีโอสเปอส์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Nullzerobot (คุย | ส่วนร่วม)
ลบลิงก์ที่ซ้ำซ้อน wikidata
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 4:
| สีตาราง1 = silver
| สีตาราง2 = white
| ภาพ = [[ไฟล์:SA_827.gif|100px|ซานแซน แอนโตนิโอ สเปอรส์สเปอร์ส]]
| ก่อตั้ง = [[พ.ศ. 2510]] (ค.ศ. 1967)
| สนาม = [[เอทีแอนด์ทีเซนเตอร์ เซ็นเตอร์]]
| ประวัติ = '''ดัลลัส ชาพาร์ราลส์''' <br /> ([[ค.ศ. 1967|1967]]-[[ค.ศ. 1970|1970]], [[ค.ศ. 1971|1971]]-[[ค.ศ. 1973|1973]]) <br /> '''เทกซัสเท็กซัส ชาพาร์ราลส์''' <br /> ([[ค.ศ. 1970|1970]]-[[ค.ศ. 1971|1971]]) <br /> '''ซานแซน แอนโตนิโอ สเปอรส์สเปอร์ส''' <br /> ([[ค.ศ. 1973|1973]]-ปัจจุบัน)
| สีทีม = ดำ ขาว และ เงิน
| ชนะเอ็นบีเอ = 4 ([[ค.ศ. 1999|1999]], [[ค.ศ. 2003|2003]], [[ค.ศ. 2005|2005]], [[ค.ศ. 2007|2007]])
| ชนะคอนเฟอเรนส์เฟรนส์ = 4 ([[ค.ศ. 1999|1999]], [[ค.ศ. 2003|2003]], [[ค.ศ. 2005|2005]], [[ค.ศ. 2007|2007]])
| ชนะดิวิชัน = 15 ([[ค.ศ. 1978|1978]], [[ค.ศ. 1979|1979]], [[ค.ศ. 1981|1981]], [[ค.ศ. 1982|1982]], [[ค.ศ. 1983|1983]], [[ค.ศ. 1990|1990]], [[ค.ศ. 1991|1991]], [[ค.ศ. 1995|1995]], [[ค.ศ. 1996|1996]], [[ค.ศ. 1999|1999]], [[ค.ศ. 2001|2001]], [[ค.ศ. 2002|2002]], [[ค.ศ. 2003|2003]], [[ค.ศ. 2005|2005]], [[ค.ศ. 2006|2006]], [[ค.ศ. 2007|2007]])
| เจ้าของทีม = ปีเตอร์ โฮลต์
บรรทัด 16:
| ตัวนำโชค = ไม่มี
}}
'''ซานแซน แอนโตนิโอ สเปอรส์สเปอร์ส''' ({{lang-en|San Antonio Spurs}}) เป็นทีม[[บาสเกตบอล]]อาชีพในลีก[[เอ็นบีเอ]]ของ[[สหรัฐอเมริกา]] อยู่เมือง[[ชานแซน แอนโตนิโอ]] [[รัฐเทกซัสเท็กซัส]] ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี [[พ.ศ. 2510]] (ค.ศ. 1967) เดิมอยู่ลีกเอบีเอ สเปอรส์สเปอร์สเป็นทีมเดียวที่มาจากเอบีเอที่เคยได้แชมป์เอ็นบีเอ โดยได้แชมป์ทั้งหมด 4 สมัย และเมื่อนับสถิติการเล่นจากอดีตจนถึงพฤศจิกายน พ.ศ. 2549 สเปอรส์มีสเปอร์สมีสถิติเปอร์เซนต์ชนะสูงเป็นอันดับที่สองรองจากทีม[[ลอส แอนเจลิส เลเกอรส์เลเกอร์ส]] และพลาดการเล่นเพลย์ออฟเพียงสี่ฤดูกาลเท่านั้น
 
== ประวัติทีม ==
บรรทัด 22:
[[ไฟล์:DAL 4722.gif|100px|left]]
[[ไฟล์:DAL 4723.gif|100px|left]]
ซานแซน แอนโตนิโอ สเปอรส์สเปอร์ส เดิมคือทีม '''[[ดัลลัส]] ชาพาร์ราลส์''' (ชาพาร์ราล เป็นนกชนิดหนึ่ง มีอีกชื่อว่า [[โรดรันเนอร์]], Roadrunner) หนึ่งใน 11 ทีมก่อตั้งลีกเอบีเอ (American Basketball Association, ABA) เมื่อปี พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) ในยุคแรกนำทีมโดย คลิฟฟ์ เฮอฮาแกน (Cliff Hagan) ซึ่งเป็นทั้งผู้เล่นและโค้ช ฤดูกาลที่สอง ทีมมีผลงานที่น่าผิดหวัง ทำสถิติได้อันดับ 4 ของลีกด้วยสถิติ 41-37 และตกรอบเพลย์ออฟโดยแพ้ทีม นิว ออร์ลีนส์ บัคคาเนียรส์บัคคาเนียร์ส มีผู้ชมในสนามน้อยและไม่ได้รับความสนใจเท่าไรในดัลลัส ในฤดูกาล 1970-71 ทีมเปลี่ยนมาใช้ชื่อ '''เทกซัสเท็กซัส ชาพาร์ราลส์''' เพื่อพยายามผลักดันให้เป็นทีมประจำภูมิภาคแทน โดยเล่นทั้งในเมือง [[ฟอร์ตเวิร์ต]] เทกซัสเท็กซัส ที่สนาม ทาร์แรนต์เคาน์ตีทาร์แรนต์ เคาน์ตี โคลีเซียม (Tarrant County Coliseum) และเมือง [[ลับบ็อค]] เทกซัสเท็กซัส ที่สนาม ลับบ็อคมิวบ็อค มิวนิซิพาล โคลีเซียม (Lubbock Municipal Coliseum) แต่ก็ล้มเหลวและกลับไปเล่นในดัลลัสอย่างเต็มตัวเหมือนเดิมในฤดูกาลถัดมา โดยแยกเล่นที่สนาม มูดีมูดี โคลีเซียม (Moody Coliseum) และ ดัลลัสคอม คอนเวนชัน เซ็นเตอร์อะรี อารีนา (Dallas Convention Center Arena) <ref>[http://www.remembertheaba.com/Dallas-Chaparrals.html Dallas Chaparrals History]</ref>
 
=== เดินทางมาซานแซน แอนโตนิโอ ===
หลังจากที่ทีมพลาดรอบเพลย์ออฟเป็นครั้งแรกในฤดูกาล 1972-73 (พ.ศ. 2515-16) เจ้าของสเปอรส์สเปอร์สก็ขายทีม นักธุรกิจจากซานแซน แอนโตนิโอ 36 คน นำโดย แองเจโล ดรอสสอส (Angelo Drossos) และ เรด แม็คคอมบส์แม็คคอมบ์ส (Red McCombs) มารับช่วงต่อโดยเช่าทีมจากเจ้าของกลุ่มเดิม แล้วย้ายทีมไปยังเมือง ซานแซน แอนโนนิโอ รัฐเทกซัสเท็กซัส และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น '''กันสลิงเกอรส์สลิงเกอร์ส''' (Gunslingers) แต่เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น '''สเปอรส์สเปอร์ส''' (เป็นเหล็กที่ติดกับ[[รองเท้าบู๊ท]]สำหรับควบคุม[[ม้า]]ของ[[คาวบอย]]) ก่อนที่จะเริ่มเล่นเกมแรกด้วยซ้ำ สีประจำทีมก็เปลี่ยนจาก แดง ขาว และน้ำเงิน มาเป็นสีเงินและดำที่คุ้นเคยในปัจจุบัน
 
สเปอรส์สเปอร์สในยุคแรกขึ้นชื่อในเรื่องเกมตั้งรับ ทีมนำโดยผู้เล่นหน้าเก่า เจมส์ ไซลาส (James Silas) และเทรดเอา สเวน เนเทอร์ (Swen Nater) ซึ่งได้รับรางวัลผู้เล่นหน้าใหม่แห่งปี และ จอร์จ เกอร์วิน (George Gervin) ผู้เล่นทั้งสองได้จากการเทรดจากทีม เวอร์จิเนีย สควารยส์สควาร์ยส์ สเปอรส์เล่นในสนาม เฮมิสแฟร์ อะรีอารีนา (HemisFair Arena) และจบฤดูกาลด้วยสถิติ 45-39 อยู่อันดับสามของดิวิชันตะวันตก และแพ้ทีม[[อินดีอานาอินเดียนา เพเซอรส์เซอร์ส]]ใน 7 เกมในรอบรอบเพลย์ออฟ
 
ฤดูกาลถัดมากลุ่มนักธุรกิจก็ตัดสินใจซื้อทีมมาเป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ ทำให้เป็นที่แน่นอนว่าทีมจะอยู่ที่ซานแซน แอนโตนิโออย่างถาวร กลุ่มเจ้าของทีมเบื่อสไตล์การเล่นที่เน้นเกมรับ จึงเปลี่ยนโค้ชจาก ทอม นิสซาลกี (Tom Nissalke) เป็น บ็อบ แบส (Bob Bass) ซึ่งใช้สไตล์การเล่นแบบฟาสต์เบรก เน้นทำคะแนนอย่างรวดเร็ว ฤดูกาลนี้สเปอรส์ได้สถิติ 51-33 อยู่อันดับสองของตะวันตก ส่วนเพลย์ออฟยังคงแพ้ทีมเพเซอรส์ในเซอร์สใน 6 เกม<ref>[http://www.remembertheaba.com/San-Antonio-Spurs.html Spurs ABA History]</ref>
 
สเปอรส์กลายสเปอร์สกลายเป็นทีมอันดับต้น ๆ ในเอบีเอ ต่อมาในปี ค.ศ. 1976 (พ.ศ. 2519) ลีกเอบีเอก็เลิกไป เอ็นบีเอตัดสินใจรับทีมเอบีเอ 4 ทีมเข้ามาอยู่ในลีก ได้แก่ สเปอรส์สเปอร์ส [[เดนเวอร์ นักเก็ตส์]] อินดีอานาอินเดียนา เพเซอรส์เซอร์ส และ [[นิวเจอร์ซี เนตส์|นิวยอร์ก เนตส์]]
ทั้งสี่ทีมตกลงที่จะจ่ายเงินให้กับทีมที่ห้าที่ถูกยุบไป คือ สปิริตส์ออฟเซนต์หลุยส์ 1/7 ของกำไรจากการแพร่ภาพทางโทรทัศน์ทุกปี และข้อตกลงนี้สร้างแรงกดดันด้านการเงินให้ทีมทั้งสี่เทียบกับทีมอื่นในเอ็นบีเอ<ref>[http://espn.go.com/nba/s/2001/1213/1295194.html Spirit of ABA deal lives on for Silna brothers] จาก ESPN.com</ref>
 
=== ฤดูกาลแรก ๆ ในเอ็นบีเอ ปีของจอร์จ เกอร์วิน (1976-85) ===
[[ไฟล์:SanAntonioSpursOld.png|left]]
ถึงแม้ว่าจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับระดับความเก่งและโอกาสที่จะประสบความสำเร็จของทีมจากเอบีเอ สเปอรส์สเปอร์ส ก็พิสูจน์ให้เห็นจากผลงานฤดูกาล 1976-77 ที่ทำสถิตินะ 44 แพ้ 38 เสมอกับทีมอื่นที่อันดับสี่ของคอนเฟอเรนซ์เฟรนซ์ตะวันออก แม้ว่าจะมีการกำหนดข้อจำกัดจากเอ็นบีเอในการเข้าลีกปีแรก ๆ โดยการจำกัดจำนวนการดราฟการดราฟต์และรายได้ทางโทรทัศน์
 
ฤดูกาล 1977-78 จอร์จ เกอร์วิน และ เดวิด ทอมพ์สัน (David Thompson) ของเดนเวอร์ นักเก็ตส์ ต่างต่อสู้กันเพื่อให้ได้ตำแหน่งผู้เล่นทำคะแนนสูงสุดในเอ็นบีเอ ในวันสุดท้ายของฤดูกาล ทอมพ์สัน ขึ้นนำโดยทำคะแนนได้ 73 แต้มในการแข่งกับ[[ดีทรอยต์ พิสตันส์]]ในเกมตอนบ่าย คืนนั้น เกอร์วิน รู้ว่าเขาต้องทำให้ถึง 58 แต้มในการเล่นกับแจสที่นิวออร์ลีนส์แจ๊สที่นิว ออร์ลีนส์ เกอร์วินเริ่มต้นได้ดี ทำได้ 20 แต้มในควอเตอร์แรก ควอเตอร์ที่สอง ทำสถิติควอเตอร์ที่ 33 แต้ม และทำได้ถึง 58 แต้มกลางควอเตอร์ที่สาม จบเกมได้ 63 แต้มและเป็นแชมป์ผู้เล่นทำคะแนนสูงสุดในฤดูกาลนั้น เกอร์วินและสเปอรส์ชนะดิวิเกอร์วินและสเปอร์สชนะดิวิชันเซ็นทรัลด้วยสถิติชนะ 52 แพ้ 30 แต่ตกรอบเพลย์ออฟใน 6 เกมเมื่อพบกับ [[วอชิงตัน บูลเล็ตส์]] แม้ว่าเกอร์วินจะเล่นได้เด่นมาก เฉลี่ยตลอดซีรีส์ 33.2 คะแนน
 
สเปอรส์สเปอร์สได้สถิติดีสุดในดิวิชันมากถึง 5 ครั้งใน 7 ปีแรกที่เข้าเอ็นบีเอ และได้เข้าเล่นเพลย์ออฟเป็นประจำ แต่ในเพลย์ออฟ สเปอรส์สเปอร์สยังไม่พบความสำเร็จ โดยแพ้ให้ทีมเช่น วอชิงตัน บูลเล็ตส์, [[บอสตัน เซลติกส์]], [[ฮิวส์ตัน รอกเก็ตส์]] และ [[ลอส แอนเจลิส เลเกอรส์เลเกอร์ส]]
 
เมื่อเข้าสู่คริสต์ทศวรรษที่ 1980 สเปอรส์สเปอร์สก็พบกับผลงานที่มีทั้งขึ้นและลง สามฤดูกาลแรกของทศวรรษ สเปอรส์สเปอร์สยังคงความสำเร็จจากทศวรรษก่อน ด้วยสถิติ 52-30 ในฤดูกาล 1980-81, 48-34 ในฤดูกาล 1981-82 และ 53-29 ในฤดูกาล 1982-83 แม้ว่าฤดูกาลปกติจะมีผลงานที่ดี สเปอรส์สเปอร์สยังไม่สามารถคว้าแชมป์เอ็นบีเอได้ ตกรอบเพลย์ออฟแพ้ ฮิวส์ตัน รอกเก็ตส์ ในปี 1981 และ ลอส แอนเจลิส เลเกอรส์เลเกอร์ส ในปี 1982 และ 1983
 
หลังฤดูกาล 1984-85 เกอร์วิน ซึ่งถือได้ว่าเป็นซูเปอร์สตาร์ที่สำคัญที่สุดของทีม ก็ถูกเทรดไป ชิคาโก บุลส์บูลส์ ถือเป็นการสิ้นสุดยุคแรกของสเปอรส์สเปอร์สที่เริ่มต้นเมื่อย้ายทีมไปเมืองซานแซน แอนโตนิโอ
 
=== ช่วงที่ความตกต่ำ (1985-1989) ===
 
ฤดูกาลถัดไปสี่ฤดูกาล ถือเป็นช่วงตกต่ำของทีม ทำสถิติรวมชนะ 115 เกม แพ้ 215 เกมระหว่างฤดูกาล 1985-86 จนถึง 1988-89 ช่วงนี้จำนวนผู้ชมลดน้อยลง ทำให้ถูกมองว่าเป็นทีมหนึ่งที่จะย้ายไปอยู่เมืองอื่น จุดดีเพียงจุดเดียวในช่วงนี้ คือ สเปอรส์สเปอร์สได้รับสิทธิ์การดราฟการดราฟต์อันดับที่หนึ่งในปี 1987 และเลือก [[เดวิด รอบินสัน]] (David Robinson) จาก[[โรงเรียนนายเรือสหรัฐ]] (United States Naval Academy) หลังจากการดราฟการดราฟต์ สเปอรส์สเปอร์ส ต้องรอจนกระทั่งฤดูกาล 1989-90 ถึงจะได้รอบินสันมาเล่นให้ เนื่องจากข้อผูกพันกับกองทัพเรือสองปี รอบินสันถูกคาดเดาว่าจะไม่เซ็นสัญญากับสเปอรส์สเปอร์สและเลือกที่จะเป็น[[ฟรีเอเจนต์]]เมื่อหมดข้อผูกพันกับกองทัพ<ref>[http://select.nytimes.com/gst/abstract.html?res=F4071EFE385A0C7B8DDDAC0894DF484D81&n=Top%2fReference%2fTimes%20Topics%2fPeople%2fR%2fRobinson%2c%20David SPORTS OF THE TIMES; THE ROBINSON PLOT THICKENS], ''The New York Times,'' 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1987</ref> <ref>[http://nl.newsbank.com/nl-search/we/Archives?p_action=doc&p_theme=saec&p_topdoc=1&p_docnum=1&p_sort=YMD_date:D&p_product=SAEC&p_docid=11944F93C77C7D18&p_text_direct-0=document_id=(%2011944F93C77C7D18%20)&&s_dlid=DL0107060621382819968&s_ecproduct=SUB-FREE&s_subterm=Subscription%20until:%2012/14/2015%2011:59%20PM&s_subexpires=12/14/2015%2011:59%20PM&s_username=safree&s_accountid=AC0106020315182914953&s_upgradeable=no?p_action=doc&p_theme=saec&p_topdoc=1&p_docnum=1&p_sort=YMD_date:D&p_product=SAEC&p_docid=11944F93C77C7D18&p_text_direct-0=document_id=(%2011944F93C77C7D18%20)&&s_dlid=DL0107060621382819968&s_ecproduct=SUB-FREE&s_subterm=Subscription%20until:%2012/14/2015%2011:59%20PM&s_subexpires=12/14/2015%2011:59%20PM&s_username=safree&s_accountid=AC0106020315182914953&s_upgradeable=no&mysa_login=1 The Summer Our Ship Came In], Tom Orsborn, '' San Antonio Express-News,'' 20 พฤษภาคม ค.ศ. 2007</ref> รอบินสัน ตัดสินใจเล่นให้ซานแซน แอนโตนิโอในที่สุด
 
ถึงแม้ว่าผลงานของฤดูกาล 1988-89 จะแย่เป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ของสเปอรส์สเปอร์ส (ชนะ 21 แพ้ 61) แต่ก็สำคัญในหลายแง่ หนึ่งคือเป็นฤดูกาลแรกที่ เรด แม็คคอมส์ (Red McCombs) เป็นเจ้าของแบบเต็มตัว อีกอย่างหนึ่งคือ เป็นฤดูกาลแรกของโค้ช [[แลร์รี บราวน์]] ซึ่งเพิ่มก้าวมาจากการเป็นแชมป์ระดับ[[เอ็นซีเอเอ]]กับ[[มหาวิทยาลัยแคนซัส]]มาเป็นโค้ชให้สเปอรส์สเปอร์ส
 
=== ยุคของรอบินสัน (1989-1997) ===
[[ไฟล์:San Antonio Spurs logo 1990-2002.png|right|150px|โลโก้ปี ค.ศ. 1990 ถึง 2002]]
ฤดูกาล 1989-90 ถือเป็นการกำเนิดอีกครั้งของสเปอรส์สเปอร์ส เดวิน รอบินสัน เข้ามาเล่นให้สเปอรส์สเปอร์ส พร้อมทั้ง เทอร์รี คัมมิงส์ (Terry Cummings) และผู้เล่นจากการดราฟปีการดราฟต์ปี 1989 ชอน เอลเลียต (Sean Elliott) จากการเพิ่มผู้เล่นนี้ สเปอรส์สเปอร์ส ผลงานปรับปรุงดีที่สุดในประวัติศาสตร์เอ็นบีเอ มาอยู่ที่ ชนะ 56 แพ้ 26 สเปอรส์แพ้เกมสเปอร์สแพ้เกม 7 ในรอบเซมิไฟนอลคอนเฟอเรนซ์ลคอนเฟรนซ์ตะวันตกให้แก่ [[พอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอรส์รลเบลเซอร์ส]] รอบินสัน สร้างผลงานผู้เล่นปีแรกของเซ็นเตอร์ได้ดีด้วยคะแนนเฉลี่ย 24.3 แต้ม 12.0 รีบาวด์ และได้รางวัลผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยมแห่งปี (Rookie of the Year)
 
ทีมกลับเข้ารอบเพลย์ออฟเป็นประจำอีกครั้ง ปลายฤดูกาล 1991-92 แม็คคอมส์ไล่โค้ช บราวน์ ออกและให้ บอบ แบส (Bob Bass) เป็นหัวหน้าโค้ชชั่วคราว รอบินสันบาดเจ็บและสเปอรส์สเปอร์สตกรอบแรกในเพลย์ออฟ แม็คคอมส์จ้างอดีตโค้ช[[มหาวิทยาลัยเนวาดาลาส ลาสเวกัสเวกัส]] [[เจอร์รี ทาร์เคเนียน]] (Jerry Tarkanian) การทดลองกับทาร์เคเนียนล้มเหลวและถูกให้ออกหลังผ่านฤดูกาล 1992-93 ไป 20 เกม และสเปอรส์มีสถิติสเปอร์สมีสถิติ ชนะ 9 แพ้ 11 เร็กซ์ ฮิวส์ (Rex Hughes) มารับหน้าที่โค้ชหนึ่งเกม จากนั้น จอห์น ลูคัส (John Lucas) ก็ถูกตั้งให้เป็นโค้ชคนใหม่ ถือเป็นหน้าที่โค้ชครั้งแรกของลูคัส ถึงแม้ว่าเขาจะเคยประสบความสำเร็จในเอ็นบีเอในการบำบัดผู้เล่นเอ็นบีเอจากการใช้ยา
 
ยุคของลูคัสเริ่มต้นได้ดี พาทีมชนะ 39 แพ้ 22 จบฤดูกาลปกติ เข้ารอบก่อนรองสุดท้ายของคอนเฟอเรนซ์เฟรนซ์ตะวันตกและแพ้[[ฟีนิกส์ ซันส์]] ฤดูกาล 1992-93 สเปอรส์ย้ายไปเล่นที่สนาม เฮมิแฟร์ อะรีอารีนา ปี ค.ศ. 1993 นักธุรกิจ ปีเตอร์ เอ็ม. โฮลท์ (Peter M. Holt) พร้อมทั้งนักลงทุน 22 คนซื้อทีมสเปอรส์จากสเปอร์สจาก เรด แม็คคอมส์ ด้วยราคา 75 ล้านเหรียญ
 
[[ไฟล์:Alamo Dome CIMG7791.JPG|250px|thumb|left|อลาโมโดม สนามของทีมสเปอรส์ระหว่างปี ค.ศ. 1993 ถึง 2002]]
ฤดูกาลถัดมาเป็นปีแรกที่สเปอรส์สเปอร์สย้ายไปสนามแห่งใหม่ คือ อลาโมโดม (Alamodome) ที่เพิ่งสร้างเสร็จ ก่อนเริ่มฤดูกาลสเปอรส์ได้เทรดเอา เอลเลียต ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ ไปยัง[[ดีทรอยต์ พิสตันส์]]เพื่อแลกกับ [[เดนนิส ร็อดแมน]] นักบาสผู้มีชื่อเรื่องการ[[รีบาวน์]] ลูคัส พาทีมชนะ 55 แพ้ 27 แต่ตกรอบแรกให้กับ[[ยูทาห์ แจ๊ส|แจ๊ส]] ลูคัสถูกปลดออกจากการเป็นหัวหน้าโค้ชทันที และแทนที่ด้วยโค้ช [[บ็อบ ฮิลล์]] (Bob Hill) อดีตโค้ชของเพเซอรส์เซอร์สในฤดูกาล 1994-95 ซึ่งถือว่าเป็นฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จฤดูกาลหนึ่ง เอลเลียต ก็ยังกลับมาร่วมทีมหลังเล่นให้พิสตันส์ฤดูกาลหนึ่งซึ่งไม่โดดเด่นเท่าที่ควร จบฤดูกาลทีมได้สถิติดีที่สุดของเอ็นบีเอโดยชนะถึง 62 เกมและแพ้เพียง 20 เกม รอบินสันยังได้รับเลือกเป็น[[ผู้เล่นทรงคุณค่า]] รอบเพลย์ออฟ สเปอรส์สเปอร์ส เข้าถึงรอบไฟนอลสุดท้ายของสายตะวันตกและแพ้ให้กับทีม [[ฮิวส์ตัน รอกเก็ตส์]] ซึ่งได้แชมป์เอ็นบีเอในปีนั้น ตลอดฤดูกาลโดยเฉพาะรอบเพลย์ออฟ ดูว่ามีความไม่ลงรอยกันระหว่าง ร็อดแมน กับเพื่อนร่วมทีมหลายคน โดยเฉพาะรอบินสัน หลังจบฤดูกาล ร็อดแมน ก็ถูกเทรดไปทีม[[ชิคาโก บุลส์บูลส์]]
 
สเปอรส์สเปอร์สจบฤดูกาลถัดไป (1995-96) ด้วยสถิติ 59-23 และแพ้ในรอบก่อนรองสุดท้ายของคอนเฟอเรนซ์เฟรนซ์ตะวันตกให้กับแจ๊ส น้อยคนนักที่จะคาดเดาว่าสเปอรส์สเปอร์สจะตกต่ำมากในฤดูกาล 1996-97 รอบินสัน บาดเจ็บและเล่นเพียง 6 เกมตลอดฤดูกาล เอลเลียต ก็ไม่ได้ลงเล่นเกินครึ่งเนื่องจากปัญหาบาดเจ็บเช่นกัน สเปอรส์สเปอร์ส จบฤดูกาลที่สถิติ 20-62 แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ทีม ฮิลล์ ได้อยู่เป็นโค้ชแค่ 18 เกมก่อนที่จะถูกปลดและแทนที่ด้วยผู้จัดการทั่วไป [[เกรก พอโพวิช]] (Gregg Popovich) ซึ่งเคยเป็นผู้ช่วยโค้ชสมัยที่บราวน์เป็นหัวหน้า
 
ฤดูกาล 1996-97 สเปอรส์สเปอร์สจะประสบความล้มเหลวในสนาม แต่ช่วงจบฤดูกาลกลับตรงกันข้าม สเปอรส์ มีสเปอร์สมีสถิติแย่เป็นอันดับสามของลีก จากการสุ่มล็อตเตอรี สเปอรส์สเปอร์สได้สิทธิ์การดราฟการดราฟต์เป็นคนแรกของปี 1997 และเลือกนักบาสเกตบอลผู้ซึ่งถูกคัดเลือกให้เป็น ออล-อเมริกัน (All-American) จาก[[มหาวิทยาลัยเวคฟอเรสต์]] [[ทิม ดังแคน]]
 
=== ยุคทวิน เทาเวอรส์ทาวเวอร์ส (1997-2003) ===
[[ไฟล์:Duncan Wallace.jpg|thumb|left|170px|การดราฟ [[ทิม ดังแคน]] เมื่อปี ค.ศ. 1997 เป็นจุดเปลี่ยนของทีม]]
ดังแคน เริ่มฤดูกาลแรก (1997-98) ก็สร้างผลงานดีได้ตำแหน่งผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยม เล่นได้เฉลี่ย 21.1 แต้ม 11.9 รีบาวด์ต่อเกม ทีมจบฤดูกาลปกติที่สถิติ 56-26 ตกรอบเพลย์ออฟรอบรองสุดท้ายของคอนเฟอเรนซ์ตะวันตกโดยแพ้ให้แจ๊ส ดังแคน ซึ่งเล่นในตำแหน่ง[[เพาเวอร์ฟอร์เวิร์ด (บาสเกตบอล)|เพาเวอร์ฟอร์เวิร์ด]]เล่นประสานงานใต้แป้นกับรอบินสันได้ดี ทำให้ทั้งคู่เป็นที่รู้จักในฉายาร่วมกันว่า '''ทวิน เทาเวอรส์ทาวเวอร์ส''' (Twin Towers) สเปอรส์สเปอร์สให้ความหวังกับฤดูกาลต่อมาคือฤดูกาล 1998-99 แต่ก่อนที่จะเริ่มฤดูกาล เจ้าของทีมในเอ็นบีเอนำโดยคอมมิชชันเนอร์ [[เดวิด สเตอร์น]] (David Stern) พักการเล่นเพื่อทำข้อตกลงกับสมาคมผู้เล่นเอ็นบีเอ (NBA Players Association, NBAPA) ใหม่ กว่าจะได้ข้อตกลงเรียบร้อยก็เดือนมกราคม ค.ศ. 1999
 
[[ไฟล์:LarryOBrienTrophies.jpg|thumb|230px|ถ้วยรางวัลแชมป์เอ็นบีเอของสเปอรส์สเปอร์ส]]
ในฤดูกาลที่หดเหลือ 50 เกมนี้ สเปอรส์สเปอร์สเล่นได้สถิติ 37-13 และผ่านรอบต่าง ๆ ในเพลย์ออฟอย่างง่ายดายโดยชนะ 11 และแพ้เพียง 1 เกม ในรอบเอ็นบีเอไฟนอลสุดท้ายก็ชนะทีม[[นิวยอร์ก นิกส์]]ใน 5 เกม ที่สนามเหย้าของนิกส์ด้วยคะแนน เมดิสัน สแควร์ การ์เดนของนิกส์ด้วยคะแนน 78 ต่อ 77 คว้าแชมป์เอ็นบีเอสมัยแรกของทีม ในขณะที่ ทิม ดังแคน ได้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่ารอบไฟนอลสุดท้าย ชัยชนะของทีมถือเป็นครั้งแรกของทีมจากลีกเอบีเอ ซึ่งก่อนหน้านี้ทีมจากเอบีเอยังไม่เคยเข้ารอบไฟนอลสุดท้ายเลยสักครั้ง สเปอรส์สเปอร์สยังสร้างสถิติผู้ชมในสนามมากที่สุดในเอ็นบีเอไฟนอลสุดท้าย คือ 39,554 คนในเกมที่ 2 และทำลายสถิติที่เพิ่งสร้างก่อนหน้านั้นสองวันคือ 39,514 คนในเกมที่ 1
 
สเปอรส์สเปอร์สไม่สามารถผ่านรอบแรกของเพลย์ออฟฤดูกาลถัดมาได้ แพ้ทีมซันส์ เนื่องจาก ดังแคน บาดเจ็บ ไม่สามารถลงเล่นได้เลยตลอดการแข่งในรอบแรก แต่อนาคตของทีมในเมืองซานแซน แอนโตนิโอก็ชัดเจนเมื่อมีการลงคะแนนอนุมัติการเก็บภาษีรถเช่าและโรงแรมเพื่อนำเงินมาสร้างสนามกีฬาแห่งใหม่ ฤดูกาล 2000-01 และ 2001-02 สเปอรส์เล่นได้สเปอร์สเล่นได้ 58-24 ทั้งสองฤดูกาล แต่ตกรอบเพลย์ออฟให้กับทีม[[ลอส แอนเจลิส เลเกอรส์เลเกอร์ส|เลเกอรส์เลเกอร์ส]]ซึ่งคว้าแชมป์เอ็นบีเอทั้งสองฤดูกาลนี้
 
ฤดูกาล 2002-03 เป็นฤดูกาลที่ เดวิด รอบินสัน จะเล่นเอ็นบีเอเป็นฤดูกาลสุดท้าย อีกทั้งเป็นช่วงที่สเปอรส์สเปอร์สย้ายไปเล่นในสนามแห่งใหม่ ซึ่งตั้งชื่อว่า เอสบีซี เซ็นเตอร์ (SBC Center ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น เอทีแอนด์ทีAT&T เซ็นเตอร์Center หลังจากบริษัท SBC ไปซื้อกิจการของ AT&T) ในโอกาสสำคัญนี้ สเปอรส์สเปอร์สหันกลับไปใช้โลโก้แบบเก่าซึ่งมีสีเงินและสีดำ อย่างไรก็ตามสีของเสื้อยังคงใช้สีเดิม คือ เงินและดำ
 
ทีมสเปอรส์สเปอร์สในตอนนี้ไม่เหมือนชุดที่ได้แชมป์เมื่อสามปีก่อน ทีมมีการปรับผู้เล่นใหม่เพื่อโค่นทีมเลเกอรส์เลเกอร์ส แชมป์เอ็นบีเอติดกันสามสมัย ทีมประกอบด้วย ดังแคนและรอบินสัน ในวงใน มี[[โทนี พาร์คเกอร์]] (Tony Parker) ผู้เล่นชาวฝรั่งเศสซึ่งถูกดราฟในปีถูกดราฟต์ในปี 2001 มาเป็นเล่นเป็น[[พอยต์การ์ด]]ตัวจริง และได้ตัวชู้ตสามแต้มใหม่หลายคน เช่น [[สตีเฟน แจ็คสัน]] (Stephen Jackson), [[แดนนี เฟอร์รี]] (Danny Ferry), [[บรูซ โบเวน]] (Bruce Bowen), [[สตีฟ เคอรร์]] (Steve Kerr), [[สตีฟ สมิธ (เอ็นบีเอ)|สตีฟ สมิธ]] (Steve Smith) และผู้เล่นหน้าใหม่จากอาร์เจนตินา คือ [[มานู จิโนบิลี]] (Manu Ginobili) ซึ่งสเปอรส์ดราฟไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999 แต่เพิ่งได้มาเล่นให้ทีมเป็นปีแรก ฤดูกาลปกติสเปอรส์สเปอร์สทำสถิติชนะ 60 แพ้ 22 ผ่านทีม ซันส์ เลเกอรส์เลเกอร์ส และ [[ดัลลัส แมฟเวอริกส์]]ในเพลย์ออฟเข้าสู่รอบสุดท้าย การแข่งกับ [[นิวเจอร์ซี เนตส์]] ถือเป็นครั้งแรกที่ทีมจากเอบีเอมาพบในรอบไฟนอลสุดท้าย สเปอรส์สเปอร์สชนะซีรีส์นี้ที่ 4 ต่อ 2 เกม คว้าแชมป์สมัยที่สอง ส่วนดังแคนได้รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าทั้งฤดูกาลปกติและของรอบไฟนอลสุดท้าย
 
=== ยุค บิ๊กทรี (2003-ปัจจุบัน) ===
[[ไฟล์:Spurs White House.jpg|thumb|left|330px|สเปอรส์เข้าพบประธานาธิบดี[[จอร์จ ดับเบิลยู. บุช]] ที่[[ทำเนียบขาว]] ภายหลังการได้แชมป์ปี ค.ศ. 2003]]
ฤดูกาล 2003-04 สเปอรส์มีสเปอร์สมีผู้เล่นใหม่ในทีมมากถึง 9 คน ผลงานช่วงต้นของฤดูกาลทำได้ไม่ดีนัก ชนะ 9 แพ้ 10 ผลจากการที่รอบินสันเลิกเล่น และผู้เล่นใหม่พยายามปรับตัวให้เข้ากับทีม แต่สเปอรส์สเปอร์สก็ปรับตัวได้และชนะติดต่อกัน 13 เกม กลับมาอยู่ทีมอันดับต้น ๆ ในเอ็นบีเออีกครั้ง จบฤดูกาลโดยชนะรวด 11 เกมสุดท้าย ได้สถิติ 57-25 ตามทีมที่สถิติดีที่สุดของฝั่งตะวันตกอยู่หนึ่งเกม รอบเพลย์ออฟ สเปอรส์เอาชนะสเปอร์สเอาชนะ[[เมมฟิส กริซลีส์]] 4 เกมรวดผ่านเข้ารอบสองไปพบกับ[[ลอส แอนเจลิส เลเกอรส์เลเกอร์ส]] สเปอรส์สเปอร์สชนะสองเกมแรกที่สนามเหย้าทำให้สเปอรส์มีสเปอร์สมีสถิติชนะติดต่อกันนับรวมฤดูกาลปกติถึง 17 เกม แต่สองเกมถัดไปในซีรีส์นี้กลับไปเล่นที่บ้านของเลเกอรส์และมีปัญหาการทำคะแนน ผลคือแพ้ทั้งสองเกม เกม 5 กลับมายังสนาม เอสบีซี เซ็นเตอร์ ทิม ดังแคน ดูเหมือนจะพาทีมไปสู่ชัยชนะด้วยคะแนน 73 ต่อ 72 จากการชู้ตลูกก่อนหมดเวลา 0.4 วินาที แต่ [[เดเร็ก ฟิชเชอร์]] (Derek Fisher) ของเลเกอรส์กลับเลเกอร์สกลับชู้ตลูกก็ที่เวลาจะหมดทำให้ชนะพลิกความคาดหมายด้วยคะแนน 74 ต่อ 73 และนำซีรีส์อยู่ 3 ต่อ 2 เกม<ref>"Parker perplexed once again", ''San Antonio Express-News'', 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2004</ref><ref>"S.A. is heartbreak city", ''San Antonio Express-News'', 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2004</ref><ref name=Fisher>[http://www.nba.com/games/20040513/LALSAS/recap.html Fisher’s Jumper Gives Lakers Dramatic Game 5 Win], NBA.com, 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2004 (เข้าถึงข้อมูล 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2007)</ref> สเปอรส์ประท้วงว่านาฬิกาเริ่มเดินช้าทำให้ฟิชเชอร์สามารถชู้ตลูกได้ทันเวลา<ref>[http://www.chron.com/CDA/archives/archive.mpl?id=2004_3764146 Triple Crown bid nabs viewers], ''Houston Chronicle'', 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2004</ref><ref name=Fisher/> กรรมการสามารถตรวจสอบจากเทปที่บันทึกไว้ว่าฟิชเชอร์ชู้ตลูกก่อนเวลาจะหมดแต่ไม่สามารถตรวจสอบเรื่องนาฬิกาไม่เริ่มนับทันทีที่นำลูกเข้าสนาม เกม 6 สเปอรส์กลับสเปอร์สกลับไปเล่นสนามเลเกอรส์และแพ้เลเกอร์สและแพ้ ตกรอบเพลย์ออฟ
 
ช่วงนอกฤดูกาลสเปอรส์กลับสเปอร์สกลับไปปรับทีมใหม่ ได้การ์ด [[เบรนต์ แบร์รี]] (Brent Barry) จาก[[ซีแอตเติล ซุปเปอร์ซูเปอร์โซนิค]] เซ็นสัญญา [[เกลน รอบินสัน]] (Glenn Robinson) และเทรดเอาเซ็นเตอร์ [[นาซีร์ โมฮัมเม็ด]] (Nazr Mohammed) จาก[[นิวยอร์ก นิกส์]] ตอนกลางฤดูกาล มารวมกับผู้เล่นขณะนั้นคือ [[บรูซ โบเวน]], [[รอเบิร์ต ฮอร์รี]] (Robert Horry), [[โทนี พาร์เกอร์]], [[มานู จิโนบิลี]] และทิม ดังแคน
สเปอรส์สเปอร์สจบฤดูกาลปกติด้วยสถิติอันดับสองของสายตะวันออก ชนะ 59 แพ้ 23 และสถิติดีที่สุดของดิวิชัน ในฤดูกาลเพลย์ออฟ สเปอรส์ชนะสเปอร์สชนะ[[เดนเวอร์ นักเก็ตส์]]ในรอบแรก 4 ต่อ 1 เกม [[ซีแอตเติล ซุปเปอร์ซูเปอร์โซนิค]]ในรอบสอง 4 ต่อ 2 เกม และ [[ฟีนิกส์ ซันส์]] 4 ต่อ 1 เกมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศและคว้าแชมป์เป็นสมัยที่สามในรอบเจ็ดปี เอาชนะแชมป์เก่าคือ [[ดีทรอยต์ พิสตันส์]] ไป 4 ต่อ 3 เกม ทิม ดังแคน ได้รับเลือกเป็นผู้เล่นทรงคุณค่ารอบไฟนอลสุดท้าย และเป็นคนที่สี่ที่ได้รับรางวัลนี้สามครั้ง (ถัดจาก [[แมจิก จอห์นสัน]], [[ไมเคิล จอร์แดน]] และ [[แชคิล โอนีล]]) ฤดูกาลนี้ มานู จิโนบิลี ก็กลายเป็นดาราในทีม และได้รับคำสรรเสริญจากแฟนทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และระหว่างประเทศ (โดยเฉพาะ[[อาร์เจนตินา]]บ้านเกิดของเขา) เขาได้ลงเล่นในเกมรวม[[ดาราเอ็นบีเอ]]ในปีนั้น
 
[[ไฟล์:ATTCenter.jpg|250px|thumb|right|สนามเอทีแอนด์ที เซ็นเตอร์ ตอนกลางคืน]]
ฤดูกาล 2005-06 นำโดย ทิม ดังแคน, มานู จิโนบิลี และที่เพิ่งได้เล่นในเกมรวมดาราปีนั้นคือ โทนี พาร์เกอร์ ทีมได้ทำลายสถิติชนะมากที่สุดของแฟรนไชส์ โดยชนะ 69 แพ้เพียง 19 เกม และเข้าเพลย์ออฟติดต่อกัน 9 ปี สเปอรส์สเปอร์สตกรอบสองในเพลย์ออฟจากระบบการจับคู่ที่ไปพบกับ[[ดัลลัส แมฟเวอริกส์]]ทั้งที่สองทีมเป็นทีมอันดับดีที่สุดในคอนเฟอเรสซ์เฟรนซ์
 
ฤดูกาล 2006-07 สเปอรส์สเปอร์สจบฤดูกาลปกติที่สถิติ 58-24 เข้าเพลย์ออฟชนะ[[เดนเวอร์ นักเก็ตส์]]ด้วย 4 ต่อ 1 เกม ชนะ[[ฟีนิกส์ ซันส์]] 4 ต่อ 2 เกม ชนะ[[ยูทาห์ แจ๊ส]] 4 ต่อ 1 เกม และเข้ารอบไฟนอลชนะสุดท้ายชนะ[[คลีฟแลนด์ คาวาเลียส์เลียร์ส์]]4 ต่อ 0 เกม คว้าแชมป์สมัยที่สี่ในรอบเก้าปี อย่างสวยงาม
 
ฤดูกาล 2007-08 สเปอรส์สเปอร์สจบฤดูกาลปกติที่อันดับ3ของสายตะวันตกสถิติ 56-26 เข้ารอบเพลย์ออฟรอบแรกพบ[[ฟีนิกส์ ซันส์]]ชนะไป 4 ต่อ 1 เกม ชนะ รอบ 2 พบ[[นิวออรีนส์ ฮอร์เนตส์]] ชนะไป4 ต่อ 3 เกม และเข้ารอบไฟนอลของสายสุดท้ายของสาย แต่แพ้ให้กับ[[ลอส แอนเจลิส เลเกอรส์เลเกอร์ส]]4 ต่อ 1 เกม ตกลอบไฟนอลรอบสุดท้ายไปอย่างหน้าผิดหวัง
 
== ผู้เล่นที่มีชื่อเสียง ==
บรรทัด 103:
หมายเลข นักกีฬา ตำแหน่ง และปีที่เล่นให้ทีม
* 00 - [[จอห์นนี มัวร์]], การ์ด, 1980-88 และ 1989-90
* 13 - [[เจมส์ ไซลาส]], การ์ด, 1972-81 (รวมฤดูกาลสุดท้ายที่สเปอรส์สเปอร์สเล่นในดัลลัส)
* 32 - [[ชอน เอลเลียต]], ฟอร์เวิร์ด, 1989-93 และ 1994-2001
* 44 - [[จอร์จ เกอร์วิน]], การ์ด, 1974-85