ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แอ่งยุบปากปล่อง"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Yapinee (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Drgarden (คุย | ส่วนร่วม)
จัดรูปแบบ +เก็บกวาด
บรรทัด 1:
[[ไฟล์:La Cumbre - ISS.JPG|thumb|270px| ภาพถ่ายจากดาวเทียม แอ่งภูเขาไฟรูปกระจาดถ่ายจากดาวเทียม]]
'''แอ่งภูเขาไฟรูปกระจาด''' ({{lang-en|Caldera, แคลดีรา}}) เป็นแอ่ง[[ภูเขาไฟ]]ที่มีขอบแอ่งเอียงชันลาดลงสู่ก้นแอ่ง อาจมีหรือไม่มีกรวยภูเขาไฟขนาดต่างๆ โผล่อยู่ที่ก้นแอ่งก็ได้ แอ่งภูเขาไฟแบบนี้เกิดขึ้นจากการระเบิดอย่างรุนแรงและฉับพลันในส่วนลึกลงไปของภูเขาไฟ โดยมีพลังระเบิดมากพอที่จะผลักดันส่วนบนให้กระจัดกระจายออกไปรอบทิศทาง ทำให้ปริมาณหินมหาศาลเคลื่อนย้าย เกิดเป็นรอยรูปกระจาดขึ้น หลังจากนั้น การระเบิดย่อยๆ หรือการหลั่งไหลของลาวาขึ้นสู่ผิวพื้นก้นกระจาด ก็อาจทำให้เกิดกรวดภูเขาไฟย่อยๆ หรือใหญ่ๆ ขึ้นท่ามกลางแอ่งก้นกระจาดอีกต่อหนึ่ง
 
ตัวอย่างภูมิประเทศแบบนี้เห็นได้ชัดที่ [[หมู่เกาะกรากะตัว]] [[ประเทศอินโดนีเซีย]] [[ภูเขาไฟตาอาล]] ใกล้เมือง[[มะนิลา]] [[ประเทศฟิลิปปินส์]] และที่[[ภูเขาไฟวิสุเวียส]] ใน[[ประเทศอิตาลี]] ใน[[ประเทศไทย]]นั้น มีตัวอย่างที่เข้าใจว่าเป็นแอ่งภูเขาไฟเล็กๆ แบบนี้ที่เขาหลวง [[อ.คีรีมาศ]] [[จ.สุโขทัย]] อันเป็นภูเขาไฟที่สงบแล้ว
 
== เครเตอร์และแอ่งภูเขาไฟรูปกระจาด ==
เครเตอร์เป็นปากปล่องที่มีลักษณะเป็นแอ่งค่อนข้างกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 1 กิโลเมตร เป็นผลจากการปะทุของก๊าซและตะกอนภูเขาไฟ ส่วนแคลดีราแอ่งภูเขาไฟรูปกระจาดมีลักษณะคล้ายเครเตอร์แต่มีขนาดใหญ่กว่าตั้งแต่ 1 ถึง 50 กิโลเมตร มีรูปร่างกลมถึงค่อนข้างรีมักถูกปิดทับด้วยน้ำฝนหรือหิมะ เกิดจากการแตกหักของโครงสร้างภูเขาไฟทำให้ชั้นหินหลอมเหลวใต้ภูเขาไฟเกิดการทรุดหรือยุบตัวลง
 
== แอ่งภูเขาไฟรูปกระจาดเยลโลสไตน ==
 
[[ไฟล์:Yellowstone Caldera.svg|thumb|270px|แอ่งภูเขาไฟรูปกระจาดในเยลโลว์สโตน]]
== Craters and Calderas==
Yellowstone [[อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน]]มีชื่อเสียงในเรื่องของกีเซอร์และน้ำพุร้อน ถือเป็นหลักฐานที่บ่งชี้ถึงการมีระบบแมกมาที่มียังพลังอยู่ ระบบแมกมานี้เคยทำให้เกิดการระเบิดของภูเขาไฟครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลกที่เรียกได้ว่า Supervolcanos มาแล้วหลายครั้ง หนึ่งในนั้นสร้าง caldera (แคลดีรา: แอ่งภูเขาไฟรูปกระจาด) ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางถึงประมาณ 50 ไมล์ (ประมาณ 80 กิโลเมตร) หอสังเกตการณ์ภูเขาไฟใน Yellowstone เยลโลว์สโตนตรวจจับแผ่นดินไหว การเสียรูปของพื้นดิน การไหลและอุณหภูมิของกระแสน้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พบว่ามีกลุ่มของแผ่นดินไหวเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ทำให้แผ่นดินยกตัวขึ้นและลำธารมีการเปลี่ยนแปลงทั้งปริมาณและอุณหภูมิของน้ำ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานบ่งบอกว่าจะมีการระเบิดของภูเขาไฟเกิด ขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ การระเบิดของภูเขาไฟใน Yellowstone เยลโลว์สโตนครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 70,000 ปีก่อน ทำให้เกิดลาวาหลากของที่ราบสูง Pitchstone ลาวาหลากนี้มีขนาดเท่ากับวอชิงตัน ดีซี และหนามากกว่า 100 ฟุต (30 เมตร) ใต้ Yellowstone มีจุดศูนย์รวมความร้อน (hotspot) อยู่ จุดศูนย์รวมความร้อนเป็นมวลของวัสดุร้อนที่ลอยผ่านชั้นแมนเทิลของโลกขึ้นมา มันจะส่งผ่านความร้อนออกสู่พื้นที่รอบๆแล้วกลายเป็นแรงขับดันในเปลือกโลกที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวและไม่บ่อยนัก ทำให้เกิดภูเขาไฟระเบิด
เครเตอร์เป็นปากปล่องที่มีลักษณะเป็นแอ่งค่อนข้างกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 1 กิโลเมตร เป็นผลจากการปะทุของก๊าซและตะกอนภูเขาไฟ ส่วนแคลดีรามีลักษณะคล้ายเครเตอร์แต่มีขนาดใหญ่กว่าตั้งแต่ 1 ถึง 50 กิโลเมตร มีรูปร่างกลมถึงค่อนข้างรีมักถูกปิดทับด้วยน้ำฝนหรือหิมะ เกิดจากการแตกหักของโครงสร้างภูเขาไฟทำให้ชั้นหินหลอมเหลวใต้ภูเขาไฟเกิดการทรุดหรือยุบตัวลง
 
== Yellowstone Caldera ==
[[ไฟล์:Yellowstone Caldera.svg|thumb|270px|Yellowstone caldera]]
Yellowstone มีชื่อเสียงในเรื่องของกีเซอร์และน้ำพุร้อน ถือเป็นหลักฐานที่บ่งชี้ถึงการมีระบบแมกมาที่มียังพลังอยู่ ระบบแมกมานี้เคยทำให้เกิดการระเบิดของภูเขาไฟครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลกที่เรียกได้ว่า Supervolcanos มาแล้วหลายครั้ง หนึ่งในนั้นสร้าง caldera (แคลดีรา: แอ่งภูเขาไฟรูปกระจาด) ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางถึงประมาณ 50 ไมล์ (ประมาณ 80 กิโลเมตร) หอสังเกตการณ์ภูเขาไฟใน Yellowstone ตรวจจับแผ่นดินไหว การเสียรูปของพื้นดิน การไหลและอุณหภูมิของกระแสน้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พบว่ามีกลุ่มของแผ่นดินไหวเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ทำให้แผ่นดินยกตัวขึ้นและลำธารมีการเปลี่ยนแปลงทั้งปริมาณและอุณหภูมิของน้ำ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานบ่งบอกว่าจะมีการระเบิดของภูเขาไฟเกิด ขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ การระเบิดของภูเขาไฟใน Yellowstone ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 70,000 ปีก่อน ทำให้เกิดลาวาหลากของที่ราบสูง Pitchstone ลาวาหลากนี้มีขนาดเท่ากับวอชิงตัน ดีซี และหนามากกว่า 100 ฟุต (30 เมตร) ใต้ Yellowstone มีจุดศูนย์รวมความร้อน (hotspot) อยู่ จุดศูนย์รวมความร้อนเป็นมวลของวัสดุร้อนที่ลอยผ่านชั้นแมนเทิลของโลกขึ้นมา มันจะส่งผ่านความร้อนออกสู่พื้นที่รอบๆแล้วกลายเป็นแรงขับดันในเปลือกโลกที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวและไม่บ่อยนัก ทำให้เกิดภูเขาไฟระเบิด
== อ้างอิง ==
* พจนานุกรมศัพท์ธรณีวิทยา คณะอนุกรรมการจัดทำพจนานุกรมธรณีวิทยา พ.ศ. ๒๕๓๐
* http://lms.thaicyberu.go.th/officialtcu/main/advcourse/presentstu/course/ww521/kurokung/kurokung_web1/page05_1.html
* http://geothai.net/2009/index.php?option=com_content&view=article&id=212:the-volcano-beneath-yellowstone&catid=50
 
 
 
== อ้างอิง ==
*พจนานุกรมศัพท์ธรณีวิทยา คณะอนุกรรมการจัดทำพจนานุกรมธรณีวิทยา พ.ศ. ๒๕๓๐
*http://lms.thaicyberu.go.th/officialtcu/main/advcourse/presentstu/course/ww521/kurokung/kurokung_web1/page05_1.html
*http://geothai.net/2009/index.php?option=com_content&view=article&id=212:the-volcano-beneath-yellowstone&catid=50
[[หมวดหมู่:ธรณีสัณฐานภูเขาไฟ]]
[[หมวดหมู่:หินอัคนี]]
[[หมวดหมู่:วิทยาภูเขาไฟ]]
{{เรียงลำดับ|อแงภูเขาไฟรูปกระจาด}}
 
[[als:Caldera (Krater)]]