ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อาชญากรรมสงคราม"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Narutzy (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
[[ไฟล์:Chinese killed by Japanese Army in a ditch, Hsuchow.jpg|thumb|[[Suzhouซูโจว|เมืองซูโจว]], China,ประเทศจีน 1938ปี ค.ศ. A1938 ditchคูน้ำที่เต็มไปด้วยศพพลเรือนจีน full of the bodies of Chinese civilians, killed by [[Imperial Japanese Army|Japanese soldiers]].ถูกทหารญี่ปุ่นสังหาร]]
[[ไฟล์:Soviet soldiers mass grave, German war prisoners concentration camp in Deblin, German-occupied Poland.jpg|thumb|right|Massหลุมศพขนาดใหญ่ของเชลยศึกโซเวียต graveถูกฆ่าโดยชาวเยอรมัน of Soviet POWs, killed by Germans. Someเชลยศึกโซเวียตราว 3.3 million [[Nazi crimes against Soviet POWs|Soviet POWs died in Nazi custody]].ล้านคนเสียชีวิตในอารักขาของนาซี]]
'''อาชญากรรมสงคราม''' ({{lang-en|war crime}}) คือ การกระทำอันฝ่าฝืน[[กฎหมายสงคราม]]อย่างร้ายแรง ทำให้ผู้กระทำต้องรับผิดทางอาญาเป็นการเฉพาะตัว<ref name="Cassese">{{Cite book |last=Cassese |first=Antonio |authorlink=Antonio Cassese |title=Cassese's International Criminal Law |url=https://books.google.com/books?id=4LSPtqicFUcC |publisher=Oxford University Press |date=2013 |edition=3rd |pages=63–66 |isbn=978-0-19-969492-1}}</ref> เช่น [[การฆ่าคน|การฆ่า]]พลเรือนหรือนักโทษโดยเจตนา, [[การทรมาน]], การทำลายทรัพย์สินพลเรือน, การจับเป็น[[ตัวประกัน]], [[การล่อลวง]], [[การข่มขืนกระทำชำเรา]], [[การใช้เด็กทางทหาร]], [[การปล้นทรัพย์]], [[การไม่ไว้ชีวิต]], และการละเมิดอย่างร้ายแรงซึ่งหลัก[[การแยกแยะ (กฎหมาย)|การแยกแยะ]]และหลัก[[ความได้สัดส่วน (กฎหมาย)|ความได้สัดส่วน]] เป็นต้นว่า การทำลายประชากรพลเรือนด้วย[[การระเบิดทางยุทธศาสตร์|ระเบิดยุทธศาสตร์]]<ref>See generally, Article 8 of the [[Rome Statute of the International Criminal Court]].</ref>
 
* [[การฆ่าคน|การฆ่า]]พลเรือนหรือนักโทษโดยเจตนา
แนวคิดเรื่องอาชญากรรมสงครามปรากฏขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของคริสต์ศตวรรษที่ 20 เมื่อมีการประมวล[[กฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ]]ที่ใช้บังคับได้สำหรับการทำสงครามระหว่าง[[รัฐอธิปไตย]] การประมวลกฎหมายดังกล่าวเกิดขึ้นในระดับชาติ เช่น การเผยแพร่[[ประมวลกฎหมายลีแบร์]]ในสหรัฐเมื่อ ค.ศ. 1863 และในระดับนานาชาติ เช่น การตกลงรับสนธิสัญญาใน[[อนุสัญญากรุงเฮก ค.ศ. 1899 และ 1907]] นอกจากนี้ การพิจารณาคดีในศาลระดับชาติ ณ ช่วงเวลาดังกล่าว ยังช่วยสร้างความกระจ่างให้แก่กฎหมายเหล่านี้<ref name="Cassese"/> ครั้นสิ้น[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] กฎหมายเกี่ยวกับอาชญากรรมสงครามยิ่งมีพัฒนาการสำคัญ การพิจารณาคดีมากมายเกี่ยวกับอาชญากรสงครามของ[[ฝ่ายอักษะ]]นั้นส่งผลให้เกิด[[หลักการเนือร์นแบร์ก]]ซึ่งวางข้อความคิดเรื่องอาชญากรรมสงครามอย่างใดจะกลายเป็น[[กฎหมายอาญาระหว่างประเทศ|ความผิดอาญาในระดับโลก]] นอกจากนี้ เมื่อมี[[อนุสัญญาเจนีวา]]ใน ค.ศ. 1949 สนธิสัญญาฉบับบนี้ได้ให้นิยามใหม่เกี่ยวกับอาชญากรรมสงคราม และกำหนดให้รัฐทั้งหลายมี[[เขตอำนาจสากล]]ในการดำเนินคดีอาชญากรรมดังกล่าว<ref name="Cassese"/> ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งศาลระหว่างประเทศขึ้นหลายแห่งช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 มีการกำหนดรูปแบบอาชญากรรมสงครามเพิ่มเติมให้ครอบคลุม[[การขัดกันด้วยอาวุธ]]ประเภทอื่น ๆ เช่น [[สงครามกลางเมือง]] นอกเหนือไปจากการสู้รบกันระหว่างรัฐกับรัฐ<ref name="Cassese"/>
* [[การทรมาน]]
* การทำลายทรัพย์สินพลเรือน
* การจับเป็น[[ตัวประกัน]]
* การล่อลวง
* [[การข่มขืนกระทำชำเรา]]
* การใช้เด็กทางทหาร
* การปล้นทรัพย์
* การไม่ไว้ชีวิต
* การละเมิดอย่างร้ายแรงซึ่งหลักการแยกแยะและหลักความได้สัดส่วน
 
เป็นต้นว่า การทำลายประชากรพลเรือนด้วยระเบิดยุทธศาสตร์<ref>See generally, Article 8 of the [[Rome Statute of the International Criminal Court]].</ref>
 
แนวคิดเรื่องอาชญากรรมสงครามปรากฏขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของคริสต์ศตวรรษที่ 20 เมื่อมีการประมวล[[กฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ]]ที่ใช้บังคับได้สำหรับการทำสงครามระหว่างรัฐอธิปไตย การประมวลกฎหมายดังกล่าวเกิดขึ้นในระดับชาติ เช่น การเผยแพร่ประมวลกฎหมายลีแบร์ในสหรัฐเมื่อ ค.ศ. 1863 และในระดับนานาชาติ เช่น
 
แนวคิดเรื่องอาชญากรรมสงครามปรากฏขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของคริสต์ศตวรรษที่ 20 เมื่อมีการประมวล[[กฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ]]ที่ใช้บังคับได้สำหรับการทำสงครามระหว่าง[[รัฐอธิปไตย]] การประมวลกฎหมายดังกล่าวเกิดขึ้นในระดับชาติ เช่น การเผยแพร่[[ประมวลกฎหมายลีแบร์]]ในสหรัฐเมื่อ ค.ศ. 1863 และในระดับนานาชาติ เช่น การตกลงรับสนธิสัญญาใน[[อนุสัญญากรุงเฮก ค.ศ. 1899 และ 1907]] นอกจากนี้ การพิจารณาคดีในศาลระดับชาติ ณ ช่วงเวลาดังกล่าว ยังช่วยสร้างความกระจ่างให้แก่กฎหมายเหล่านี้<ref name="Cassese" /> ครั้นสิ้น[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] กฎหมายเกี่ยวกับอาชญากรรมสงครามยิ่งมีพัฒนาการสำคัญ การพิจารณาคดีมากมายเกี่ยวกับอาชญากรสงครามของ[[ฝ่ายอักษะ]]นั้นส่งผลให้เกิด[[หลักการเนือร์นแบร์ก]]ซึ่งวางข้อความคิดเรื่องอาชญากรรมสงครามอย่างใดจะกลายเป็น[[กฎหมายอาญาระหว่างประเทศ|ความผิดอาญาในระดับโลก]] นอกจากนี้ เมื่อมี[[อนุสัญญาเจนีวา]]ใน ค.ศ. 1949 สนธิสัญญาฉบับบนี้ได้ให้นิยามใหม่เกี่ยวกับอาชญากรรมสงคราม และกำหนดให้รัฐทั้งหลายมี[[เขตอำนาจสากล]]ในการดำเนินคดีอาชญากรรมดังกล่าว<ref name="Cassese" /> ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งศาลระหว่างประเทศขึ้นหลายแห่งช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 มีการกำหนดรูปแบบอาชญากรรมสงครามเพิ่มเติมให้ครอบคลุม[[การขัดกันด้วยอาวุธ]]ประเภทอื่น ๆ เช่น [[สงครามกลางเมือง]] นอกเหนือไปจากการสู้รบกันระหว่างรัฐกับรัฐ<ref name="Cassese" />
 
== ประวัติ ==
เส้น 9 ⟶ 24:
<center>
<gallery perrow="5" heights="200" widths="200">
ไฟล์:My Lai massacre.jpg|alt=Bodies of some of the hundreds of Vietnamese villagers who were killed by U.S. soldiers during the [[My Lai Massacre.|ศพของชาวบ้านเวียดนามหลายร้อยคนที่ถูกทหารอเมริกาสังหารระหว่างการสังหารหมู่หมีลาย ในช่วง[[สงครามเวียดนาม]].
ไฟล์:Prisoners on ground before execution,Taejon, South Korea.jpg|[[alt=Bodo League massacre]] during the Korean War in 1950|การสังหารหมู่โบโดลีกระหว่าง[[สงครามเกาหลี]]ในปี 2493
</gallery>
</center>
 
== อาชญากรสงครามในประเทศไทย ==
ในประเทศไทย มีคดีอาชญากรสงครามที่สำคัญ โดยเกิดขึ้นหลังสถานการณ์ทางการเมืองร้อนระอุ และ[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] กำลังจบ โดยมีการจับกุมและฟ้องร้อง จอมพล [[แปลก พิบูลสงคราม|จอมพล แปลก พิบูลสงคราม]] อดีตผู้นำทางการทหารและการเมืองกับพวก ในข้อหาอาชญากรสงครามต่อ[[ศาลฎีกา]] ซึ่งกฎหมายกำหนดให้เป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาชญากรสงคราม ซึ่งนับว่าเป็นวิกฤตการณ์ทางเมืองที่สำคัญของประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งวิกฤตการณ์ดังกล่าวคลี่คลายไปได้โดยอำนาจของศาลยุติธรรม ซึ่งวินิจฉัยว่าพระราชบัญญัติอาชญากรสงคราม เฉพาะที่บัญญัติย้อนหลังให้การกระทำก่อนวันใช้กฎหมายเป็นความผิดนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญเป็นโมฆะ ไม่อาจลงโทษจำเลยได้ จอมพล ป. พิบูลสงครามกับพวก จึงได้รับการปล่อยตัวพ้นข้อหา จึงนับได้ว่าบทบาทในทางการเมืองของศาลยุติธรรมในฐานะเป็นสถาบันทางการเมืองด้วย<ref>วิชา มหาคุณ, ศาลยุติธรรมและการพิพากษาคดี, (บริษัท สำนักพิมพ์วิญญูชน จำกัด, 2536), หน้า 88.</ref>
 
ในขณะที่กำลังเกิดสงคราม และญี่ปุ่นกำลังบุกเข้ามาที่ไทย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เพิ่งกำลังขึ้นมาดำรงตำแหน่ง รัฐบาลไทยได้ยอมแพ้ลงในเดือนธันวาคม 2484<ref>ปัญญา อุดชาชน, “พระราชบัญญัติอาชญากรสงคราม : รากฐานการกำเนิดศาลรัฐธรรมนูญ”, รัฐสภาสาร, ปีที่ 61 ฉบับที่ 4 ประจำเดือนเมษายน 2556, หน้า 35-45.</ref> โดยฝ่ายไทยแสดงที่ท่าสัมพันธไมตรีและให้ความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นในทุกด้าน เพื่อทำสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร และสุดท้ายอเมริกาได้ทิ้งปรมาณูและเป็นการประกาศการยอมแพ้ญี่ปุ่น
 
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้แถลงการณ์ว่า
ในขณะที่กำลังเกิดสงคราม และญี่ปุ่นกำลังบุกเข้ามาที่ไทย จอมพล ป พิบูลสงครามเพิ่งกำลังขึ้นมาดำรงตำแหน่ง รัฐบาลไทยได้ยอมแพ้ลงในเดือนธันวาคม 2484<ref>ปัญญา อุดชาชน, “พระราชบัญญัติอาชญากรสงคราม : รากฐานการกำเนิดศาลรัฐธรรมนูญ”, รัฐสภาสาร, ปีที่ 61 ฉบับที่ 4 ประจำเดือนเมษายน 2556, หน้า 35-45.</ref> โดยฝ่ายไทยแสดงที่ท่าสัมพันธไมตรีและให้ความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นในทุกด้าน เพื่อทำสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร และสุดท้ายอเมริกาได้ทิ้งปรมาณูและเป็นการประกาศการยอมแพ้ญี่ปุ่น
 
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้แถลงการณ์ว่า '''...การประกาศสงครามกับประเทศอเมริกาของประเทศไทยเป็นการกระทำที่ผิดต่อรัฐธรรมนูญและเป็นปฏิปักษ์ต่อเจตจำนงของประชาชนชาวไทย และประเทศไทยมีความตั้งใจมั่นที่จะฟื้นความสัมพันธ์ทางไมตรีกับสหประชาชาติเหมือนดังที่มีก่อนถูกญี่ปุ่นเข้าครอบครอง มีคำมั่นสัญญาว่ากฎหมายใดที่ได้ออกมาเป็นปฏิปักษ์ต่อส่วนได้เสียของเราจะได้มีการพิจารณายกเลิก มีคำรับรองว่าถ้ากฎหมายเช่นว่านี้ได้ก่อให้เกิดความเสียหายและประกาศปฏิญญาว่าประเทศไทยจะได้ให้ความร่วมมือทุกอย่างแก่สหประชาชาติในการสร้างเสถียรภาพโลก...'''
 
ปลายเดือนสิงหาคม 2488 [[นายปรีดี พนมยงค์]] ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในขณะนั้น ได้โทรเลขไปถึง [[หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช|ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช]] ขอให้กลับประเทศไทยมาเป็นนายกรัฐมนตรี อีกทั้งมีการตราพระราชบัญญัติอาชญากรสงคราม พ.ศ. 2488<ref>[https://www.dailynews.co.th/article/201241 อาชญากรสงคราม..]</ref> หลังสงครามโลกครั้งที่สองจบลง [[ฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง|ฝ่ายสัมพันธมิตร]]ได้จัดตั้งศาลอาชญากรสงครามขึ้นเพื่อพิจารณาความผิดของฝ่ายอักษะได้ทำไป ที่เมืองนูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมนี และกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้ทหารนาซีของประเทศเยอรมนีถูกแขวนคอ จำนวน 12 คน และทหารญี่ปุ่นถูกแขวนคอ จำนวน 7 คน รวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรีโตโจ ในส่วนของประเทศไทยนั้น สถานีวิทยุกระจายเสียงที่กรุงเดลลี ประเทศอินเดีย และที่ซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกข่าวว่า ฝ่ายสัมพันธมิตรจะนำเอาอาชญากรสงครามในประเทศไทยไปขึ้นศาลต่างประเทศโดยมีอาชญากรสงคราม จำนวน 4 คน คือ [[แปลก พิบูลสงคราม|จอมพล แปลก พิบูลสงคราม]], [[หลวงวิจิตรวาทการ (วิจิตร วิจิตรวาทการ)]], [[ประยูร ภมรมนตรี]] และ[[สังข์ พัธโนทัย]] โดยหม่อมราชวงศ์โดยม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ได้สั่งให้[[พระยาอรรถการีย์นิพนธ์ (สิทธิ จุณณานนท์)]]ร่างพระราชบัญญัติอาชญากรสงครามขึ้นและเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาและประกาศใช้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติว่า อาชญากรสงครามเป็นภัยอันร้ายแรงต่อความสงบของโลก สมควรที่จะจัดให้บุคคลที่ประกอบได้สนองกรรมชั่วที่ตนได้กระทำตามโทษานุโทษ <Refref>สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี, รายงานการประชุมคณะรัฐมนตรีพิเศษ 27 กันยายน 2488.</ref>
 
== ดูเพิ่ม ==
* [[อาชญากรรมสงครามโดยฝ่ายสัมพันธมิตรระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง]]
* [[อาชญากรรมสงครามโดยสหราชอาณาจักร]]
* [[อาชญากรรมสงครามโดยเยอรมนี]]
* [[อาชญากรรมสงครามโดยอิตาลี]]
* [[อาชญากรรมสงครามโดยญี่ปุ่น]]
* [[อาชญากรรมสงครามโดยสหภาพโซเวียต]]
* [[อาชญากรรมสงครามโดยสหรัฐ]]
* [[การพิจารณาคดีเนือร์นแบร์ค]]
* [[ศาลทหารระหว่างประเทศสำหรับตะวันออกไกล]]