ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ภูมิทัศน์วัฒนธรรม"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ล สังคายนาวิกิพีเดียไทยรอบ 2 +เก็บกวาดด้วยสจห. |
ล โรบอต เพิ่ม: fr:Paysage culturel; ปรับแต่งให้อ่านง่าย |
||
บรรทัด 1:
{{ลิงก์ไปภาษาอื่น}}
[[ไฟล์:050628-elbtal-vom-luisenhof.jpg|thumb|260px|right| [[มรดกโลก]] หุบเขาเดรสเดน อเลเบ [[เยอรมันนี]]ที่[[ยูเนสโก]]ถือว่าเป็น "ตัวอย่างที่ดีเด่นของการใช้ที่ดินทีเป็นตัวอย่างการพัฒนาเมืองของ[[ยุโรป]]กลาง" เป็นเมืองที่มีประชากรมากถึงครึ่งล้านคน]]
'''ภูมิทัศน์วัฒนธรรม''' ({{lang-en|Cultural landscape}}) คือพื้นที่ที่ได้รับการนิยามไว้โดย[[มรดกโลก|กรรมาธิการมรดกโลก]]ว่าเป็น[[มรดกโลก|พื้นที่เด่นทางภูมิศาสตร์]] หรือทรัพย์สินที่ “...เป็นตัวแทนของธรรมชาติและผลงานของมนุษย์” ที่มีลักษณะเด่นเฉพาะ<ref>UNESCO (2005) '''<u>Operational Guidelines for the Implementation of the World Heritage Convention</u>'''[http://whc.unesco.org/en/141]. UNESCO World Heritage Centre. Paris. Page 83.</ref> แนวคิดนี้เกิดจากการพิจารณาปรับปรุงและพัฒนาขึ้นในแวดวงของ[[มรดกโลก]]นานาชาติ ([[ยูเนสโก]]) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามระหว่างประเทศที่จะไกล่เกลี่ยปรองดอง “...คติ “ทวินิยมแห่ง[[ธรรมชาติ]]และ[[วัฒนธรรม]]” ที่โด่งดังแพร่หลายมากในโลกตะวันตก <ref>PANNELL, S (2006) '''<u>Reconciling Nature and Culture in a Global Context: Lessons form the World Heritage List</u>'''[http://www.rainforest-crc.jcu.edu.au/publications/nature_culture.htm]. James Cook University, Cairns.</ref><br />
'''กรรมาธิการมรดกโลก'''ได้บ่งชี้และรับรองประเภทของภูมิทัศน์วัฒนธรรมไว้ 3 ประเภท ได้แก่ (1) [[ภูมิทัศน์]]ที่เกิดจากการจงใจของมนุษย์ (2) ภูมิทัศน์ทั้งหมดที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ทั้งด้วยความจงใจทำ และไม่ได้จงใจทำ และ (3) ภูมิทัศน์ที่มีร่องรอยการปรุงแต่งโดยมนุย์น้อยที่ (แต่มีคุณค่าสูง) ภูมิทัศน์วัฒนธรรมที่คัดจาก “แนวทางปฏิบัติของกรรมาธิการ” มีดังนี้ <ref>UNESCO (2005) Operational Guidelines for the Implementation of the World Heritage Convention. UNESCO World Heritage Centre. Paris. Page 84.</ref>:<br />
(1) “ภูมิทัศน์ที่ได้รับการออกแบบและสรรค์สร้างอย่างจงในโดยมนุษย์” <br />
(2) “ภูมิทัศน์ที่มีวิวัฒนาการมาในเชิง[[อินทรีย์]]” (organically evolved) ซึ่งอาจเป็น “ภูมิทัศน์แผ่นดินร้าง” (หรือ[[ซากดึกดำบรรพ์]]) หรือ “ภูมิทัศน์ต่อเนื่อง” (continuing landscape) <br />
(3) “ภูมิทัศน์วัฒนธรรมเชิงเชื่อมโยง” (associative cultural landscape) ที่อาจมีคุณค่าทาง “ศาสนา ศิลปะหรือที่เชื่อมโยงทางวัฒนธรรมกับองค์ประกอบทางธรรมชาติ” <br />
== ความเป็นมาของแนวคิด ==
แนวความคิดเกี่ยวกับ “ภูมิทัศน์วัฒนธรรม” มีต้นตอจาก[[ภาพเขียนภูมิทัศน์]]แบบประเพณีของ[[ยุโรป]] <ref>PANNELL, S (2006) '''<u>Reconciling Nature and Culture in a Global Context: Lessons form the World Heritage List.</u>''' James Cook University. Cairns, Australia. Page 62</ref>นับตั้งแต่ประมาณ [[พ.ศ. 2050]] เป็นต้นมา [[ศิลปิน]]ยุโรปหลายคนได้เขียนภาพภูมิทัศน์แบบตามใจผู้คน โดยย่อตัวคนในภาพเขียนให้เล็กลงและจัดกลุ่มให้อยู่ในภูมิทัศน์ประเภทต่างๆ ที่กว้างใหญ่ <ref name="GIBS1989">GIBSON, W.S (1989) '''<u>Mirror of the Earth: The World Landscape in Sixteenth-Century Flemish Painting</u>'''. Princeton University Press, Princeton, New Jersey</ref><br />
คำว่า “'''ภูมิทัศน์'''” ในตัวของมันเองได้ผนวก “ภูมิ” หรือผืนแผ่นดิน ซึ่งมีต้นตอมาจากคำว่าแผ่นดินในภาษาเยอรมันกับคำกริยา "''scapjan/ schaffen''" ซึ่งมีความหมายว่า “แผ่นดินที่ถูกขึ้นรูป” (shaped lands) <ref>HABER, W (1995) ''Concept, Origin, and Meaning of Landscape''. UNESCO's '''<u>Cultural Landscapes of Universal Value: Components of a Global Strategy</u>'''. UNESCO, New York. Pages 38-42.</ref> และในขณะนั้นถือว่าเป็นผืนแผ่นดินที่ถูกขึ้นรูปด้วยแรงธรรมชาติ และรายละเอียดของ “แผ่นดินที่ถูกขึ้นรูป” (''landshaffen'' -shaped lands) ได้กลายเป็นเนื้อหาของ “ภาพเขียนภูมิทัศน์” <Ref name="GIBS1989"/><br />
นัก'''ภูมิศาสตร์'''ชื่อ''ออตโต ชลูเทอร์''ได้รับการยอมรับว่าเป็นคนแรกที่ใช้คำว่า “ภูมิทัศน์วัฒนธรรม” อย่างเป็นทางการในคำศัพท์ทางวิชาการของเขาในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 (ประมาณ [[พ.ศ. 2445]]) <ref name="JAMA1981">JAMES, P.E & MARTIN, G (1981) '''<u>All Possible Worlds: A History of Geographical Ideas</u>'''. John Wiley & Sons. New York. Page 177) </ref> ในปี [[พ.ศ. 2451]] ''ชลูเทอร์''ได้ให้เหตุผลว่า ด้วยการนิยามภูมิศาสตร์ให้เป็น “วิทยาศาสตร์ภูมิทัศน์” ย่อมเป็นเหตุผลที่ทำให้ภูมิศาสตร์กลายเป็นวิชาที่มีเนื้อหาเฉพาะที่ถือได้ว่าไม่อยู่ในวิชาอื่นใด <ref>ELKINS, T.H (1989) ''Human and Regional Geography in the German-speaking lands in the first forty years of the Twentieth Century''. ENTRIKEN, J. Nicholas & BRUNN, Stanley D (Eds) '''<u>Reflections on Richard Hartshorne's The nature of geography</u>'''. Occasional publications of the Association of the American Geographers, Washington DC. Page 27</ref><ref name="JAMA1981"/> ชลูเทอร์ได้บ่งชี้ให้เห็นรูปแบบภูมิทัศน์ 2 แบบได้แก่: “''ภูมิทัศน์ธรรมชาติ''” หรือภูมิทัศน์ที่มีมาก่อนที่จะถูกเปลี่ยนแปลงมากโดยมนุษย์ และ “''ภูมิทัศน์วัฒนธรรม''” หรือภูมิทัศน์ที่มีรูปที่เกิดจากวัฒนธรรมของมนุษย์ งานสำคัญของวิชาภูมิศาสตร์ได้แก่การสืบค้นหาการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์ทั้งสองประเภทนี้
บรรทัด 23:
“''ภูมิทัศน์วัฒนธรรมเป็นรูปแบบที่ปั้นแต่งมาจากภูมิทัศน์ธรรมชาติโดยกลุ่มวัฒนธรรมกลุ่มหนึ่ง [[วัฒนธรรม]]เป็นตัวการ (agent) [[ธรรมชาติ]]เป็นตัวกลาง (medium) ภูมิทัศน์วัฒนธรรมคือผลลัพธ์''” </blockquote>
นับตั้งแต่ซาวเออร์ได้ใช้คำศัพท์อย่างเป็นทางการและที่ได้เผยแพร่แนวคิดอย่างได้ผลเป็นต้นมา แนวคิดว่าด้วยภูมิทัศน์วัฒนธรรมได้มีการนำมาใช้ในหลายด้าน มีการนำไปประยุกต์ อภิปราย พัฒนาและปรับแต่งในแวดวงวิชาการเป็นจำนวนมาก โดยในปี [[พ.ศ. 2535]] กรรมาธิการมรดกโลกที่เลือกตั้งขึ้นเพื่อจัดประชุม “ผู้เชี่ยวชาญ” เพื่อให้คำแนะนำและช่วยเหลือในการยกร่างแนวปฏิบัติของกรรมาธิการที่รวม “ภูมิทัศน์วัฒนธรรม” ให้เป็นทางเลือกหนึ่งในรายการทรัพย์สินมรดก (heritage listing properties) ที่ไม่มีรูปแบบที่เป็นธรรมชาติเพียงอย่างเดียว หรือ เป็นวัฒนธรรมเพียงอย่างเดียว (เช่นมรดกแบบผสม) <ref name="FOWL2003">FOWLER, P.J (2003) '''<u>World Heritage Cultural Landscapes 1992 - 2002</u>'''. UNESCO World Heritage Centre. Paris, France.</ref><br />
คณะกรรมาธิการมรดกโลกได้ให้การรับรองแนวคิดของ “ภูมิทัศน์วัฒนธรรม” ซึ่งการนำมาใช้นี้ได้ปรากฏให้เห็นในหมู่ผู้เชี่ยวชาญที่หลากหลายทั่วโลก มีหลายชาติที่ได้บ่งชี้ “ภูมิทัศน์วัฒนธรรม” ไว้อย่างชัดเจน มีการประเมินภูมิทัศน์วัฒนธรรม จัดทำรายชื่อภูมิทัศน์วัฒนธรรม จัดการภูมิทัศน์วัฒนธรรมและทำให้ภูมิทัศน์วัฒนธรรมเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางไปทั่วโลกรวมทั้งการแตกสาขาอย่างเป็นระบบในลักษณะเชิงปฏิบัติที่นับว่าน่าท้าทาย <ref name="FOWL2003"/> <br />
การทบทวนทางวิชาการในปี [[พ.ศ. 2549]] ซึ่งเป็นการรวมพลระหว่างกรรมาธิการมรดกโลก ผู้เชี่ยวชาญพหุคูณทั่วโลกและประเทศที่นำแนวคิดภูมิทัศน์วัฒนธรรมไปใช้ได้ให้ข้อสังเกตและสรุปไว้ว่า:
บรรทัด 32:
"''แม้ว่าแนวคิดภูมิทัศน์ได้ถูกปลดปล่อยจากมีความสัมพันธ์ดั้งเดิมกับ[[ศิลปะ]]มาเป็นเวลานานพอควร .. แต่มันก็ยังปรากฏมีความเด่นในมุมมองทาง[[ภูมิทัศน์]]ที่แนบแน่นเกี่ยวพันกันเสมือนเป็นพี่น้องกับแผนที่หรือกับข้อความปรากฏให้เห็นอยู่ นั่นคือ ความหมายทางภูมิทัศน์และรูปแบบของสังคมยังคงอ่านออกได้ง่ายอยู่''" <ref>PANNELL, S (2006) '''<u>Reconciling Nature and Culture in a Global Context: Lessons form the World Heritage List.</u>''' James Cook University, Cairns. Page 63</ref></blockquote>
สำหรับในวงวิชาการ ระบบใดๆ ที่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมของมนุษย์และที่กับพักพิงธรรมชาติ (natural habbitat) ย่อมนับได้ว่าเป็นภูมิทัศน์วัฒนธรรม และในเชิงของสำนึก จะเห็นว่าความเข้าใจดังกล่าวนี้กว้างขวางกว่านิยามยูเนสโกให้ไว้ คือการรวมเอาพื้นผิวของโลกที่มีการครอบครองพร้อมกับการใช้สอย ระบบนิเวศ ปฏิสัมพันธ์ การปฏิบัติ ความเชื่อ แนวคิดและประเพณีของผู้คนที่อยู่อาศัยในภูมิทัศน์วัฒนธรรมนั้นๆ <ref name="FOWL2003"/> <br />
ปัจจุบันมีบางมหาวิทยาลัยได้เปิดสอนและให้ปริญญาสาขาเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ''ภูมิทัศน์วัฒนธรรมศึกษา'' เช่น มหาวิทยาลัยต่างๆ ในเนเปิล เซนต์-เอแตงน์ และสตุทการ์ดที่ให้ “''ปริญญาภูมิทัศน์วัฒนธรรมศาสตร์มหาบัณฑิต''” <ref>[http://www.maclands.eu/ www.maclands.eu]</ref> <br />
== ภูมิทัศน์วัฒนธรรม: ตัวอย่าง ==
คณะกรรมาธิการมรดกโลกได้บ่งชี้และขึ้นบัญชีพื้นที่หรือทรัพย์สินหลายแห่งเป็นภูมิทัศน์วัฒนธรรมที่มีคุณค่าโดยรวมต่อมนุษยชาติ ซึ่งรวมถึงสถานที่ต่างๆ ดังต่อไปนี้ <ref>[http://whc.unesco.org/en/culturallandscape/] UNESCO Web Page Article on 'Cultural Landscapes. Accessed 9 January 2008</ref> <br />
=== [http://whc.unesco.org/pg.cfm?cid=31&id_site=421 อุทยานแห่งชาติทองการิโร (Tongariro National Park) นิวซีแลนด์ (พ.ศ. 2536)] ===
บรรทัด 88:
== บรรณานุกรม ==
* Conzen, M.
* Denevan William M. 1992,
* Elkins, T. H. 1989. Human and Regional Geography in the German-speaking lands in the first forty years of the Twentieth Century, in J. Nicholas Entrikin & Stanley D. Brunn (eds). ''Reflections on Richard Hartshorne's The nature of geography'', Occasional publications of the Association of the American Geographers, Washington DC. 17-34.
* James, P. E. and Martin, G.
* Sauer, C.
[[หมวดหมู่:วัฒนธรรม]]
บรรทัด 104:
[[de:Kulturlandschaft]]
[[en:Cultural landscape]]
[[fr:Paysage culturel]]
[[ja:文化的景観]]
[[nl:Cultuurlandschap]]
|