ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อาร์ชดยุกฟรันทซ์ แฟร์ดีนันท์ แห่งออสเตรีย"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Xqbot (คุย | ส่วนร่วม)
Nullzerobot (คุย | ส่วนร่วม)
โรบอต: แทนที่คำ
บรรทัด 48:
 
== อภิเษกสมรส ==
เมื่อปี[[พ.ศ. 2438]] พระองค์ทรงได้พบกับ [[โซฟี ดัชเชสแห่งโฮเฮนเบิร์ก|เค้านท์เตสโซฟี โชเท็ค]] ซึ่งเป็นนางพระกำนัลของ[[เจ้าหญิงอิสซาเบลล่าแห่งครอย|อาร์ชดัชเชสอิสซาเบลล่า]] ซึ่งเป็นพระชายาใน[[อาร์ชดยุกเฟรเดอริกแห่งออสเตรีย ดยุกแห่งเทสเชน|อาร์ชดยุกเฟรเดอริค ดยุคแห่งเทสเชน]] โดยพระองค์เสด็จเยี่ยมพระญาติของพระองค์ที่ พระตำหนักของอาร์ชดยุกเฟรเดอริก ในเมืองเพรสบูร์ก (ปัจจุบันคือเมือง[[บราติสลาวา]] เมืองหลวงของ[[ประเทศสโลวาเกีย]]) โดยพระองค์และโซฟีทรงมีการติดต่อหากันอย่างลับๆ โดยโซฟีได้เขียนจดหมายมาหาพระองค์ระหว่างที่พระองค์ทรงอยู่ในระยะพักฟื้นจากโรควัณโรคหลังจากเสด็จกลับจากเกาะลอว์ชิน บนทะเลอาเดรียติก [[ประเทศโครเอเชีย]] ทั้งสองได้เก็บความสัมพันธ์นี้อย่างลับๆมาเป็นเวลากว่า 2 ปี สำหรับฝ่ายโซฟีนั้น ครอบครัวของเธอไม่ได้เป็นเชื่อพระวงศ์แม้แต่น้อย ถึงแม้ว่า ถ้านับถอยหลังบรรพบุรุษของครอบครัวนั้น จะเห็นว่า บรรพบุรุษทางแม่ของโซฟีนั้น เป็นเจ้าหญิงแห่ง[[ราชรัฐบาเดน|บาเดน]], [[ราชรัฐโฮเฮนโซเลิร์น-เฮชินเจน|โฮเฮนโซเลิร์น-เฮชินเจน]], และ [[ลิกเตนสไตน์]] โดยกฏกฎมณเฑียรบาลเรื่องการอภิเษกสมรสนั้นระบุว่า ''จะต้องอภิเษกสมรสกับเจ้าชายหรือเจ้าหญิงที่เป็นเชื้อพระวงศ์ยุโรปด้วยกันเท่านั้น''
 
ในตอนแรกนั้นอาร์ชดัชเชสอิสซาเบลลาทรงพระดำริว่าอาร์ชดยุกฟรันซ์ แฟร์ดีนันด์ผู้เป็นพระนัดดาทรงหลงรักหนึ่งในพระธิดาของพระองค์ แต่เมื่อปี[[พ.ศ. 2441]] พระองค์ทรงแอบเข้าไปในห้องของพระนัดดา เพื่อทรงค้นอัลบั้มพระฉายาลักษณ์ ทรงหวังว่าจะทรงเห็นพระรูป แต่แทนที่พระองค์จะทรงเห็นพระรูปของพระธิดาของพระองค์ กลับทรงเห็นโซฟี นางข้าหลวงแทน ทำให้โซฟีถูกขับออกจากตำแหน่งนางข้าหลวง และถูกขับออกจากวังด้วย
บรรทัด 54:
ด้วยความที่พระองค์ทรงหลงรักโซฟีหัวปักหัวปำ พระองค์ทรงปฏิเสธที่จะทรงอภิเษกสมรสกับสตรีคนใดเลย [[สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 13]] [[ซาร์นิโคไลที่ 2 แห่งรัสเซีย]]และ[[จักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี]] ทรงร่วมมือกันเจรจากับ[[จักรพรรดิฟรันซ์ โยเซฟที่ 1 แห่งออสเตรีย|จักรพรรดิฟรันซ์ โยเซฟ]] โดยพระองค์ทรงกังวลว่าอาร์ชดยุกฟรันซ์ แฟร์ดินันด์จะทำให้พระราชวงศ์เสื่อมเสีย หลังจากที่ทั้ง 2 พระองค์ทรงมีปากเสียงกันมาก่อนหน้านี้แล้ว
 
แต่ในที่สุด อีก 1 ปีต่อมา จักรพรรดิฟรันซ์ โยเซฟทรงมีพระบรมราชานุญาตให้อาร์ชดยุกฟรันซ์ แฟร์ดินันด์สามารถอภิเษกสมรสกับโซฟีได้ แต่ทรงมีข้อแม้ว่าการอภิเษกสมรสครั้งนี้จะเป็น[[การสมรสแบบมอร์แกนเนติค]]กล่าวคือไม่ได้อยู่ในกฏกฎมณเฑียรบาล โดยเป็นการแต่งงานของชายที่สูงศักดิ์กับหญิงต่ำต้อยกว่า เมื่อทรงมีทายาท พระราชบุตรของทั้งสองจะไม่มีสิทธิ์ในการขึ้นครองราชย์และจะไม่มีสิทธิ์อยู่ในลำดับการสืบสันตติวงศ์อีกด้วย และนอกจากนี้ เมื่ออภิเษกสมรสกันแล้ว โซฟีผู้เป็นฝ่ายหญิงจะไม่มีสิทธิ์ในการดำรงพระอิสริยยศของพระสวามี และเมื่อปรากฏต่อสาธารณชน โซฟีก็จะไม่มีสิทธิ์ที่จะปรากฏตัวต่อสาธารณชนเคียงข้างผู้เป็นพระสวามี และก็จะไม่มีสิทธิ์นั่งบนพระราชรถขบวนเสด็จอีกด้วย จนกว่าจักรพรรดิจะทรงอนุญาต
 
ทั้งสองทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสเมื่อวันที่ [[1 กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2443]] ณ เมืองไรช์สตัดท์ (ปัจจุบันคือเมือง[[ซาคูพาย]]) [[โบฮีเมีย]] โดยการอภิเษกสมรสครั้งนี้จักรพรรดิฟรันซ์ โยเซฟไม่ทรงเข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ด้วย ไม่มีแม้แต่พระอนุชาและพระขนิษฐาของพระองค์เลย จะมีก็แต่อาร์ชดยุกและอาร์ชดัชเชสบางพระองค์เท่านั้น รวมไปถึงพระมารดาทูนหัวของพระองค์ อาร์ชดัชเชสมาเรีย เมเรซ่าและพระธิดาทั้ง 2 พระองค์ การอภิเษกสมรสครั้งนี้ถือเป็นการอภิเษกสมรสแบบเงียบ ๆ หลังจากการอภิเษกสมรส โซฟีได้รับพระราชทานพระยศเป็น '''เจ้าหญิงแห่งโฮเฮนเบิร์ก''' ({{lang-en|''Her Serene Highness'' The Princess of Hohenberg}}; {{lang-de|Ihre Durchlaucht'' Fürstin von Hohenberg}}) และต่อมาในปี[[พ.ศ. 2452]] โซฟีได้ดำรงพระอิสริยศักดิ์สูงขึ้นเป็น '''ดัชเชสแห่งโฮเฮนเบิร์ก''' ([[ภาษาอังกฤษ|en.]]: ''Her Highness'' The Duchess of Hohenberg, [[ภาษาเยอรมัน|de.]]: ''Ihre Hoheit'' Herzogin von Hohenberg) โดยพระยศนี้อาจจะทำให้โซฟีดูสูงศักดิ์ขึ้น แต่ก็ยังให้ความสำคัญน้อยเช้นเดิม อย่างเช่นเมื่อมีงานเลี้ยงพบปะของพระราชวงศ์อิมพีเรียล โซฟีก็ถูกแยกให้อยู่ห่างพระสวามีของพระองค์