ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ตรีเอกภาพ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
EmausBot (คุย | ส่วนร่วม)
r2.7.2+) (โรบอต เพิ่ม: am:ሥላሴ
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{ลิงก์ไปภาษาอื่น}}
{{ใช้ปีคศ}}
[[ไฟล์:Luca Rossetti Trinità Chiesa San Gaudenzio Ivrea.jpg|thumb|300px|[[จิตรกรรมฝาผนัง]] “ตรึเอกภาพ” โดยลูคา โรสเซ็ทที (Luca Rossetti) แสดงให้เห็นพระเจ้า-ภาคพระบิดา, พระบุตร-พระเยซู และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในรูปของนกพิราบ (ค.ศ. 1738-ค.ศ. 1739) ที่วัดโบสถ์เซนต์กอเซนซิโอ ที่เมื่องอิฟเรีย ใกล้[[ตูริน]]]]
 
'''ตรีเอกภาพ''' (คาทอลิก) หรือ '''ตรีเอกานุภาพ''' (โปรเตสแตนต์) ({{lang-en|Trinity}}) สภาวะที่[[พระเจ้า]]มีพระองค์เดียวเป็นเอกภาพ แต่แบ่งแบ่งเป็นสามพระบุคคล คือ [[พระเจ้าผู้เป็นภาคพระบิดา|พระบิดา]] [[พระเจ้าผู้เป็นภาคพระบุตร|พระบุตร]] (ผู้มาเชื่อว่าเกิดเป็น[[พระเยซู]]) และ[[พระวิญญาณบริสุทธิ์]] ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 4 ปรัชญาทางคริสต์[[เทววิทยาศาสนาคริสต์]]ทั้งทางตะวันออกและตะวันตกก็ยอมรับว่า “สามพระบุคคล<ref>Lawrence B. Porter, "On Keeping 'Persons' in the Trinity: A Linguistic Approach to Trinitarian Thought," ''Theological Studies'' 41 (1980) pages 530-548</ref>ในพระเจ้าองค์เดียว” สามสิ่งนี้แตกต่างกันแต่อยู่ภายใต้ผู้เป็นเทพมีธรรมชาติพระเจ้าองค์เดียว และปรัชญายังกล่าวต่อไปว่าพระบุตรหรือพระเยซูเป็นสองภาคในขณะเดียวกันคือเป็นพระเจ้าและขณะเดียวกันก็เป็นมนุษย์ ([[:en:hypostatic union|hypostatic union]])
 
ความเชื่อเรื่อง “ตรีเอกภาพ” เรียกว่า “'''ตรีเอกภาพนิยม'''” [[คริสตจักร]]เกือบทุกคริสตจักรในคริสต์ศาสนามีความเชื่อแบบ “ตรีเอกภาพนิยม” และถือว่าเป็นรากฐานของคำสอนของคริสต์ศาสนา<ref name="Harris">Harris, Stephen L. (1985) ''Understanding the Bible'' Palo Alto: Mayfield. </ref><ref name="Oxford">Cross, F. L., ed. (2005) ''The Oxford Dictionary of the Christian Church'' New York: Oxford University Press</ref>
บรรทัด 9:
ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับลัทธิตรีเอกภาพนิยม ก็มี เช่น “ลัทธิ[[ทวิเอกภาพ]]” (Binitarianism) ซิ่งเชื่อในความเป็นสองภาคของพระเจ้า และลัทธิ[[เอกภาพนิยม]] (Unitarianism) ที่เชื่อว่ามีพระเจ้าเพียงองค์เดียว
 
ลัทธิตรีเอกภาพนิยมหลัง[[พันธสัญญาใหม่]]<ref name="Harris">Harris, Stephen L., Understanding the Bible. Palo Alto: Mayfield. 1985.</ref> เป็นปรัชญาที่สำคัญที่ทำให้เกิดความขัดแย้งกับ[[ลัทธิเอเรียน]] (Arianism) ผู้เชื่อว่าพระเยซูเป็นสิ่งที่สร้างโดยพระเจ้า และสิ่งทั้งสามมิได้คงอยู่ร่วมกันตลอดกาลเช่นในความเชื่อของลัทธิตรีเอกภาพนิยม ความขัดแย้งนี้เป็นความขัดแย้งสำคัญครั้งแรกในประวัติคริสต์ศาสนาและมีผลกระทบกระเทือนต่อคริสตจักรใน[[จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์]]ซึ่งเป็นผลให้เจอร์มานิคเจอร์มานิกผู้สนับสนุนปรัชญาเอเรียนนิสม์ (Germanic Arians) แยกตัวจากผู้นับถือศาสนาคริสต์ตามปรัชญาศาสนิกชนที่ยึด[[หลักข้อเชื่อไนซีน]] (Nicene Christians)
 
== ตรีเอกภาพในศิลปะ ==
[[ไฟล์:France Paris St-Denis Trinity-CROPPED.jpg|thumb|150px|“ตรีเอกภาพ” ที่มหาวิหารเซนตเดนนิสที่ปารีส แสดงพระบุตรในรูปของแกะ]]
[[ไฟล์:Trefoil-Architectural-Equilateral-Triangle-interlaced.png|thumb|150px|“ตรีเอกภาพ” เป็นรูปสามเหลี่ยมซ้อนกับรูปจิก]]
“ตรีเอกภาพ” เป็นหัวข้อที่มักจะพบใน[[ศิลปะศาสนาคริสต์ศาสนศิลป์]]โดยใช้นกพิราบเป็นของพระวิญญานบริสุทธิ์ ตามที่กล่าวใน[[พระวรสาร]]จากเหตุการณ์ “[[พิธีพระเยซูทรงรับบัพติศมาของพระเยซูศมา]]” (Baptism of Christ) รูปนกพิลาบส่วนใหญ่จะกางปีก การแสดง “ตรีเอกภาพ” เป็นมนุษย์สามคนก็ใช้ในศิลปะทุกสมัย<ref>See below and G Schiller, ''Iconography of Christian Art, Vol. I'',1971, Vol II, 1972, (English trans from German), Lund Humphries, London, figs I;5-16 & passim, ISBN 853312702and ISBN 853313245</ref>
 
ภาพพระบิดาและพระบุตรจะเป็นปรากฏเป็นชายที่มีอายุต่างกัน และต่อมาก็จะแตกต่างกันจากการแต่งกายด้วยแต่ก็ไม่เสมอไป โดยทั่วไปพระบิดาจะเป็นชายสูงอายุมีหนวดขาวซึ่งอาจจะนำมาจากตำนานไบเบิล [[:en:Ancient of Days|Ancient of Days]] ซึ่งมักจะใช้อ้างเมื่อมีข้อขัดแย้งในการแสดงภาพเช่นนี้ แต่ในคริสตจักร[[ออร์ทอดอกซ์]] ตำนาน Ancient of Days เชื่อว่าชายคนเดียวกันนีคือพระบุตรมิใช่พระเจ้าผู้เป็นภาคพระบิดา บางครั้งเมื่อแสดงภาพของพระบิดาในงานศิลปะศิลปินจะใช้รัศมีเหนือพระเศียรที่เป็นสามเหลื่ยมแทนที่จะกลมเช่นรัศมีทั่วไป พระบุตรมักจะอยู่ทางขวาของพระบิดา <ref>{{อิงไบเบิล|acts|กิจการ|7|56}}</ref> บางครั้งก็จะใช้สัญลักษณ์เป็นลูกแกะ หรือ กางเขน แทนพระบุตร หรือพระบุตรบนกางเขน ฉะนั้นพระบิดาจะแสดงเป็นมนุษย์ขนาดเต็มตัว ในสมัย[[ยุคสมัยกลาง]]ตอนต้นพระเจ้าจะเป็นเพียงมือที่ยื่นออกมาจากก้อนเมฆคล้ายประทานพรเช่นในการให้พรเมื่อ “พระเยซูทรงรับบัพติศมา” ต่อมาก็มีการสร้างศิลปะที่เรียกว่า “บัลลังก์แห่งความกรุณา” (Throne of Mercy หรือ Throne of Grace) ซึ่งเป็นที่นิยมกัน ในศิลปะแบบนี้พระบิดาบางครั้งจะนั่งบนบัลลังก์ถือไม่ก็กางเขน<ref>Schiller op cit II:p.122-124 and figs 409-414</ref> ก็ประคองร่างพระบุตร ซึ่งโครงการจัดภาพหรือรูปปั้นจะคล้ายคลึงกับทรง[[ปีเอตาตะ]] ซึ่งที่เยอรมนีเรียกว่า “Not Gottes”<ref>Schiller op cit II: pp. 219-224 and figs 768-804</ref> ในขณะที่นกพิราบจะกางปีกอยู่เหนือพระเศียรหรืออยู่ระหว่างพระบิดาและพระบุตร ทรงนี้เป็นที่นิยมทำกันจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 18
 
ปลายสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15 การแสดง “ตรีเอกภาพ” ก็เริ่มใหญ่ขึ้น และมีโครงลักษณะแบบอื่นๆ นอกเหนือไปจากทรง “บัลลังก์แห่งความกรุณา” การแสดงตรีเอกภาพก็เริ่มใช้กันเป็นมาตรฐานโดยแสดงพระบิดาเป็นชายใส่เสื้อคลุมเรียบ ๆ ร่างท่อนบนของพระบุตรจะเปลือยแสดงให้เห็นแบบ[[พระสันตะปาปา]]
 
การแสดง “ตรีเอกภาพ” จะหายากในศิลปะในคริสตจักร[[ออร์ทอดอกซ์]]ไม่ว่าจะเป็นสมัยใด การไม่นิยมแสดง[[รูปสัญลักษณ์เคารพ]]ของพระบิดาจนกระทั่งสมัยยุคกลางตอนปลาย หลังจาก[[สังคายนาไนเซียครั้งที่ 2]] (Second Council of Nicea) เมื่อปี ค.ศ. 787 อนุญาตให้มีการแสดงรูปสัญลักษณ์ของพระเยซูได้เพราะพระเยซูเป็นมนุษย์ แต่ความคิดเห็นเกี่ยวกับการแสดงรูปพระเจ้าไม่มีหลักฐานแน่นอน การแสดง “[[เทวรูป]]พระตรีเอกภาพ” จะใช้ “ตรีเอกภาพ” จาก[[พันธสัญญาเดิม]] ซึ่งเป็น[[ทูตสวรรค์]]สามองค์ที่มาปรากฏตัวต่อ[[อับราฮัม]] และกล่าวว่าเป็น “พระผู้เป็นเจ้า” ([[ปฐมกาล]]:18.1-15) การประชุมซีนอดแห่งมอสโคว์มอสโก (Great Synod of Moscow) ในปี ค.ศ. 1667 ประกาศห้ามการแสดงรูปสัญลักษณ์เคารพของพระบิดาในรูปเหมือนมนุษย์
 
การแสดง “ตรีเอกภาพ” ในศิลปะคริสเตียนจะมีไม่กี่ฉากนอกจากภาพ[[พระเยซูทรงรับศีลจุ่มบัพติศมา]]ซึ่งจะแสดงทั้งสามองค์ประกอบในบทบาทที่ต่างกัน หรือภาพ “การสวมมงกุฏพระนางพรหมจารี” (Coronation of the Virgin) ซึ่งเป็นที่นิยมกันทางตะวันตกก็เป็นอีกภาพหนึ่งที่มักจะแสดง “ตรีเอกภาพ” แต่ภาพเช่น “[[พระเยซูผู้คริสต์ทรงเดชานุภาพพระสิริ]]” (Christ in Majesty) หรือ “การพิพากษาครั้งสุดท้าย” (Last Judgement) ซึ่งตามเหตุผลน่าจะแสดง “ตรีเอกภาพ” แต่กลับแสดงเพียงพระเยซู<ref>for both, Schiller op cit I:pp. 6-12 and figs 10-16</ref>
 
การแสดง “ตรีเอกภาพ” ที่เป็นคนสามคนเหมือนกันจะหายากเพราะแต่ละภาคของตรีเอกภาพมีบทบาทต่างกัน แต่ที่หายากกว่าคือการแสดงเหมือนมนุษย์คนเดียวที่มีสามหน้า เพราะคำบรรยายของ “ตรีเอกภาพ” เป็นคนสามคนที่มีหัวพระเจ้าหนึ่งหัวไม่ใช่คนคนเดียวที่มีสามบทบาท ซึ่งกลายเป็นการสนับสนุนปรัชญา Modalism ซึ่งเป็นลัทธิที่ถูกประณามว่าเป็นพวก[[นอกรีต (heresy)]] โดย[[ออร์ทอดอกซ์]] และ [[ออเรียลทัลออร์ทอดอกซ์]]
 
การแสดง “ตรีเอกภาพ” อาจจะเป็นแบบนามธรรมโดยใช้สัญลักษณ์เช่นสามเหลื่ยม หรือสามเหลี่ยมสองอันซ้อนกัน, ดอกจิก, หรือผสมสิ่งที่กล่าวมา บางครั้งก็จะมีรัศมีในรูปด้วย สัญลักษณ์เหล่านี้ไม่แต่จะพบในงาน[[จิตรกรรม]]หรือ[[ประติมากรรม]]แต่ยังพบในงานปัก, [[พรมทอแขวนผนัง]], เครื่องแต่งตัวของพระ, ผ้าคลุมแท่นบูชา, หรือรายละเอียดในสถาปัตยกรรม
บรรทัด 46:
ภาพ:Jan Polack 001.jpg|บานภาพ “Gottes Not” ปี ค.ศ. 1491 โดยยาน พอลลัค (Jan Polack) จิตรกรโปแลนด์ทำงานในเยอรมนี
ภาพ:José de Ribera 047.jpg|ภาพเขียน “Gottes Not” ราวปี ค.ศ. 1635 โดยจูเซ็พเพ เดอ ริเบอรา (Jusepe de Ribera)
ภาพ:Manuscript 7 104v picture.jpg|“การสมมงกุฏของแมรี” ภาพจาก[[หนังสือเอกสารตัวเขียนวิจิตร]] ซึ่งพระเยซูแสดงรอยแผล - ลักษณะภาพที่พบไม่บ่อยนัก
ภาพ:Enguerrand Charonton 001.jpg|“การสมมงกุฏของแมรี” <br />โดยอองเกอรองด์ ควอตอง (Enguerrand Quarton) ที่พระบุตรและพระบิดาเหมือนกัน บ่งโดยนักบวชผู้จ้างให้วาดภาพ
ภาพ:Le Couronnement de la Vierge.jpg|“การสมมงกุฏของแมรี” โดย [[ฌองฌ็อง โฟเคท์ฟูเก]] (Jean Fouquet) จาก[[หนังสือเอกสารตัวเขียนวิจิตร]] แสดงตรีเอกภาพเป็นภาพเหมือนมนุษย์สามคน
ภาพ:Fridolin Leiber - Holy Trinity.jpg|“ตรีเอกภาพ” คริสต์ศตวรรษที่ 19 โดย ฟริโดลิน เลเบอร์ (Fridolin Leiber) เป็นภาพเหมือนมนุษย์สามคนแต่ละคนมีสัญลักษณ์ที่บ่งว่าเป็นใครที่หน้าอกเสี้อ
ภาพ:Heilige Dreifaltigkeit.jpg|“Not Gottes” ราวคริสต์ศตวรรษ 16
บรรทัด 54:
ภาพ:Dobre Miasto kolegiata Tron Laski.jpg|“บัลลังก์แห่งความกรุณา” จากคริสต์ศตวรรษ 16
</gallery>
 
{{commonscat|Trinity|ตรีเอกภาพ}}