ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สนธิสัญญาแวร์เดิง"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Mattis (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Mattis (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 36:
เมื่อจักรพรรดิลุดวิกที่ 2 ไม่ทรงพอใจที่ไม่ทรงได้รับดินแดนเพิ่มเมื่อพระราชบิดาเสด็จสวรรคต พระองค์ก็ทรงหันไปเป็นพันธมิตรกับพระปิตุลา[[ลุดวิกเดอะเยอรมัน]] ในการต่อต้านพระอนุชาโลแธร์และพระปิตุลาชาร์ลส์เดอะบอลด์ในปี ค.ศ. 858 แต่โลแธร์ก็มาคืนดีกับพระเชษฐาไม่นานหลังจากนั้น แต่ชาร์ลส์ทรงกลายเป็นผู้ที่ขาดความนิยมจนไม่สามารถรวบรวมกองทัพในการต่อต้านการรุกรานได้ ในที่สุดก็ต้องเสด็จหนีไปเบอร์กันดี สิ่งเดียวที่ช่วยพระองค์ไม่ให้เสียดินแดนก็เมื่อพระสังฆราชไม่ยอมสวมมงกุฎให้ลุดวิกเดอะเยอรมันเป็นกษัตริย์ในปี ค.ศ. 860 ชาร์ลส์เดอะบอลด์ก็ยกกำลังไปรุกรานราชอาณาจักรเบอร์กันดีของ[[ชาร์ลส์แห่งโปรวองซ์]] แต่ทรงพ่ายแพ้ โลแธร์ที่ 2 ทรงยกดินแดนให้ลุดวิกที่ 2 ในปี ค.ศ. 862 เพื่อเป็นการตอบแทนในการที่ทรงสนับสนุนการหย่าร้างกับพระมเหสีของพระองค์ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งกับ[[สมเด็จพระสันตะปาปานิโคลัสที่ 1]]และพระปิตุลา ชาร์ลส์แห่งเบอร์กันดีเสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 863 ราชอาณาจักรของพระองค์ตกไปเป็นของลุดวิกที่ 2
 
โลแธร์ที่ 2 เสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 869 โดยไม่มีทายาท ราชอาณาจักรของพระองค์ถูกแบ่งระหว่างชาร์ลส์เดอะบอลด์และลุดวิกเดอะเยอรมันตาม[[สนธิสัญญาเมียร์เซน]] (Treaty of Meerssen) ในปี ค.ศ. 870 ขณะเดียวกันลุดวิกเดอะเยอรมันก็ทรงมีความขัดแย้งกับพระราชโอรสสามพระองค์ ลุดวิกที่ 2 เสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 875 โดยทรงแต่งตั้งให้[[คาร์โลมันแห่งบาวาเรีย]] (Carloman of Bavaria) พระราชโอรสองค์โตของลุดวิกเดอะเยอรมันเป็นทายาท ชาร์ลส์เดอะบอลด์ผู้ได้รับการสนับสนุนจากพระสันตะปาปาทรงได้รับการสวมมงกุฎเป็นพระมหากษัตริย์อิตาลีและจักรพรรดิแห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ปีต่อมาลุดวิกเดอะเยอรมันก็เสด็จสวรรคต ชาร์ลส์เดอะบอลด์พยายามผนวกอาณาจักรของลุดวิกแต่ทรงพ่ายแพ้อย่างยับเยินที่[[อันเดอร์นาค]] ราชอาณาจักรแฟรงค์ตะวันออกจึงถูกแบ่งระหว่าง[[ลุดวิกผู้เยาว์]] (Ludwig III der Jüngere), [[คาร์โลมันแห่งบาวาเรีย]] (Carloman of Bavaria) และ [[คาร์ลเดอร์ดิคเคอ]] (Charlesหรือ the Fat)ชาร์ลส์เดอะแฟท
 
การแบ่งแยกจักรวรรดิแฟรงค์โดยสนธิสัญญาแวร์เดิงมีอิทธิต่อความขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในยุโรปมาจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 20 เพราะเป็นการแบ่งแยกที่มิได้คำนึงถึงความแตกต่างทางภาษาหรือวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น [[ราชอาณาจักรแฟรงค์กลาง]]เป็นดินแดนที่มีเขตแดนที่ป้องกันยากเพราะมีเทือกเขาแอลป์คั่นอยู่ระหว่างกลางที่ทำให้การปกครองโดยประมุขคนเดียวทำได้ยาก จะมีก็แต่[[คาร์ลเดอร์ดิคเคอ]]เท่านั้นที่ทรงทำได้แต่ก็เพียงชั่วระยะเวลาอันสั้น ในปี ค.ศ. 855 อาณาบริเวณทางตอนเหนือของราชอาณาจักรแฟรงค์กลางก็แตกแยกจากกัน ที่กลายมาเป็นบริเวณความขัดแย้งระหว่างฝรั่งเศสและเยอรมนีตลอดมา อาณาจักรที่กลายเป็นอาณาจักรที่มีอำนาจก็ได้แก่[[ราชอาณาจักรแฟรงค์ตะวันออก]]และ[[ราชอาณาจักรแฟรงค์ตะวันตก]]ที่ปัจจุบันคือเยอรมนีและฝรั่งเศสตามลำดับ การล่มสลายของราชอาณาจักรแฟรงค์กลางเป็นผลทำให้เกิดความแตกแยกกันในอาณาจักรในคาบสมุทรอิตาลีมาจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19