ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประชาธิปไตยแนวเจฟเฟอร์สัน"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Mattis (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Mattis (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 8:
* เกษตรกรเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของการทำหน้าที่เป็นพลเมืองที่ดีที่เป็นอิสระจากอิทธิพลของการฉ้อโกงจากรัฐบาลเมือง นโยบายของรัฐบาลก็ควรจะเป็นนโยบายที่มีประโยชน์ต่อเกษตรกร นักลงทุน, นายธนาคาร และอุตสาหกรรมทำให้เมืองเป็นสลัมแห่งการฉ้อโกง และเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง<ref> Elkins and McKitrick. (1995) ch 5; Wallace Hettle, ''The Peculiar Democracy: Southern Democrats in Peace and Civil War'' (2001) p. 15</ref>
* พลเมืองอเมริกันมีหน้าที่เผยแพร่สิ่งที่เจฟเฟอร์สันเรียกว่า “จักรวรรดิแห่งเสรีภาพ” ให้โลกรู้ แต่ขณะเดียวกันก็ควรจะหลีกเลี่ยง “การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเป็นพันธมิตรกับต่างประเทศ” (Non-interventionism)<ref> Hendrickson and Tucker. (1990)</ref>
* รัฐบาลแห่งชาติเป็นสถาบันที่จำเป็นจะต้องมีเป็นอย่างยิ่งเพื่อเป็นองค์กรในการรักษาผลประโยชน์ร่วมกัน, พิทักษพิทักษ์ และ รักษาความปลอดภัยให้แก่พลเมือง, ชาติ และ ประชาคม แต่ในขณะเดียวกันก็จะต้องมีการเฝ้าดูและควบคุมอย่างใกล้ชิด และ จำกัดสิทธิรัฐบาลแห่งชาติอย่างใกล้ชิด ประเด็นดังกล่าวทำให้[[Anti-Federalism|ผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อระบบสหพันธรัฐ]] (Anti-Federalism) ระหว่าง ค.ศ. 1787 ถึง ค.ศ. 1788 ต่างก็หันมาถือปรัชญาเจฟเฟอร์สัน<ref> Banning (1978) pp 105-15</ref>
* กำแพงแห่ง[[Separation of church and state|การแยกสถาบันศาสนาและสถาบันการเมือง]]เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแยกสถาบันศาสนาจากการเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการปกครองโดยสหพันธรัฐ, รัฐบาลเองก็เป็นอิสระจากความขัดแย้งของสถาบันศาสนา และ สถาบันศาสนาเองก็เป็นอิสระจากการฉ้อโกงหรือการเข้ายุ่งเกี่ยวจากสถาบันทางการปกครอง<ref>Philip Hamburger, ''Separation of church and state'' Harvard University Press, 2002. ISBN 0674007344 OCLC: 48958015 </ref>
* รัฐบาลของสหพันธรัฐต้องไม่ละเมิด[[Liberty|สิทธิส่วนบุคคล]] (Individual liberty) [[United States Bill of Rights|รัฐบัญญัติสิทธิ]] (Bill of Rights) เป็นหัวใจสำคัญของปรัชญาดังกล่าว<ref>Robert Allen Rutland; ''The Birth of the Bill of Rights, 1776-1791'' University of North Carolina Press, (1955)</ref>