ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจ้าปเสนทิโกศล"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Earthpanot (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{ต้องการอ้างอิง}}
'''พระเจ้าปเสนทิโกศล''' เป็นพระราชโอรสของใน[[พระเจ้ามหาโกศล]] กรุง[[สาวัตถี]] เมืองหลวงของ[[แคว้นโกศล]] เมื่อได้เจริญวัยได้ไปศึกษาศิลปวิทยาที่เมือง[[ตักสิลา]] ณ สำนักตักกสิลา
 
== พระสหาย ==
เจ้าชายมีพระสหายอีก ๒ พระองค์ ที่เป็นศิษย์ร่วมรุ่นกัน คือ [[เจ้าชายมหาลิ]] จากเมืองกรุง[[เวสาลี]] เมืองหลวงของ[[แคว้นวัชชี]] และ[[เจ้าชายพันธุละ]] จากเมืองกรุง[[กุสินารา]] หนึ่งในเมืองหลวงของ[[แคว้นมัลละ]]
 
== แสดงศิลปวิทยา ==
เมื่อจบการศึกษาแล้วต่างก็แยกย้ายกันกลับ[[มาตุภูมิ]] และได้แสดง[[ศิลปวิทยา]]ให้พระ[[ประยูรญาติ]]ได้ชมโดยทั่วหน้ากัน พระเจ้ามหาโกศลได้มอบ[[พระราชบัลลังก์]]ให้พระเจ้าปเสนทิโกศลขึ้น[[ครองราชย์]]แทนในเวลาต่อมา
 
== เจ้าชายพันธุละหนีออกจากกุสินารา ==
ส่วนเจ้าชายพันธุละถูกคู่อริกลั่นแกล้ง แม้การแสดงศิลปวิทยาท่ามกลางพระประยูรญาติจะจบลงด้วยความพอใจของมหาสมาคม แต่เจ้าชายพันธุละทรงน้อยพระทัย จึงหนีออกจากเมืองกุสินารา มาขอถวายตัวเข้ารับ[[ราชการ]]รับใช้พระเจ้าปเสนทิโกศล พระองค์ทรงดีพระทัยมาก จึงทรงแต่งตั้งให้พันธุละเป็น[[เสนาบดี]]
 
== ศาสนา ==
พระเจ้าปเสนทิโกศลเดิมทีนับถือศาสนานิครนถ์ ([[ศาสนาเชน]] หรือ ลัทธิชีเปลือย) และเชื่อถือในการบูชายัญของพราหมณ์อีกด้วย เมื่อมานับถือพระพุทธศาสนาแล้วก็ยังไม่เลิกบูชายัญ และยังติดต่อกับพวกชีเปลือยเป็นต้นอยู่
 
== เข้าสู่สำนักของ[[พระโคตมพุทธเจ้า|พระพุทธโคตม]] ==
ครั้งหนึ่ง ขณะที่อยู่สำนักพระพุทธเจ้า พอดีเหล่าชีเปลือยเดินผ่านมาใกล้ ๆ พระเจ้าปเสนทิโกศลประคองอัญชลีประกาศว่า ขอนมัสการพระคุณเจ้าทั้งหลาย แล้วหันมาทูลพระพุทธเจ้าว่า สมณะเหล่านั้นเป็น[[พระอรหันต์]] พระพุทธเจ้าตรัสเตือนสติว่า
 
{{คำพูด|มหาบพิตรเป็นคฤหัสถ์บริโภคกาม รู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นพระอรหันต์ จะรู้ว่าใครมี[[ศีล]]หรือไม่ ต้องอยู่ด้วยกันนานๆนาน ๆ จะรู้ว่ามีความสะอาดหรือไม่ ด้วยการทำงาน (หรือ[[เจรจา]]) จะรู้ว่ามี[[ปัญญา]]หรือไม่ ด้วยการ[[การสนทนา]] จะรู้ว่ากำลัง[[ใจ]]เข้มแข็งหรือไม่ ก็ต้องเมื่อตกอยู่ในอันตราย|พระพุทธเจ้า}}
 
== ประกอบพิธีบูชายัญ ==
ครั้งหนึ่ง พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงประกอบพิธี[[พิธีบูชายัญ]]ยิ่งใหญ่ มีการตระเตรียมฆ่าสัตว์อย่างละ ๗๐๐ เพราะสุบินได้ยินเสียงประหลาด บังเอิญว่า[[พระนางมัลลิกา]] พระมเหสีทรงทัดทาน การฆ่าสัตว์ครั้งมโหฬารจึงไม่เกิดขึ้นและเป็นผู้ชักจูงพระองค์เข้าสู่[[พระพุทธศาสนา]]
 
== เป็นผู้อุปถัมภ์ทุกศาสนา ==
จากหลักฐานดังกล่าวแสดงว่าพระเจ้าปเสนทิโกศลเป็นผู้อุปถัมภ์ทุกศาสนาให้ความสำคัญศาสนาต่าง ๆ ทัดเทียมกัน ต่อเมื่อมานับถือพระพุทธศาสนาน้อมเอาพระ[[พระรัตนตรัย]]มาเป็นสรณะเด็ดขาดแล้ว จึงทรงเลิกการกระทำที่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนชีวิต และนำเอาหลักคำสอนของพระพุทธศาสนามาเป็นแบบอย่างดำเนินชีวิตมากยิ่งขึ้น
 
พระนางมัลลิกา เป็นสาวิกาผู้บรรลุโสดาบันตั้งแต่อายุยังน้อย มีศรัทธามั่นคงในพระ[[พระรัตนตรัย]] เมื่อมาเป็นมเหสีของพระเจ้าปเสนทิโกศล ย่อมมีอิทธิพลต่อความเชื่อของ[[พระราชสวามี]]และแนะนำให้หันมานับถือพระพุทธศาสนาในที่สุด กอปรกับสุทัตตคหบดี เพราะฉะนั้นพระเจ้าปเสนทิโกศลจึงทรงถวายความอุปถัมภ์ดูแลพระพุทธองค์และพระภิกษุสงฆ์อย่างดี พระองค์เองเสด็จเข้าเฝ้าเพื่อกราบทูลถามปัญหาธรรมและฟังพระพุทธ[[โอวาท]]อยู่เสมอ เพราะต้องการเป็นญาติทางสายโลหิตกับพระพุทธเจ้า พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงเป็นต้นเหตุให้เกิดสงครามล้างโคตรในหมู่ศากยะในเวลาต่อมา ศากยวงศ์ต้องถูกทำลายล้างจนสูญหายไปจากประวัติศาสตร์
 
เมืองสาวัตถีเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศานาที่สำคัญ รองจากเมือง[[ราชคฤห์]] ก็ด้วยการอุปถัมภ์ของพระเจ้าปเสนทิโกศลนั่นเอง
 
{{บุคคลในพุทธประวัติ}}
 
[[หมวดหมู่:บุคคลในพุทธประวัติ]]
 
[[en:Pasenadi]]
[[es:Pasenadi]]
[[fr:Pasenadi]]
[[ja:プラセーナジット]]
[[km:បសេនទិកោសល]]
[[zh:波斯匿王]]