ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อาชญากรรมสงคราม"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: ถูกย้อนกลับแล้ว การแก้ไขแบบเห็นภาพ |
||
บรรทัด 1:
[[ไฟล์:Chinese killed by Japanese Army in a ditch, Hsuchow.jpg|thumb|[[
[[ไฟล์:Soviet soldiers mass grave, German war prisoners concentration camp in Deblin, German-occupied Poland.jpg|thumb|right|
'''อาชญากรรมสงคราม''' ({{lang-en|war crime}}) คือ การกระทำอันฝ่าฝืน[[กฎหมายสงคราม]]อย่างร้ายแรง ทำให้ผู้กระทำต้องรับผิดทางอาญาเป็นการเฉพาะตัว<ref name="Cassese">{{Cite book |last=Cassese |first=Antonio |authorlink=Antonio Cassese |title=Cassese's International Criminal Law |url=https://books.google.com/books?id=4LSPtqicFUcC |publisher=Oxford University Press |date=2013 |edition=3rd |pages=63–66 |isbn=978-0-19-969492-1}}</ref> เช่น
* [[การฆ่าคน|การฆ่า]]พลเรือนหรือนักโทษโดยเจตนา
แนวคิดเรื่องอาชญากรรมสงครามปรากฏขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของคริสต์ศตวรรษที่ 20 เมื่อมีการประมวล[[กฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ]]ที่ใช้บังคับได้สำหรับการทำสงครามระหว่าง[[รัฐอธิปไตย]] การประมวลกฎหมายดังกล่าวเกิดขึ้นในระดับชาติ เช่น การเผยแพร่[[ประมวลกฎหมายลีแบร์]]ในสหรัฐเมื่อ ค.ศ. 1863 และในระดับนานาชาติ เช่น การตกลงรับสนธิสัญญาใน[[อนุสัญญากรุงเฮก ค.ศ. 1899 และ 1907]] นอกจากนี้ การพิจารณาคดีในศาลระดับชาติ ณ ช่วงเวลาดังกล่าว ยังช่วยสร้างความกระจ่างให้แก่กฎหมายเหล่านี้<ref name="Cassese"/> ครั้นสิ้น[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] กฎหมายเกี่ยวกับอาชญากรรมสงครามยิ่งมีพัฒนาการสำคัญ การพิจารณาคดีมากมายเกี่ยวกับอาชญากรสงครามของ[[ฝ่ายอักษะ]]นั้นส่งผลให้เกิด[[หลักการเนือร์นแบร์ก]]ซึ่งวางข้อความคิดเรื่องอาชญากรรมสงครามอย่างใดจะกลายเป็น[[กฎหมายอาญาระหว่างประเทศ|ความผิดอาญาในระดับโลก]] นอกจากนี้ เมื่อมี[[อนุสัญญาเจนีวา]]ใน ค.ศ. 1949 สนธิสัญญาฉบับบนี้ได้ให้นิยามใหม่เกี่ยวกับอาชญากรรมสงคราม และกำหนดให้รัฐทั้งหลายมี[[เขตอำนาจสากล]]ในการดำเนินคดีอาชญากรรมดังกล่าว<ref name="Cassese"/> ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งศาลระหว่างประเทศขึ้นหลายแห่งช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 มีการกำหนดรูปแบบอาชญากรรมสงครามเพิ่มเติมให้ครอบคลุม[[การขัดกันด้วยอาวุธ]]ประเภทอื่น ๆ เช่น [[สงครามกลางเมือง]] นอกเหนือไปจากการสู้รบกันระหว่างรัฐกับรัฐ<ref name="Cassese"/>▼
* [[การทรมาน]]
* การทำลายทรัพย์สินพลเรือน
* การจับเป็น[[ตัวประกัน]]
* การล่อลวง
* [[การข่มขืนกระทำชำเรา]]
* การใช้เด็กทางทหาร
* การปล้นทรัพย์
* การไม่ไว้ชีวิต
* การละเมิดอย่างร้ายแรงซึ่งหลักการแยกแยะและหลักความได้สัดส่วน
เป็นต้นว่า การทำลายประชากรพลเรือนด้วยระเบิดยุทธศาสตร์<ref>See generally, Article 8 of the [[Rome Statute of the International Criminal Court]].</ref>
แนวคิดเรื่องอาชญากรรมสงครามปรากฏขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของคริสต์ศตวรรษที่ 20 เมื่อมีการประมวล[[กฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ]]ที่ใช้บังคับได้สำหรับการทำสงครามระหว่างรัฐอธิปไตย การประมวลกฎหมายดังกล่าวเกิดขึ้นในระดับชาติ เช่น การเผยแพร่ประมวลกฎหมายลีแบร์ในสหรัฐเมื่อ ค.ศ. 1863 และในระดับนานาชาติ เช่น
▲
== ประวัติ ==
เส้น 9 ⟶ 24:
<center>
<gallery perrow="5" heights="200" widths="200">
ไฟล์:My Lai massacre.jpg|alt=Bodies of some of the hundreds of Vietnamese villagers who were killed by U.S. soldiers during the
ไฟล์:Prisoners on ground before execution,Taejon, South Korea.jpg|
</gallery>
</center>
== อาชญากรสงครามในประเทศไทย ==
ในประเทศไทย มีคดีอาชญากรสงครามที่สำคัญ โดยเกิดขึ้นหลังสถานการณ์ทางการเมืองร้อนระอุ และ[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] กำลังจบ โดยมีการจับกุมและฟ้องร้อง
ในขณะที่กำลังเกิดสงคราม และญี่ปุ่นกำลังบุกเข้ามาที่ไทย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เพิ่งกำลังขึ้นมาดำรงตำแหน่ง รัฐบาลไทยได้ยอมแพ้ลงในเดือนธันวาคม 2484<ref>ปัญญา อุดชาชน, “พระราชบัญญัติอาชญากรสงคราม : รากฐานการกำเนิดศาลรัฐธรรมนูญ”, รัฐสภาสาร, ปีที่ 61 ฉบับที่ 4 ประจำเดือนเมษายน 2556, หน้า 35-45.</ref> โดยฝ่ายไทยแสดงที่ท่าสัมพันธไมตรีและให้ความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นในทุกด้าน เพื่อทำสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร และสุดท้ายอเมริกาได้ทิ้งปรมาณูและเป็นการประกาศการยอมแพ้ญี่ปุ่น ▼
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้แถลงการณ์ว่า
▲ในขณะที่กำลังเกิดสงคราม และญี่ปุ่นกำลังบุกเข้ามาที่ไทย จอมพล ป พิบูลสงครามเพิ่งกำลังขึ้นมาดำรงตำแหน่ง รัฐบาลไทยได้ยอมแพ้ลงในเดือนธันวาคม 2484<ref>ปัญญา อุดชาชน, “พระราชบัญญัติอาชญากรสงคราม : รากฐานการกำเนิดศาลรัฐธรรมนูญ”, รัฐสภาสาร, ปีที่ 61 ฉบับที่ 4 ประจำเดือนเมษายน 2556, หน้า 35-45.</ref> โดยฝ่ายไทยแสดงที่ท่าสัมพันธไมตรีและให้ความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นในทุกด้าน เพื่อทำสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร และสุดท้ายอเมริกาได้ทิ้งปรมาณูและเป็นการประกาศการยอมแพ้ญี่ปุ่น
ปลายเดือนสิงหาคม 2488 [[นายปรีดี พนมยงค์]] ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในขณะนั้น ได้โทรเลขไปถึง [[หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช|ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช]] ขอให้กลับประเทศไทยมาเป็นนายกรัฐมนตรี อีกทั้งมีการตราพระราชบัญญัติอาชญากรสงคราม พ.ศ. 2488<ref>[https://www.dailynews.co.th/article/201241 อาชญากรสงคราม..]</ref> หลังสงครามโลกครั้งที่สองจบลง [[ฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง|ฝ่ายสัมพันธมิตร]]ได้จัดตั้งศาลอาชญากรสงครามขึ้นเพื่อพิจารณาความผิดของฝ่ายอักษะได้ทำไป ที่เมืองนูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมนี และกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้ทหารนาซีของประเทศเยอรมนีถูกแขวนคอ จำนวน 12 คน และทหารญี่ปุ่นถูกแขวนคอ จำนวน 7 คน รวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรีโตโจ ในส่วนของประเทศไทยนั้น สถานีวิทยุกระจายเสียงที่กรุงเดลลี ประเทศอินเดีย และที่ซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกข่าวว่า ฝ่ายสัมพันธมิตรจะนำเอาอาชญากรสงครามในประเทศไทยไปขึ้นศาลต่างประเทศโดยมีอาชญากรสงคราม จำนวน 4 คน คือ [[แปลก พิบูลสงคราม|จอมพล แปลก พิบูลสงคราม]], [[หลวงวิจิตรวาทการ (วิจิตร วิจิตรวาทการ)]], [[ประยูร ภมรมนตรี]] และ[[สังข์ พัธโนทัย]]
== ดูเพิ่ม ==
* [[การพิจารณาคดีเนือร์นแบร์ค]]
* [[ศาลทหารระหว่างประเทศสำหรับตะวันออกไกล]]
|