ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อารามอ็อทโทบ็อยเริน"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Mattis (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
M-Bot (คุย | ส่วนร่วม)
แทนที่คำอัตโนมัติ (-[[ภาพ: +[[ไฟล์:) ด้วยบอต
บรรทัด 43:
เมื่อรูเปิร์ต (Abbot Rupert I) มาเป็นเจ้าอาวาสต่อมาระหว่างปี ค.ศ. 1102 ถึงปี ค.ศ. 1145 ท่านก็ได้เพิ่มอารามสำหรับชีที่มาจากครอบครัวมีสกุล และสร้างแอบบีมาเรียนเบิร์ก (Marienberg Abbey) โดยเลือกพระไปจากสำนักสงฆ์อ็อตโตบิวเร็นไปประจำ
 
[[ภาพไฟล์:Ottobeuren-basilika.jpg|thumb|275px|left|การตกแต่งภายในแบบ[[ศิลปะโรโคโค|โรโคโค]]]]
 
แอบบอตอิเซนกริม (Abbot Isengrim) เจ้าอาวาสองค์ต่อมา ระหว่างปี ค.ศ. 1145 ถึงปี ค.ศ. 1180 เขียน “Annales minores”<ref>[[:en:Monumenta Germaniae Historica|Monumenta Germaniae Historica]]: ''Scriptores'', XVII, 315 sq.</ref> และ “Annales majores”<ref>ibid., 312 sq.</ref>
บรรทัด 56:
 
อ็อตโตบิวเร็นได้รับแต่งตั้งกลับไปเป็นวัดหลวงตามเดิมเมื่อ ค. ศ. 1710 แต่ไม่ได้อยู่ใน[[กลุ่มชวาเบีย]] (Swabian Circle)
[[ภาพไฟล์:Ottobeuren Langhausgewölbefresko Glorie des hl Benedikts.jpg|thumb|275px|ภาพเขียนภายใต้โดม]]
 
อ็อตโตบิวเร็นมารุ่งเรืองที่สุดในสมัยที่รูเปิร์ต เนส (Abbot Rupert Ness) มาเป็นเจ้าอาวาสระหว่างปี ค.ศ. 1710 ถึง ค. ศ. 1740 และรุ่งเรืองต่อมาจนมาถึงสมัย “[[การปฏิรูปสถาบันคริสต์ศาสนา|ปฏิรูป]]” เมื่อ ค. ศ. 1802 ระหว่างปี ค.ศ. 1711 ถึง ค. ศ. 1725 เจ้าอาวาสรูเปิร์ตสร้างสำนักสงฆ์ที่เห็นกันในปัจจุบันซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่โตหรูหราจนเปรียบได้ว่าเป็น “มหาวิหารเอสโคเรียลแห่งชวาเบีย” (the Swabian Escorial) เมื่อ ค. ศ. 1737 ท่านก็ได้สร้างตัวโบสถ์ซึ่งมาเสร็จโดยเจ้าอาวาสอัลเซลม เอิร์บ (Abbot Anselm Erb) ซึ่งเป็นเจ้าองค์ต่อมาในปี ค.ศ. 1766 เมื่อปี ค.ศ. 1803 อ็อตโตบิวเร็นย้ายไปขึ้นอยู่กับบาวาเรีย ขณะนั้นอ็อตโตบิวเร็นมีประชากร 12,000 คนและเนื้อที่ 165 ตารางกิโลเมตร