ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วัดโบสถ์ (อำเภอเมืองปทุมธานี)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 10:
วัดโบสถ์ ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างเมื่อ พ.ศ.2164 โดยชาวมอญที่อพยพมามาจาก[เมืองหงสาวดีและเอาชื่อหมู่บ้านที่ตนอพยพมาอาศัยอยู่ ตั้งเป็นชื่อวัดและได้สร้างเสาหงษ์ขึ้นไว้เป็นสัญลักษณ์แห่งเมืองหงสาวดี มีโบราณสถาน และโบราณวัตถุ คือสิ่งสำคัญอยู่คู่วัดโบสถ์ วิหารพระรามัญทรงเครื่อง (หลวงพ่อรามัญทรงเครื่อง) พระแสงอาญาสิทธิ์ ของเก่าแก่จากรามัญ ช้างสีเศียรใช้ติดตั้งประดับหัวเสา อายุเก่าแก่ถึง 150 ปี สร้างด้วยทองคำสัมฤทธอยู่ในโบสถ์เก่าของวัดและรูปปั้นสุนัขขย่าเหลหล่อด้วยตะกั่วที่อดีตเจ้าอาวาสได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 ในครั้งที่เสด็จประภาสเมืองสามโคก ต่อมาเปลี่ยนเป็นเมืองปทุมธานี<ref name=":0" />
 
'''ประวัติวัดโบสถ์'''
 
<nowiki>------------------------------------------------------------------</nowiki>
 
วัดโบสถ์ตั้งอยู่เลขที่  ๙๖ บ้านโบสถ์  หมู่ ๕  ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินที่ตั้งวัด  ๖๕  ไร่ ๒  งาน  ๓๔ ตารางวา  โฉนดที่ดินเลขที่  ๕๖๕๙
 
'''พื้นที่ตั้งวัด'''
 
         ด้านทิศเหนือติดกับที่ดินเอกชนและลำคลอง
 
         ด้านทิศใต้ติดกับคลองสาธารณประโยชน์
 
         ด้านทิศตะวันออกติดกับที่ดินเอกชน
 
         ด้านทิศตะวันตกติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา
 
'''สภาพของวัด'''
 
         เป็นที่ราบ การคมนาคมทางน้ำมีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านทางด้านทิศตะวันตก
 
'''ประวัติวัด'''
 
         ตามประวัติที่ค้นคว้าบันทึกได้ระบุไว้ว่า  เดิมชื่อวัดโบสถ์เชียงราก  เป็นวัดมอญเก่าแก่สร้างในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี   สมัยกรุงศรีอยุธยารุ่งเรืองนั้นพระมหากษัตริย์ไทยมักจะให้ชาวรามัญที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารไปปักหลักอาศัยอยู่แถบบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา  จากกรุงศรีอยุธยาลงมาโดยเฉพาะย่านสามโคก  เมืองปทุมธานีจึงเป็นศูนย์รวมของชาวรามัญที่มาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
 
         ชาวรามัญที่อาศัยอยู่ ครั้นพอปักหลักปักฐานอยู่ดีมีสุขมักจะสร้างวัดไว้เป็นที่ระลึกหรือเอาไว้ประกอบศาสนพิธี  ดังนั้นในย่านอำเภอสามโคก  เมืองปทุมธานี วัดส่วนใหญ่จะเป็นชาวรามัญสร้างทั้งสิ้น กับอีกประการหนึ่งก็เพื่อใช้วัดเป็นสถานที่ศึกษาแก่กุลบุตรกุลธิดาด้วย  วัดในสมัยโบราณจึงเป็นศูนย์กลางของชุมชน   พระสงฆ์คือผู้สอน  ผู้เผยแผ่ธรรมเป็นที่เคารพศรัทธาของสาธุชนคนไทยเป็นอย่างมาก
 
         วัดโบสถ์เชียงรากใครสร้างไม่ปรากฏหลักฐาน  วัดสร้างเป็นสำนักสงฆ์มาก่อนจนพ.ศ.๒๑๖๔  ได้สร้างอุโบสถและผูกพัทธสีมา  และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา  พ.ศ.๒๑๖๗
 
         ปัจจุบันวัดโบสถ์ตั้งอยู่ตรงข้ามกับศาลากลางจังหวัดปทุมธานีหลังเก่า  หลังใหม่ย้ายไปอยู่ที่สี่แยกกลางเมืองปทุมธานี  วัดตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา  ทิศตะวันออก มีที่ดินทั้งหมด  ๖๕  ไร่ ๒  งาน  ๓๔ ตารางวา 
 
         วัดโบสถ์สันนิษฐานว่า  เป็นชาวรามัญที่อพยพมาจากหงสาวดีสร้างขึ้น หลักฐานอันปรากฏที่พอจะเชื่อถือได้ว่าเป็นชาวรามัญสร้างคือ  เสาหงส์ ซึ่งแสดงถึงสัญลักษณ์แห่งเมืองหงสาวดี เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ชาวรามัญว่า หากสร้างขึ้นจะต้องสร้าง เสาหงส์  ให้สาธุชนรุ่นหลังทราบ
 
         ในอดีตเสาหงส์เป็นเป็นเสาแปดเหลี่ยม  ลงรักปิดกระจกเป็นรูปใบโพธิ์ตลอดทั้งเสาบนยอดเสาหงส์มีรูปช้างสี่เศียร  ประดับด้วยบุษบกทำด้วยเนื้อทองสัมฤทธิ์  ปัจจุบันเสาหงส์ชุดรุดหมดแล้ว  คงเหลือแต่บุษบกรูปช้างสี่เศียรเท่านั้น
 
         บริเวณใกล้เคียงกับวัดโบสถ์  เดิมทีมีวัดอยู่อีกวัดหนึ่งคือ  วัดไกลนา หรือวัดกลางนา ซึ่งเป็นวัดร้าง  สมัยหลวงปู่เทียนเป็นเจ้าอาวาสทางราชการได้สั่งยุบวัดให้มารวมกับวัดโบสถ์เป็นวัดเดียวกัน  ปรากฏหลักฐานของวัดกลางนา  คืออุโบสถ และเจดีย์แบบมอญ ปัจจุบันยังมีให้เห็นอยู่ในพื้นที่บริเวณวิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี
 
         ในพื้นที่วัดโบสถ์ยังมีสถานศึกษาถึง ๓ แห่ง  สมัยหลวงปู่เทียนเป็นเจ้าอาวาส ท่านนอกจากจะเป็นพระเถระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยแล้ว  ท่านยังเป็นพระผู้มองการณ์ไกลที่จะสร้างคนโดยเริ่มที่การศึกษาก่อน  ท่านจัดการศึกษาให้พระภิกษุสามเณรเรียนพระธรรมวินัย  ได้ส่งสอบธรรมสนามหลวงทุกปี  และชาวบ้านทั่วไปให้ได้รับการศึกษา จึงจัดตั้งสำนักเรียนพระปริยัติธรรมและโรงเรียนประชาบาล  เช่น จัดสร้างวัดบ่อเงิน อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี และสร้างโรงเรียนประชาบาลวัดโบสถ์ (โรงเรียนวัดโบสถ์ บวรธรรมกิจ)  โรงเรียนประจำจังหวัดหญิง (โรงเรียนคณะราษฎร์บำรุงปทุมธานี) โรงเรียนการเรือนหญิง ต่อมาเปลี่ยนเป็นวิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี  ทั้ง ๓ โรงเรียนตั้งอยู่ในพื้นที่วัดโบสถ์ทั้งสิ้น
 
'''การศึกษา'''
 
         ทางวัดได้เปิดสอนพระปริยัติธรรม  มาตลอดทุกปี
 
'''ถาวรวัตถุ'''
 
         ถาวรวัตถุมีดังต่อไปนี้  อุโบสถ กว้าง  ๘  เมตร ยาว  ๒๔  เมตร  กุฏิสงฆ์จำนวน  ๑๐ หลัง  ศาลาการเปรียญ วิหาร  ศาลาบำเพ็ญกุศล ๒ หลัง  ฌาปนสถาน หอระฆัง  มณฑป  ซุ้มประตูจัตุรมุข  ศาลาราย ๓ หลัง
 
'''ปูชนียวัตถุ'''
 
         วัดมีปูชนียวัตถุที่สำคัญคือ  พระประธานในอุโบสถ  ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๔ ศอก  พร้อมด้วยพระอัครสาวก พระรามัญทรงเครื่องในวิหารอายุ ๔๐๐  ปี หน้าตัก ๒ ศอก  รูปเหมือนหลวงปู่เทียนหล่อด้วยทองเหลืองเท่าองค์จริงในมณฑป
 
'''เหตุการณ์สำคัญ'''
 
         วันอังคารที่ ๑๗  กรกฎาคม ๒๕๔๔ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จเป็นประธาน พิธีเปิดมณฑปหลวงปู่เทียน อดีตเจ้าอาวาสวัดโบสถ์
 
         วันพฤหัสบดีที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๖  สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในขณะดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์  ศาลาบูรพาจารย์ หลวงปู่เทียน ในการนี้ ทรงพระราชทานพระราชานุญาตให้อัญเชิญพระนามาภิไธยย่อ  “มวก” ประดิษฐานที่ซุ้มประตูวัดและศาลาราย ๒  หลัง  ได้พระราชทานนามซุ้มว่า  “มหาวชิราลงกรณ์”
 
'''รายนามเจ้าอาวาส'''
 
         ๑-๓  ไม่ทราบนาม
 
         ๔. พระอธิการนวล
 
         ๕. พระครูบวรธรรมกิจ   พ.ศ. ๒๔๔๕-๒๕๐๙
 
         ๖. พระสมุห์ราตรี  ถาวโร พ.ศ.  ๒๕๐๙- ๒๕๔๑
 
         ๗ พระปลัดต่อศักดิ์  สุนทรวาที (รักษาการเจ้าอาวาส) ๒๕๔๓-๒๕๔๖
 
         ๘. พระมหานรินทร์ศักดิ์  สจฺจวาที  ๒๕๔๗-๒๕๖๐
 
          ๙. พระศากยปุตติยวงศ์  (ต่อศักดิ์ สุนทรวาที)  ๒๕๖๑-
https://www.facebook.com/watbot.lpt