ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจ้าฌูเอาที่ 6 แห่งโปรตุเกส"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
OctraBot (คุย | ส่วนร่วม)
แทนที่คำผ่านการค้นหา: 'ทรงตรัส'→'ตรัส'
Novaskosia (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 87:
ท่ามกลางขนบธรรมเนียมประเพณี เจ้าชายฌูเอาทรงริเริ่มดำเนินประเพณีโปรตุเกสโบราณในบราซิลคือ "ไบฌา-เมา" (beija-mão) ที่ซึ่งพระองค์ทรงชื่นชอบอย่างมาก และที่ซึ่งสร้างความประทับใจในพสกนิกรบราซิลและกลายเป็นส่วนหนึ่งของตำนานพื้นบ้านของพวกเขา<ref>[http://www.historiacolonial.arquivonacional.gov.br/cgi/cgilua.exe/sys/start.htm?infoid=731&sid=95 ''Casa Real: Nascimento do Príncipe da Beira: Beija-mão'']. O Arquivo Nacional e a História Brasileira. In Portuguese.</ref> พระองค์เสด็จออกรับพสกนิกรเกือบทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ แถวของประชาชนยาวเหยียดเพื่อเข้าเฝ้าและทรงรับของกำนัลจากทั้งขุนนางและสามัญชน ตามคำกล่าวของจิตรกร อ็องรี เลแว็ก ที่ว่า "เจ้าชาย ร่วมกับรัฐมนตรี กรมวังและพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชบริพารทางราชการ ได้รับการถวายฎีกาทั้งหมดที่ซึ่งเสนอแก่พระองค์ ทรงฟังทุกเรื่องราวที่ไม่พอพระทัยอย่างตั้งพระทัยแน่วแน่ ทรงวิงวอนแก่ผู้ร้องทุกข์ทุกคน ทรงปลอบโยนคนหนึ่ง ทรงให้กำลังใจคนอื่น ๆ........ มารยาทที่หยาบคาย วาทะที่คุ้นเคย การยืนกรานในบางสิ่ง การขยายความในอื่น ๆ ไม่มีผู้ใดเบื่อพระองค์เลย ดูเหมือนว่าพระองค์จะทรงลืมแล้วเสียว่าทรงเป็นเจ้านายพวกเขา และพวกเขาจดจำพระองค์ได้ในฐานะของพ่อ"<ref>''"o Príncipe, acompanhado por um Secretário de Estado, um Camareiro e alguns oficiais de sua Casa, recebe todos os requerimentos que lhe são apresentados; escuta com atenção todas as queixas, todos os pedidos dos requerentes; consola uns, anima outros.... A vulgaridade das maneiras, a familiaridade da linguagem, a insistência de alguns, a prolixidade de outros, nada o enfada. Parece esquecer-se de que é senhor deles para se lembrar apenas de que é o seu pai".'' Carvalho, Marieta Pinheiro de. [http://bndigital.bn.br/redememoria/joaovi.html ''D. João VI: perfil do rei nos trópicos'']. Rede Virtual da Memória Brasileira. Fundação Biblioteca Nacional, 2008.</ref> มานูเอล จี โอลีเวย์รา ลีมา ได้เขียนเกี่ยวกับพระองค์ว่า "ไม่ทรงเคยปฏิเสธการเผชิญหน้าหรือคำร้อง และผู้ถวายฎีกาทุกคนประหลาดใจว่าทำไมพระองค์ทรงทราบอย่างดีถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา ครอบครัวของพวกเขา แม้เหตุการณ์เล็กน้อยที่ซึ่งได้เกิดขึ้นในอดีตและที่ซึ่งพวกเขาไม่เชื่อว่าสามารถล่วงรู้ถึงพระกรรณของพระองค์ได้อย่างไร"<ref>''"nunca confundia as fisionomias nem as súplicas, e maravilhava os requerentes com o conhecimento que denotava das suas vidas, das suas famílias, até de pequenos incidentes ocorridos em tempos passados e que eles mal podiam acreditar terem subido à ciência d'el-rei."'' Lima, Oliveira. Vol. II. p. 859</ref>
[[ไฟล์:Beijamao.jpg|thumb|ภาพพระราชพิธี[[ไบฌา-เมา]] (การจุมพิตพระหัตถ์ขององค์กษัตริย์) ในราชสำนักบราซิลของพระเจ้าฌูเอา ที่ซึ่งยังคงเป็นโบราณราชประเพณีของราชสำนักโปรตุเกสจนกระทั่งสิ้นสุดราชาธิปไตย]]
ตลอดเวลาที่พระองค์ประทับในบราซิล เจ้าชายฌูเอาทรงก่อตั้งสถาบันต่าง ๆ จำนวนมากมายอย่างเป็นทางการและการบริการสาธารณะต่าง ๆ และทรงผลักดันเศรษฐกิจ, วัฒนธรรมและวิถีชีวิตประจำชาติตามพื้นที่ต่าง ๆ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้ถูกยึดโดยส่วนใหญ่ เพราะความต้องการในสิ่งที่จำเป็นของการบริหารจัดการจักรวรรดิใหญ่ในดินแดนที่แต่ก่อนเคยขาดแคลนทรัพยากร เพราะว่าความคิดที่มีอิทธิพลได้ดำเนินต่อไปที่ซึ่งเชื่อว่าบราซิลยังคงเป็นอาณานิคม ได้ให้สิ่งที่ถูกคาดว่าราชสำนักที่นี่ควรจะกลายเป็นอดีตราชธานีเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองในยุโรปกลับสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม การพัฒนาในสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นรากฐานสำหรับเอกราชของบราซิลในอนาคต<ref name="Loyola">Loyola, Leandro. [http://revistaepoca.globo.com/Revista/Epoca/0,,EDG81336-6014-506,00.html "A nova história de Dom João VI"]. In: ''Revista Época'', nº 506, {{date|2008-01-30}}. In Portuguese.</ref><ref name="Bandeira"/> นี้ไม่ได้กล่าวถึงสิ่งอำนวยความสะดวกและความก้าวหน้าทั้งหมด ลำดับของวิกฤตทางการเมืองได้เกิดขึ้นเพียงเวลาสั้น ๆ หลังจากพระองค์เสด็จมาถึงด้วย[[การรุกรานกาแยน (ค.ศ. 1809)]] ใน[[เฟรนช์เกียนา]]ของฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2352 ในการโต้กลับสำหรับการที่ฝรั่งเศสเข้ารุกรานโปรตุเกส<ref>[http://www.historiacolonial.arquivonacional.gov.br/cgi/cgilua.exe/sys/start.htm?infoid=248&sid=48&tpl=printerview ''Caiena: mapa do comércio'']. O Arquivo Nacional e a História Luso-Brasileira, {{date|2004-11-26}}. In Portuguese.</ref>, ปัญหาทางเศรษฐกิจที่รุนแรง และความลำบากจากข้อตกลงทางการค้าที่กำหนดในปี พ.ศ. 2353 โดยพันธมิตรอย่างอังกฤษ ที่ซึ่งในการปฏิบัติการเอ่อล้นของตลาดเล็ก ๆภายในด้วยสิ่งเล็กน้อยที่ไร้ค่าและการส่งออกที่เป็นผลเสีย และในการก่อตั้งอุตสาหกรรมใหม่ในชาติ<ref>Lima, Oliveira. [http://www.consciencia.org/relacoes-comerciais-do-brasil.os-tratados-de-1810-d.joao-vi-no-brasil-oliveira-lima ''D. João VI no Brasil – 1808–1821'']. Vol. I. Rio de Janeiro: Typ. do Jornal do Commercio, de Rodrigues, 1908. Edição online</ref><ref>Gomes, pp. 186–190</ref> [[หนี้สินของชาติ]]ได้เพิ่มจำนวนทวีคูณถึง 20 และการคอร์รัปชั่นแพร่กระจายอยู่ทั่วไปในสถาบันใหญ่ ๆ รวมทั้ง[[ธนาคารแห่งบราซิล]]แห่งแรก ที่ซึ่งสิ้นสุดด้วยการล้มละลาย เช่นเดียวกับราชสำนักที่ฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลือง, สะสมอภิสิทธิ์ต่าง ๆ และดำรงไว้ซึ่งกองทหารที่ประจบสอพลอและฉวยโอกาส กงสุลอังกฤษ เจมส์ เฮนเดอร์สัน ได้สังเกตการณ์ว่า ราชสำนักในยุโรปส่วนน้อยเท่านั้นที่จะมีขนาดใหญ่เท่ากับราชสำนักโปรตุเกส ลอเรนติโน โกเมซได้เขียนไว้ว่า เจ้าชายฌูเอาทรงพระราชทานยศอันเป็นมรดกตกทอดมากมายในช่วงแปดปีแรกในบราซิลซึ่งมากกว่าประวัติศาสตร์การพระราชทานยศก่อนหน้านี้ในรอบสามร้อยปีแห่งราชาธิปไตยโปรตุเกส ไม่ได้มีการนับการพระราชทานเครื่องยศมากกว่า 5,000 ยศและการยกย่อง[[เครื่องราชอิศริยาภรณ์อิสริยาภรณ์แห่งโปรตุเกส|เกียรติยศในเครื่องราชอิศริยาภรณ์อิสริยาภรณ์โปรตุเกส]]<ref>Gomes, pp. 169–177</ref>
 
เมื่อจักรพรรดินโปเลียนพ่ายแพ้ในปี พ.ศ. 2358 มหาอำนาจยุโรปได้พบปะกันใน[[การประชุมใหญ่แห่งเวียนนา]]เพื่อจัดระบบแผนที่ทางการเมืองในภาคพื้นทวีปใหม่ โปรตุเกสได้เข้ามีส่วนร่วมในการเจรจาต่อรองแต่ต้องให้นักวางแผนการชาวบริติชหรืออังกฤษที่ขัดแย้งกันในการสนับสนุน[[ราชวงศ์บรากังซา]] อัครราชทูตโปรตุเกสในคองเกรส [[ดยุกแห่งปัลเมลา|เคานต์แห่งปัลเมลา]] ได้เสนอแนะให้เจ้าชายผู้สำเร็จราชการยังคงประทับอยู่ในบราซิล ดังที่คำแนะนำของบุคคลผู้ทรงอำนาจอย่าง[[ชาร์ล มอริส เดอ ตาแลร็อง-เปรีกอร์|เจ้าชายตาแลร็อง]] เพื่อจำกัดความแข็งแกร่งระหว่างราชธานีกับอาณานิคม รวมทั้งการเสนอแนะให้ยกระดับบราซิลเป็นราชอาณาจักรรวมกับโปรตุเกส ผู้แทนจากสหราชอาณาจักรก็ยังยุติด้วยการสนับสนุนข้อเสนอนี้ ที่ซึ่งเป็นผลให้เกิดการสถาปนา[[สหราชอาณาจักรโปรตุเกส บราซิล และแอลการ์ฟ]]ในวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2358 เป็นสถาบันที่ได้รับการพิจารณาผ่านทางกฎหมายอย่างรวดเร็วโดยชาติต่าง ๆ<ref name="Bandeira">Bandeira, Moniz. ''Casa da Torre de Garcia d'Avila''. Editora Record, 2000, pp. 423–425</ref>