ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อนันตริยกรรม"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 19:
ด้วยกรรมแห่งอนันตริยกรรมทั้ง 5 ประการนี้จัดเป็นกรรมหนักหรือครุกรรม ผู้ใดทำกรรมอนันตริยกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้นั้นจะได้รับโทษทั้งทางโลกและทางธรรม โทษของทางโลกคือจะถูกผู้คนประณามและสาปแช่ง ไม่คบค้าสมาคมใดเลย และยังถูกกฎหมายบ้านเมืองลงโทษอีก(โดยเฉพาะมาตุฆาต ปิตุฆาต และอรหันตฆาตเท่านั้น ยกเว้นสังฆเภทที่กฎหมายไม่สามารถลงโทษได้) ส่วนโทษของทางธรรมคือจะถูกถือว่าเป็นคนบาปหนักบาปหนาที่สด ไม่อาจจะยกโทษให้เลยแม้แต่น้อย พระพุทธศาสนาได้กล่าวไว้ว่า ผู้ใดทำกรรมอนันตริยกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วจะไม่สามารถบวชเข้าเป็น[[ภิกษุ]]ได้เลยเพราะถือว่าเป็นผู้ต้อง[[ปาราชิก]]สำหรับฆราวาสและจะไม่สามารถบรรลุมรรคผล[[นิพพาน]]ใดๆเลยตลอดชีวิตในชาติที่ยังมีชีวิคอยู่ และเมื่อตายจากโลกไปจะต้องตก[[นรก]]สถานเดียว ไม่สามารถขึ้น[[สวรรค์]]ได้ ต่อให้ทำกรรมดีมากมายเพียงใดก็ไม่อาจหลุดพ้นจากนรกได้
ผุ้ทำอนันตริยกรรมจะต้องตกนรกลงไปยังขุมนรกที่ลึกที่สุดคือ มหาขุมนรก[[อเวจี]] ซึ่งอยู่ชั้นที่ 8 เป็นขุมนรกขุม
ส๋วนถ้าใครทำอนันตริยกรรมไว้หลายข้อ ก็จะต้องไปบังเกิดมหาขุมนรกอเวจีสถานเดียวอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แม้ทำกรรมดีเท่าใดก็ไม่พ้นและได้รับการลงโทษเป็นเวลายาวนานมากหรือหลายกัลป์ แต่บางครั้งอาจได้รับการลดโทษด้วยการลดเวลาการลงโทษเหลือเพียง 1 กัลป์ ตัวอย่างเช่น[[พระเทวทัต]]ทำกรรมหนักไว้ 2 ประการคือโลหิตุปบาทและสังฆเภท แผ่นดินไม่อาจรองรับไว้ได้จึงสูบเอาพระเทวทัตลงไปสู่มหาขุมนรกอเวจี ไม่มีใครช่วยได้ แต่ก่อนที่จะจมลงธรณี พระเทวทัตซึ่งเหลือแต๋เศียรได้มองไปยัง[[วัดเชตวันมหาวิหาร]]ที่พระพุทธองค์ประทับอยู่ ก็กล่าวสรรเสริญพระพุทธคุณและถวายกระดูกคางเป็นพุทธบูชาและยึดเอาพระพุทธองค์เป็นที่พึ่งคลอดกาล เมื่อลงสู่มหาขุมนรกอเวจีแล้ว บุญกุศลจากการถวายกระดูกคางก็ทำให้ถูกลงโทษในนรกเพียง 1 กัลป์เท่านั้น
== อ้างอิง ==
|