ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มารี โซฟีแห่งเฮ็สเซิน-คัสเซิล"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Novaskosia (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Novaskosia (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 26:
 
ในระหว่าง[[สงครามนโปเลียน]] พระเจ้าเฟรเดอริคทรงนำเดนมาร์กเข้าสู่สงครามโดยเป็นพันธมิตรกับ[[ฝรั่งเศส]] แต่หลังจาก[[จักรพรรดินโปเลียนที่ 1]]แห่งฝรั่งเศสทรงพ่ายแพ้และหลบหนีออกจาก[[มอสโก]] ในปีพ.ศ. 2356 ทำให้ทรงถูกเนรเทศไปยังเกาะ[[เอลบา]] การปราชัยครั้งนี้ส่งผลให้เดนมาร์กอยู่ในสถานะผู้แพ้ สวีเดนโดย[[สมเด็จพระเจ้าคาร์ลที่ 14 จอห์นแห่งสวีเดน|รัชทายาทคาร์ล จอห์นแห่งสวีเดน]]ได้รีบดำเนินการอย่างรวดเร็วทรงส่งกองทัพที่ประจำอยู่ที่[[โฮลชไตน์]]เพื่อการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพเดนมาร์กและสวีเดนในวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2357 โดยในสนธิสัญญากำหนดให้เดนมาร์กต้องมอบ[[นอร์เวย์]]ให้แก่สวีเดน และสวีเดนจะยก[[แคว้นโพเมราเนีย]]และ[[รูเกน]]ให้เป็นส่วนหนึ่งของเดนมาร์กเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน และจ่ายเงินสมทบสำหรับการเสียนอร์เวย์แก่เดนมาร์ก ซึ่งเรียกว่า [[สนธิสัญญาเคล]] และเรียกเหตุการณ์นี้ว่า [[นอร์เวย์ในปีพ.ศ. 2357|การสูญเสียนอร์เวย์ของเดนมาร์ก]] พระเจ้าเฟรเดอริคทรงยอมในสนธิสัญญาเคล พระองค์ทรงเห็นว่าสวีเดนและอังกฤษพยายามจะแบ่งประเทศเดนมาร์ก และทรงเห็นว่ารัชทายาทแห่งสวีเดนจะคุกคามเดนมาร์กทุกเมื่อถ้ามีโอกาส พระองค์ทรงพิจารณาว่าภัยคุกคามของสวีเดนต่อเดนมาร์กนั้นรุนแรง พระองค์ทรงดำริที่จะดึงมหาอำนาจมาช่วยเหลือเดนมาร์กจากการคุกคามของสวีเดน อังกฤษและรัสเซีย โดยพระเจ้าเฟรเดอริคทรงเข้าร่วมใน[[การประชุมใหญ่แห่งเวียนนา]]ในปีพ.ศ. 2357 ทำให้ช่วยรับประกันเอกราชของเดนมาร์กได้ ในช่วงที่พระเจ้าเฟรเดอริคเสด็จไปประชุมที่เวียนนา พระนางมารี โซฟีทรงดำรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในระหว่างพ.ศ. 2357 ถึงพ.ศ. 2358 หลังจากการสูญเสียนอร์เวย์ให้แก่สวีเดนทำให้ทั้งสองพระองค์สูญเสียพระอิศริยยศในนอร์เวย์ซึ่งก็คือ พระอิศริยยศ "สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งนอร์เวย์"
 
ในระหว่างพระสวามีเสด็จไปประชุมที่เวียนนา พระนางทรงบริหารจัดการกิจการของประเทศเป็นอย่างดีในระหว่างพ.ศ. 2357 ถึงพ.ศ. 2358 พระนางทรงสนพระทัยในเรื่องการเมืองและลำดับศักดิ์ของวงศ์ตระกูล และพระนางทรงนิพนธ์และเผยแพร่หนังสือ Exposé de la situation politique du Danemarc ในปีพ.ศ. 2350 ถึงพ.ศ. 2357 ซึ่งเกี่ยวกับการเมืองของเดนมาร์ก และในปีพ.ศ. 2365 ถึงพ.ศ. 2367 ทรงตีพิมพ์หนังสือ Supplement-Tafeln zu Joh เกี่ยวกับลำดับวงศ์ตระกูล หนังสือเริ่มนี้เป็นแรงบันดาลใจให้พระสวามีใช้ในภายหลังในการรับเจ้าชายคริสเตียนซึ่งต่อมาคือ [[สมเด็จพระราชาธิบดีคริสเตียนที่ 9 แห่งเดนมาร์ก]] พระนางทรงอุปถัมภ์องค์กรการกุศล Det Kvindelige Velgørende Selskab ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2358
[[ไฟล์:Dronning Marie Sophie Frederikke.jpg|thumb|พระราชินีมารี โซฟีแห่งเดนมาร์ก วาดโดย [[คริสตอฟเฟอร์ วิลเฮล์ม อัตเคอร์เบิร์ก]]]]
ในระหว่างพระสวามีเสด็จไปประชุมที่เวียนนา พระนางทรงบริหารจัดการกิจการของประเทศเป็นอย่างดีในระหว่างพ.ศ. 2357 ถึงพ.ศ. 2358 พระนางทรงสนพระทัยในเรื่องการเมืองและลำดับศักดิ์ของวงศ์ตระกูล และพระนางทรงนิพนธ์และเผยแพร่หนังสือ Exposé de la situation politique du Danemarc ในปีพ.ศ. 2350 ถึงพ.ศ. 2357 ซึ่งเกี่ยวกับการเมืองของเดนมาร์ก และในปีพ.ศ. 2365 ถึงพ.ศ. 2367 ทรงตีพิมพ์หนังสือ Supplement-Tafeln zu Joh เกี่ยวกับลำดับวงศ์ตระกูล หนังสือเริ่มนี้เป็นแรงบันดาลใจให้พระสวามีใช้ในภายหลังในการรับเจ้าชายคริสเตียนซึ่งต่อมาคือ [[สมเด็จพระราชาธิบดีคริสเตียนที่ 9 แห่งเดนมาร์ก]] พระนางทรงอุปถัมภ์องค์กรการกุศล Det Kvindelige Velgørende Selskab ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2358
 
== บั้นปลายพระชนม์ชีพ ==
พระเจ้าเฟรเดอริคที่ 6 เสด็จสวรรคตในวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2382 ณ พระราชวังอามาเลียนเบอร์ก กรุงโคเปนเฮเกน สิริพระชนมายุ 71 พรรษา พระนางทรงดำรงเป็น สมเด็จพระพันปีหลวง ใน 2 รัชกาลถัดมาคือ [[สมเด็จพระเจ้าคริสเตียนที่ 8 แห่งเดนมาร์ก]]และ[[สมเด็จพระเจ้าเฟรเดอริคที่ 7 แห่งเดนมาร์ก]] พระนางทรงดำรงพระชนม์ชีพอย่างสงบและทรงเป็นที่เคารพจากการทีทรงเป็นเสาหลักของราชวงศ์เก่าแก่ พระนางมารี โซฟีทรงสิ้นพระชนม์ในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2395 ณ [[พระราชวังเฟรเดอริคเบอร์ก]] [[โคเปนเฮเกน]] [[ประเทศเดนมาร์ก]] สิริพระชนมายุ 84 พรรษา พระบรมศพถูกฝังที่[[มหาวิหารร็อคสไลด์]]เคียงข้างพระบรมศพของพระสวามี