ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สภาสามัญชนสหราชอาณาจักร"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
KrebsLovesFiesh (คุย | ส่วนร่วม)
เพิ่มหมายเหตุ
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาดบทความด้วยบอต
บรรทัด 136:
 
=== ศตวรรษที่ 19 ===
[[ไฟล์:The_House_of_Commons_1793-94_by_Karl_Anton_Hickel.jpg|thumb|วิลเลียม พิตต์ เดอะ ยังเกอร์ อภิปรายเรื่องสงครามที่อุบัติขึ้นกับฝรั่งเศษฝรั่งเศสต่อสภาสามัญชน (ค.ศ. 1793) ภาพวาดโดยแอนทอน ฮิกเคล]]
[[ไฟล์:House_of_Commons_Microcosm.jpg|thumb|สภาสามัญชนในช่วงศตวรรษที่ 19 สร้างโดย[[ออกัสตัส พิวจิน]] และ โธมัส โรว์แลนด์สัน]]
สภาสามัญชนผ่านช่วงเวลาแห่งการปฏิรูปที่สำคัญในช่วงศตวรรษที่ 19 เนื่องจากมีความผิดปกติในการแทนเสียงเขตเลือกตั้งที่เกิดจากการไม่ได้เปลี่ยนแปลงเส้นแบ่งเขตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1660 จึงทำให้เมืองหลายเมืองที่ความสำคัญค่อย ๆ ลดหลั่นลงไปยังคงได้รับสิทธิ์ตามประเพณีโบราณว่าสามารถเลือกตั้งสมาชิกสองคนได้ ร่วมถึงเขตเลือกตั้งที่ไม่เคยมีความสำคัญอยู่แล้วเช่นแกตตัน<ref>Constituency boundary reviews and the number of MPs Contributing Authors, Elise Uberoi, Social and General Statistics https://researchbriefings.files.parliament.uk/documents/SN05929/SN05929.pdf</ref>
บรรทัด 144:
สภาสามัญชนพยายามแก้ไขความผิดปกติเหล่านี้โดยการผ่านร่างพระราชบัญญัติปฏิรูปในปี ค.ศ. 1831 ซึ่งในตอนแรกสภาขุนนางมีความประสงค์ไม่อยากให้ร่างกฎหมายผ่าน แต่ต้องยอมให้ผ่านเพราะนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น [[ชาลส์ เกรย์ เอิร์ลเกรย์ที่ 2]] ขู่ว่าจะขอให้[[สมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 แห่งสหราชอาณาจักร|พระเจ้าวิลเลียมที่ 4]]แต่งตั้งขุนนางที่เห็นด้วยกับการปฏิรูปจนชนะเสียงสมาชิกสภาขุนนางเดิมให้ขาด เพื่อป้องกันการนี้ไม่ให้เกิดขึ้น สภาขุนนางจึงยอมผ่านกฎหมายในปี ค.ศ. 1832 โดยพระราชบัญญัติปฏิรูป ค.ศ. 1832 หรือที่เรียกว่า "พระราชบัญญัติปฏิรูปครั้งใหญ่" ยกเลิกเขคเลือกตั้งที่ไม่เหมาะสม กำหนดเกณฑ์การเลือกตั้งให้เหมือนกันหมดทุกเขตเลือกตั้ง จัดให้มีสมาชิกรัฐสภาเป็นผู้แทนเมืองที่มีประชากรมาก แต่ยังคงความผิดปกติไว้อยู่บางประการ<ref>{{Cite web|title=Surveys 1820-1832 {{!}} History of Parliament Online|url=https://www.historyofparliamentonline.org/research/surveys/surveys-1820-1832|access-date=2022-10-14|website=www.historyofparliamentonline.org}}</ref>
 
ในปีต่อ ๆ มาสภาสามัญชนเริ่มขยายอำนาจตนให้มากขึ้น และอิทธิพลของสภาขุนนางลดลงเนื่องจากวิกฤตที่เกิดจากร่างพระราชบัญญัติปฏิรูปจนทำให้อำนาจของสมาชิกสภาขุนนางลดลง สภาขุนนางเริ่มไม่ค่อยประสงค์ปัดตกร่างพระราชบัญญัติที่สภาสามัญชนเห็นชอบด้วยเสียงจำนวนมาก จึงกลายเป็นหลักการทางการเมืองที่ยอมรับกันอย่างกว้่างอย่างกว้างขวางว่ารัฐบาลต้องการแค่ความไว้วางใจจากสภาสามัญชนเท่านั้น{{citation needed|date=January 2018}}
 
การปฏิรูปนั้นมีต่อมาเรื่อย ๆ ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 โดยมีพระราชบัญญัติปฏิรูปปี ค.ศ. 1867 ที่ผ่อนผันข้อกำหนดการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เพื่อใช้สิทธิ์เลือกตั้งในเขตเลือกตั้งบุรีต่าง ๆ ลดจำนวนสมาชิกรัฐสภาในเขตเลือกตั้งที่มีประชากรน้อย และเพิ่มจำนวนสมาชิกรัฐสภาสำหรับเมืองเกิดใหม่ทั้งหลาย พระราชบัญญัติการแทนราษฎร ค.ศ. 1884 ขยายจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งโดยการผ่อนผันข้อกำหนดการเป็นเจ้าของที่ดินในเขตเทศมณฑล พระราชบัญญัติแบ่งที่นั่งใหม่ ค.ศ. 1885 เปลี่ยนเขตที่มีสมาชิกรัฐสภาแทนหลายคนเป็นสมาชิกรัฐสภาแทนคนเดียวเกือบทั้งหมด<ref>{{Cite book|last=Arnold-Baker|first=Charles|title=The Companion to British History|publisher=Routledge|year=2001|edition=2nd|via=Credo Reference}}</ref>
 
=== ศตวรรษที่ 20 ===
[[ไฟล์:Houseofcommons1851.jpg|left|thumb|ห้องประชุมสภาสามัญชนเก่าสร้างโดยเซอร์ ชาร์ลส์ แบร์รี ห้องประชุมถูกทำลายจากการทิ้งระเบิดของเยอรมันนีเยอรมนี ลักษณะสำคัญของห้องประชุมนี้ใช้กับการก่อสร้างห้องประชุมในปัจจุบัน]]
ในปี ค.ศ. 1908 รัฐบาลพรรคเสรีนิยมภายใต้ เอช. เอช. แอสควิท เสนอแผนงานสวัสดิการสังคมหลายอย่าง รวมถึงการแข่งขันในทางอาวุธ ทำให้รัฐบาลต้องเก็บภาษีมากขึ้น ในปี 1909 สมุหคลัง เดวิด ลอยด์ จอร์จ เสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย "ของประชาชน" (People's Budget) ซึ่งเล็งที่จะเก็บภาษีเจ้าของที่ดินที่ร่ำรวยเพิ่มเติม ร่างนี้ต้องตกไปเพราะสภาขุนนางที่เต็มไปด้วยสมาชิกพรรคอนุรักษนิยมไม่เห็นชอบ ทำให้รัฐบาลต้องลาออก