ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เมซ วินดู"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาดบทความด้วยบอต
Elite501st (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 116:
 
อซาจจ์หนีจากโอบีวันและอนาคิน และมุ่งหน้าไปที่กระสวยของฝ่ายแบ่งแยกดินแดน อย่างไรก็ตามดูกูไม่อยากให้เธอมาถ่วงเวลาของเขาจึงสั่งให้ยิงเธอและทิ้งเธอไว้เพื่อหันเหความสนใจ อซาจจ์พยายามที่จะฆ่าโอบีวันแต่ก็ถูกขัดขวางโดยอนาคิน จากนั้นเธอก็สาหัสจนกำลังจะตาย โอบีวันนำร่างของเธอไปยังคอรัสซัง การปิดกั้นดูเหมือนว่าจะล่าถอยไปหรือถูกทำลาย<ref name="Obsession" />
 
====ยุทธการคอรัสซัง====
{{Quote|มีเจไดที่ฉลาดมากคนหนึ่งกล่าวกับข้าไว้ว่า เราไม่จำเป็นที่จะต้องชนะ แต่เราจำเป็นที่จะต้องสู้|[[โอบีวัน เคโนบี]]พูดถึงเมซ วินดู|Star Wars Episode III: Revenge of the Sith (novel)}}
เมื่อใกล้สิ้นสุดสงครามโคลนานยพล[[กรีวัส]]ได้เปิดฉากการโจมตีครั้งใหญ่เข้าใสคอรัสซัง ในการรบเมซได้บินยานของเขารอบๆ เมืองหลวงและทำลายกองกำลังของฝ่ายแบ่งแยกไปเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามมีช่วงหนึ่งที่เขาต้องสละยานของเขาและใช้ยานของดรอยด์แทน และเขาก็ยังใช้มันทำลายยานดรอยด์ลำอื่นๆ ไปอีกจำนวนมาก
 
หลังจากนั้นเมซก็ต่อสู้กับกรีวัสเหนือรถไฟและเอาชนะเขาได้ เมซได้เข้าร่วมกับโยดาในการรักษาแนวของสาธารณรัฐต่อการบุกของกองทัพดรอยด์ขนาดใหญ่ ทั้งสองคนเริ่มสงสัยว่าทำไมกรีวัสจึงไม่เข้ายึดวิหารเจไดหรือวุฒิสภา จากนั้นพวกเขาก็เริ่มรู้แล้วว่ามันเป็นแค่เพียงแผนลวงเพื่อหันเหความสนใจจากจุดประสงค์ที่แท้จริง นั่นก็คือการจับตัวสมุหนายกพัลพาทีน
 
กรีวัสนั้นจับพัลพาทีนได้สำเร็จแม้ว่าก่อนที่เขาจะนำตัวสมุหนายกขึ้นยานของเขาได้นั้น เมซได้ใช้พลังบดขยี้ทำลายเกราะและอวัยวะของกรีวัส (โดยเฉพาะปอด) นั่นส่งผลให้เขาต้องไอไปตลอดชีวิตที่เหลือของเขา พลังบดขยี้เป็นพลังที่ชั่วร้ายที่สุดที่เจไดและแม้กระทั่งซิธรู้จัก ดังนั้นการที่เมซใช้มันจึงเป็นเรื่องที่ผิดปกติที่สุด อย่างไรก็ตามกรีวัสก็รอดชีวิตและหลบหนีไปพร้อมกับพัลพาทีน แม้ว่าโอบีวันและอนาคินจะช่วยเขาได้ในที่สุดและยังสังหารเคาท์ดูกูอีกด้วย
 
====การเปิดเผย====
สงครามโคลนไม่ได้แบ่งแยกสาธารณรัฐแค่เพียงเขตแดนรอบนอกเท่านั้น แต่มันยังได้แบ่งอำนาจสูงสุดอีกด้วย เมื่อใกล้จบสงครามอาจารย์จากสภาสูงเจไดได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงอันบ่อยครั้งของสมุหนายกที่เข้ามาเป็นผู้เผด็จการ เมื่อวุฒิสภายอมมอบอำนาจบริหารมากมายให้กับสมุหนายก อาจารย์วินดูก็เริ่มสงสัยในการเคลื่อนไหวของ[[พัลพาทีน]] แม้ว่าสงครามจะสิ้นสุดแต่พัลพาทีนก็ยังต้องการเครื่องรับรองทางการเมืองและสังคมเพื่อยึดครองสาธารณรัฐทั้งหมด แม้กระทั่งวุฒิสภาเองก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าที่ปรึกษาและตรายางเพื่อผ่านกฎหมายของพัลพาทีน เมื่อสิ้นสุดยุทธการคอรัสซังเจไดมองหาวิธีที่ปลอดภัยที่สุดที่จะนำพัลพาทีนออกจากตำแหน่ง โดยอย่างแรกคือกล่าวว่าสงครามจะสิ้นสุดด้วยการตายของเคาท์ดูกู และจากนั้นก็ทำลายนายพลกรีวัสเพื่อที่ว่าสมุหนายกจะต้องหมดวาระในการใช้อำนาจฉุกเฉิน สถานการณ์ระหว่างสภากับสมุหนายกเริ่มตึงเครียดในตอนจบของสงครามโคลน [[คิ อดิ มันดิ]]ได้ประกาศว่าถ้าหากสมุหนายกไม่ออกจากตำแหน่งหลังจากโอบีวันสังหารนายพลกรีวัสแล้วล่ะก็ เจไดจะไม่มีทางเลือกนอกจากบังคับให้สมุหนายกออก เมซสรุปว่าสภาเจไดจะต้องเข้ายึดวุฒิสภาเพื่อรักษาความสงบเมื่อต้องย้ายอำนาจจากห้องทำงานของสมุหนายกมาเป็นสภาสูงเจได อาจารย์โยดากลัวว่าวิธีนี้จำนิกายเจไดไปสู่สิ่งที่แย่กว่า แต่โยดาเองก็เริ่มเบื่อหน่ายกับสมุหนายกและดูเหมือนจะตกลงกับวิธีนี้
 
เมื่อข่าวชัยชนะของโอบีวันมาถึงคอรัสซัง เมซเตรียมพร้อมสำหรับการกำจัดพัลพาทีนออกจากอำนาจฉุกเฉินของเขา เมื่อเมซพร้อมที่จะไปที่วุฒิสภาเพื่อแจ้งข่าวการตายของ[[นายพลกรีวัส]] อนาคินที่สับสนก็มาถึงและยืนยันถึงสิ่งที่สภาเจไดกลัวที่สุด คือผู้นำของสาธารณรัฐกาแลกติกคือ[[ซิธลอร์ด]][[พัลพาทีน|ดาร์ธ ซีเดียส]] อาจารย์วินดูได้สั่งให้อนาคินรออยู่ที่ห้องประชุมสภาและขึ้นยานไปพร้อมกับอาจารย์เจได[[คิท ฟิสโต]] [[เซซี ทิอิน]] [[อเจน โคลาร์]] พวกเขาได้เตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับสมุหนายก
 
== อ้างอิง ==