ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จอห์น เคจ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
TobeBot (คุย | ส่วนร่วม)
โรบอต เพิ่ม: ro:John Cage
Xqbot (คุย | ส่วนร่วม)
โรบอต เพิ่ม: fa:جان کیج; ประทิ่นเปลี่ยนแปลง
บรรทัด 1:
{{รอการตรวจสอบ}}
[[ภาพไฟล์:John Cage.jpg|thumb|จอห์น เคจในปัจฉิมวัย]]จอห์น เคจ (John Cage) [[คีตกวี]] [[นักเปียโน]] [[นักเขียน]] และนักปรัชญาทางดนตรีชาว[[อเมริกัน]] เกิดที่เมือง [[ลอสแอนเจลิส]] เมื่อปี พ.ศ. 2455 (ค.ศ. 1912) เสียชีวิตที่เมือง [[นิวยอร์ก]] ในปี พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992)
เป็นคีตกวีที่มีบทบาทสำคัญในช่วงหหลังสงครามโลกครั้งที่สองของอเมริกา ท่านมีอิทธิพลอย่างสูงต่อแนวคิดที่สำคัญทางดนตรีในศตวรรษที่ 20 อยู่หลายสายเช่น ทางสายดนตรี "[[อวองการ์ด]]" (Avantgarde) ที่ทางฝั่งยุโรปมีผู้นำอย่าง "[[คาร์ลไฮนซ์ สต็อกเฮาเซน]]" (Karlheinz Stockhausen [1928-]) และ "[[ปิแอร์ บูเลซ]]" (Pierre Boulez [1925-]) สายดนตรีแบบ "แนวคิดนิยม" (Conceptualism) รวมถึงสายดนตรี "[[มินิมัลลิสม์]]" (Minimalism) ที่เกิดขึ้นในอเมริการาวคริสทศวรรษที่ 1970 ด้วย
== ชีวประวัติและผลงาน ==
 
ศึกษาดนตรีกับ [[อาร์โนลด์ เชินแบร์ก]] (Arnold Schoenberg [1874-1951]) และ [[เฮนรี คาวเวล]] (Henry Cowell [1897-1965]) ซึ่งมีอิทธิพลต่องานของท่านในช่วงทศวรรษที่ 1930
=== งานดุริยนิพนธ์ในช่วงแรก ===
งานดุริยนิพนธ์ในช่วงแรกของท่านมีพื้นฐานมาจากการจัดวางระดับเสียงใน[[บันไดเสียงโครมาติก]] หลังจากที่ท่านสังเกตเห็น เฮนรี คาวเวล นำอุปกรณ์พิเศษต่าง ๆ (เช่น คลิปหนีปกระดาษ ยางลบ ตะปู ฯลฯ) ไปวาง เสียบ หรือสอดระหว่างสายของ [[เปียโน]] เพื่อสร้าง[[สีเสียง]] (timbre หรือ tone color) ที่ไม่เคยมีมาก่อนขึ้นนั้น ท่านก็หันมาสนใจในเปียโนพิเศษนี้ ซึ่งเรียกกันว่า [[prepared piano]] หรือเปียโนที่เตรียมแล้ว ([[เปียโนแปลง]]) ท่านประพันธ์งานโดยใช้เปียโนดังกล่าวในงานที่ชื่อว่า "บัคคานาล" (Bacchanale-1938) ให้กับ ซิลวิลลา ฟอร์ท (Sylvilla Fort [1917-75]) โดยใช้แทนกลุ่มเครื่อง[[เพอร์คัสชั่น]] ซึ่งทำให้ prepared piano กลายสภาพไปเป็นวงเพอร์คัสชั่นที่บรรเลงโดยคน ๆ เดียว ต่อจากนั้นประพันธ์ "เมตามอร์โฟซิส" (Metamorphosis-1938) และงานชิ้นสำคัญที่นำชื่อเสียงมาให้ท่านในช่วงแรกนี้ก็คือ "[[โซนาตา]]และ[[อินเทอลูด]]" สำหรับเปียโนแปลง (Sonatas and Interludes for prepared piano [1946-48]) จำนวน 20 บท (โซนาตา 16 บท และ อินเทอลูด 4 บท) ในบทเพลงนี้ เคจได้บันทึกวิธีการแปลงเสียงของเปียโนจำนวน 45 เสียงเอาไว้เพื่อสร้างเเสียงที่มีลักษณะอย่างเพอร์คัสชั่นแบบใหม่ขึ้น ท่านใช้ชุดของตัวเลขเพื่อที่จะกำหนดจังหวะในหลายบทเพลงของงานชุดนี้ โดยตั้งใจให้เพลงทุกบทในชุดแสดงแนวคิดเรื่อง "อารมณ์เดียวโดยตลอด" ซึ่งท่านได้รับอิทธิพลจากดนตรีอินเดีย โดยมีอารมณ์เช่น เจ็บปวด ยิ้มหัว วีรบุรุษ สงบ ฯลฯ ท่านใช้[[ตารางเมทริกซ์]] ในการคำนวณความยาวของบทเพลงซึ่งส่งผลให้เกิดเอกภาพในงานโดยรวมและทำให้เลี่ยงจังหวะแบบปกติหรือที่เรียกว่า "[[เรกูลา ริทึม]]" (regular rhythm) ไปได้ (จังหวะไม่ปกติ เรียกว่า "[[อิเรกูลา ริทึม]]" (irregular rhythm)) ซึ่งทำให้บทเพลงมีความลื่นไหลปราศจากการถูกบังคับโดย[[เส้นกั้นห้อง]]
งานในช่วงแรกอื่น ๆ ก็มี "[[สตริงควอเต็ท]]อินโฟร์พาร์ท" (String Quartet in Four Parts [1950]) และ "[[คอนแชร์โต]]สำหรับเปียโนแปลงและ[[วงดุริยางค์]][[เชมเบอร์]]ที่ประกอบด้วยนักดนตรีเดี่ยว 22 คน" (Concerto for prepared piano and chamber orchestra of 22 soloists [1951])
 
=== ช่วงที่สอง ===
ในระหว่างนั้นท่านก็ได้ศึกษาพุทธศาสนานิกายเซนและตัดสินใจที่จะถ่ายทอดแนวคิดเซนเรื่อง "จิตว่าง" ออกมาเป็นดนตรี หลังความพยายามอย่างยิ่งยวดท่านก็ได้ประพันธ์ "[[อิเมจิแนรี แลนด์สเคป หมายเลข 4]]" (Imaginary Landscape No. 4 [1951]) สำหรับวิทยุ 12 เครื่อง และ "[[มิวสิค อออฟ เชนช์]]" (Music of Change [1951]) สำหรับเปียโนจำนวน 4 เล่มด้วยกัน งานทั้งสองชิ้นเป็นการนำปรัชญาเซนมาแปลงให้เป็นดนตรี โดยมีเครื่องมือเป็นตำราเกี่ยวกับการทำนายของจีนโบราณที่ชื่อว่า "[[อี้จิง]]" คัมภีร์แห่งการเปลี่ยนแปลง และเหรียญที่ใช้ในการทอย 3 เหรียญ ผลที่ได้นั้นก็คือ บทเพลงทั้งหมดถูกกำหนดโดยโอกาสในการทอยเหรียญซึ่งมีผลในแต่ละครั้งตรงกับสัญลักษณ์ต่าง ๆ ในคัมภีร์อี้จิง สัญลักษณ์ต่าง ๆ นั้น เคจได้นำมาจัดระบบให้ตรงกับองค์ประกอบต่าง ๆ ทางดนตรี ไม่ว่าจะเป็นระดับเสียง ความสั้นยาวของจังหวะ ความดัง ฯลฯ ซึ่งในปัจจุบันเรียกวิธีการปประพันธ์แบบนี้ว่า "[[อินดีเทอมิเนซี]]" (Indeterminacy) คีตกวีบางท่านเรียกวิธีการแบบนี้ว่า "[[อะเลียโทรี]]" (Aleatory) ซึ่งมาจากรากศัพท์ภาษาละตินว่า alea แปลว่า ลูกเต๋า งานที่มีชื่อมากที่สุดในช่วงนี้มีชื่อว่า [[4'33"]] (1952) เป็นบทเพลงที่เทคนิคในช่วงที่สองได้พัฒนาไปจนถึงจุดขอบ เพราะเพลงดังกล่าวไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาจากผู้เล่น (อย่างน้อยก็ในความหมายของการบรรเลงดนตรีแบบเดิม) ในโน้ตเพลงจะประกอบด้วยสาม[[กระบวน]] (movement) ทุกกระบวนจะบันทึกไว้ว่า tacet ซึ่งแปลว่าเงียบ นักดนตรี (คนเดียวหรือหหลายคน) จะนั่งเงียบ ๆ บนเวทีเป็นเวลา 4 นาที 33 วินาที เคจกล่าวว่าท่าน "คาดหวังให้ผู้ฟังฟังเสียงทุกเสียงที่เกิดขึ้นในระหว่างเวลาที่กำหนดอย่างตั้งอกตั้งใจ"
 
บรรทัด 16:
นวัตกรรมต่อไปของเคจก็คือ "แฮพเพนนิง" หรือการแสดงออกโดยฉับพลันทางศิลปะ ในกรณีของเคจเป็นดนตรี เคจจะสร้างงานจากกิจกรรมหรือการนำเสนอใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นดนตรีหรือไม่ สิ่งเหล่านั้นจะต้องเกิดพร้อมกันแต่ต้องไม่สัมพันธ์กัน เคจยังสร้างงานประเภทที่เรียกว่า "ดนตรีละคร" (Theatre Music) เช่นงานอย่าง "Water Music" (1952) ซึ่งในการแสดงต้องมีกิจกรรมที่นักเปียโนแแสดงโดยไม่เกี่ยวข้องกับเปียโน (เทน้ำและเป่านกหวีดที่อยู่ใต้น้ำ เป็นต้น) เหตุการณ์ที่ปรากฏทางสายตาเป็นสิ่งสำคัญในงานประเภทนี้ แนวความคิดอย่าง "แฮพเพนนิง" นี้เป็นต้นแบบของขบวนการ "[[ฟลุกซุส]]" (Fluxus) ที่เกิดขึ้นในนิวยอร์กช่วงปี ค.ศ. 1960-65 ซึ่งนำเสนอคอนเสิร์ทที่ "ดนตรี" นั้นสร้างจากสิ่งที่ไม่ธรรมดาและมักจะดูตลกขบขัน หัวหอกท่านหนึ่งของขบวนการฟลุกซุสก็คือ จอร์จ เบรกท์ นั้น สร้างงานอย่าง "Drip Music" อันเป็นงานที่ประกอบด้วยการหยดน้ำจากที่ใดที่หนึ่งหนึ่งลงไปยังขวดเก็บน้ำ ลักษณะแบบเดียวกันยังก่อให้เกิดการล้อเลียนในงานของ [[ลิเกตี]] (Ligeti [1923*]) อย่าง Poème symphonique สำหรับ [[เมโทรโนม]] 100 ตัว อีกด้วย
 
== ผลงานบางส่วนของ จอห์น เคจ ==
=== [[ออร์เคสตรา]] ===
* Concerto for prepared piano and chamber orchestra (1951)
* Concert for Pianoforte (1957-58)
บรรทัด 23:
* 30 Pieces for 5 Orchestras (1981)
 
=== เพอร์คัสชั่นและ[[เครื่องดนตรีไฟฟ้า]] ===
* Construction I in Metal สำหรับวงเพอร์คัสชั่น 6 ชิ้น (1939)
* Imaginary Landscapes
บรรทัด 34:
* 27'10.554" สำหรับ นักเล่นเพอร์คัสชั่น
 
=== เชมเบอร์ ===
* 3 pieces for ฟลู้ต สองเลา (1935)
* String Quartet (1950)
บรรทัด 40:
* HPSCHD สำหรับ ฮาร์พซิคอร์ด 7 หลัง และเครื่องเล่นเทปจำนวน 51 (หรือเท่าไรก็ได้) เครื่อง (1967-9)
 
== บรรณานุกรม ==
* Stolba, K. Maria: The Development of Western Music-A History, second edition, Mcgraw-Hill (1990, 1994)
* Kennedy, Michael: The Oxford Dictionary of Music, Oxford University Press (1985)
 
== ดูเพิ่ม ==
http://www.music.mahidol.ac.th/journal/may2002/cage.html
 
บรรทัด 59:
[[es:John Cage]]
[[et:John Cage]]
[[fa:جان کیج]]
[[fi:John Cage]]
[[fr:John Cage]]