ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วิวัฒนาการของมนุษย์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
JBot (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนการแก้ไขที่อาจเป็นการทดลอง หรือก่อกวนด้วยบอต ไม่ควรย้อน? แจ้งที่นี่
ป้ายระบุ: ย้อนด้วยมือ
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: ถูกย้อนกลับแล้ว การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 1:
ัจจุบันร้อมกับพัฒนาการของวัฒนธรรมสัญลักษณ์ (symbolic culturก่อนตามษยวิทยา
{{วิวัฒนาการ 3}}
[[ไฟล์:Akha cropped.png|thumb|right|''[[Homo sapiens sapiens]]'' ชาว[[อาข่า]]ใน[[ประเทศไทย]]]]
'''วิวัฒนาการของมนุษย์''' ({{lang-en|Human evolution}})
เป็นกระบวนการ[[วิวัฒนาการ]]ที่นำไปสู่การปรากฏขึ้นของ "'''[[มนุษย์ปัจจุบัน]]'''" ({{lang-en|modern human}} มีนามตาม[[อนุกรมวิธาน]]ว่า ''Homo sapiens'' หรือ ''Homo sapiens sapiens'')
ซึ่งแม้ว่าจริง ๆ แล้วจะเริ่มต้นตั้งแต่บรรพบุรุษแรกของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
แต่บทความนี้ครอบคลุมเพียงแค่ประวัติ[[วิวัฒนาการ]]ของสัตว์[[อันดับวานร]] (primate) โดยเฉพาะของ[[สกุล (ชีววิทยา)|สกุล]] ''[[โฮโม]]'' (''Homo'')
และการปรากฏขึ้นของมนุษย์[[สปีชีส์]] ''[[Homo sapiens]]'' ที่จัดเป็นสัตว์[[วงศ์ลิงใหญ่]]เท่านั้น
การศึกษาเกี่ยวกับวิวัฒนาการมนุษย์นั้นต้องอาศัยความรู้ทาง[[วิทยาศาสตร์]]หลายสาขา
รวมทั้ง[[มานุษยวิทยา]]เชิงกายภาพ (หรือ มานุษยวิทยาเชิงชีวภาพ), [[วานรวิทยา]], [[โบราณคดี]], [[บรรพชีวินวิทยา]],
[[พฤติกรรมวิทยา]], [[ภาษาศาสตร์]], [[จิตวิทยา]]เชิงวิวัฒนาการ (evolutionary psychology), [[คัพภวิทยา]] และ[[พันธุศาสตร์]]<ref>{{cite journal|author=Heng, HH|title=The genome-centric concept: resynthesis of evolutionary theory |journal=BioEssays |volume=31|issue=5|pages=512-25|date=May 2009 |pmid=19334004 |doi=10.1002/bies.200800182 }}</ref>
 
กระบวนการวิวัฒนาการเป็นความเปลี่ยนแปลงของลักษณะสืบสายพันธุ์ (trait) ของกลุ่ม[[สิ่งมีชีวิต]]ผ่านหลายชั่วยุคชีวิต
เป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดความหลายหลากกับสิ่งมีชีวิตในทุก[[การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์|ระดับชั้น]] รวมทั้งระดับ[[สปีชีส์]] ระดับสิ่งมีชีวิตแต่ละชีวิต และแม้กระทั่งโครงสร้างระดับ[[โมเลกุล]]เช่น[[ดีเอ็นเอ]]และ[[โปรตีน]]<ref>{{cite book | editor1-last=Hall | editor1-first=B. K. | editor2-last=Hallgrimsson | editor2-first=B. |title = Strickberger's Evolution |year = 2008 |edition = 4th |publisher = Jones & Bartlett |isbn = 0-7637-0066-5}}</ref>
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกสืบสายมาจากบรรพบุรุษเดียวกันที่มีชีวิตประมาณ 3.8 พันล้านปีก่อน
การเกิดสปีชีส์ใหม่ ๆ และการแยกสายพันธุ์ออกจากกันของสิ่งมีชีวิต สามารถอนุมานได้จากลักษณะสืบสายพันธุ์ทาง[[สัณฐานวิทยา (ชีววิทยา)|สัณฐาน]]และทางเคมีชีวภาพ หรือโดย[[ลำดับดีเอ็นเอ]]ที่มีร่วมกัน<ref>{{cite book | last=Panno |first=Joseph |title=The Cell: Evolution of the First Organism |year=2005 |publisher=Facts on File |isbn=0-8160-4946-7}}</ref>
คือ ลักษณะสืบสายพันธุ์และลำดับดีเอ็นเอที่มีกำเนิดเดียวกัน จะมีความคล้ายคลึงกันระหว่างสปีชีส์ที่มีบรรพบุรุษร่วมกันเร็ว ๆ นี้มากกว่าระหว่างสปีชีส์ที่มีบรรพบุรุษร่วมกันมานานแล้ว ดังนั้นความคล้ายคลึงกันและความแตกต่างกันจึงสามารถใช้สร้างแบบของต้นไม้สายพันธุ์สิ่งมีชีวิต ที่แสดงความสัมพันธ์เชิงญาติ โดยใช้สิ่งมีชีวิตที่ยังมีอยู่หรือใช้[[ซากดึกดำบรรพ์]]เป็นหลักฐานข้อมูล
รูปแบบความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในโลกเปลี่ยนแปลงไปเพราะการเกิดขึ้นของสปีชีส์ใหม่ ๆ และการสูญพันธุ์ไปของสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่<ref>{{cite book | editor1-last=Cracraft | editor1-first=J. |year = 2005 |url = http://books.google.ca/books?id=61XTPOYU6kC&printsec=frontcover&dq=Assembling+the+tree+of+life#v=onepage&q&f=false |editor2-last=Donoghue | editor2-first=M. J. |title = Assembling the tree of life |publisher = Oxford University Press |isbn = 0-19-517234-5 }}</ref>
 
{{ข้อมูลเพิ่มเติม|วิวัฒนาการ}}
 
งานวิจัยต่าง ๆ ทาง[[พันธุศาสตร์]]แสดงว่า สัตว์[[อันดับวานร]]รวมทั้ง[[มนุษย์]]แยกออกจาก[[สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม]]ประเภทอื่น ๆ เมื่อประมาณ {{Ma|85}}
โดยมี[[ซากดึกดำบรรพ์]]ปรากฏเป็นครั้งแรกสุดเมื่อประมาณ {{Ma|55}}<ref name=Fleagle2011>{{cite web |title=Primate Evolution |year=2011 |url=http://alltheworldsprimates.org/John_Fleagle_Public.aspx |first1=J |last1=Fleagle |first2=C |last2=Gilbert |accessdate=2014-09-04}}</ref>
ส่วนลิง[[วงศ์ชะนี]] (Hylobatidae) แยกสายพันธุ์ออกจากสายพันธุ์[[วงศ์ลิงใหญ่]] (Hominidae) รวมทั้งมนุษย์ ซึ่งเป็นวงศ์หนึ่ง ๆ ของสัตว์อันดับวานรนั้น เมื่อ {{Ma|17}}<!--*** เริ่มเชิงอรรถ ***-->{{Efn-ua|name=DivergenceEstimate |
ให้สังเกตว่า โดยมาก ช่วงเวลาที่ให้เกี่ยวกับการแยกสายพันธุ์มักจะมาจากข้อมูลทาง[[ดีเอ็นเอ]] แต่ว่า ข้อมูลจากงานต่าง ๆ มักจะให้เวลาที่ไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับตัวแปรต่าง ๆ ของงานเช่น[[แบบจำลองทางวิทยาศาสตร์|แบบจำลอง]]ของ[[วิวัฒนาการ]]ที่ใช้เป็นต้น ดังนั้น ข้อมูลทางดีเอ็นเอนี้ควรจะเป็นช่วงตัวเลขเพื่อให้ตรงกับผลการทดลองโดยทั่ว ๆ ไป แต่ในบางที่ที่ไม่สำคัญ การใช้ตัวเลขเดี่ยว ๆ นั้นเป็นความสะดวก ดูตัวอย่างความหลากหลายของเวลาการแยกสายพันธุ์ของ Hylobatidae จาก Hominidae ที่ Time Tree<ref>{{cite web |title=Summary - Hominidae vs Hylobatidae |accessdate=2014-10-03 |url=http://www.timetree.org/index.php?taxon_a=Hominidae&taxon_b=Hylobatidae |publisher=Time Tree }}</ref>
}}<!--*** จบเชิงอรรถ ***-->
แล้วลิงวงศ์ Ponginae (ลิง[[อุรังอุตัง]]) ก็แยกออกจากสายพันธุ์เมื่อประมาณ {{Ma|14}}
 
จากนั้น '''การเดินด้วยสองเท้า''' (bipedalism) ซึ่งเป็นการปรับตัวพื้นฐานที่สุดของสัตว์[[เผ่า (ชีววิทยา)|เผ่า]] '''Hominini'''<!--*** เริ่มเชิงอรรถ ***-->{{Efn-ua|name=hominini|
[[เผ่า (ชีววิทยา)|เผ่า]] '''Hominini''' ({{lang-en|hominin}}) ปกติใช้เรียกสายพันธุ์ของมนุษย์ที่ลิง[[ชิมแปนซี]]ได้แยกออกไปแล้ว ซึ่งในที่สุดกลายเป็นมนุษย์สกุล ''Homo''
}}<!--*** จบเชิงอรรถ ***-->
ซึ่งเป็นสายพันธุ์ของมนุษย์ที่ลิง[[ชิมแปนซี]]ได้แยกออกไปแล้ว
ก็เริ่มปรากฏในสัตว์สองเท้าแรกสุดใน[[สกุล (ชีววิทยา)|สกุล]] ''Sahelanthropus''<ref name=Brunet2002 /> ({{Ma|7}})
หรือ ''Orrorin''<ref name=Henke2007 /> ({{Ma|6.1}})
โดยมีสกุล ''Ardipithecus'' ซึ่งเป็นสัตว์สองเท้าที่มีหลักฐานชัดเจนกว่า ตามมาทีหลัง<ref name=BBC20091001 /> ({{Ma|5.8}})
ส่วนลิง[[กอริลลา]]และลิง[[ชิมแปนซี]]แยกออกจากสายพันธุ์ในช่วงเวลาใกล้ ๆ กัน
คือลิงกอริลลาเมื่อ {{Ma|6|10}}<ref name=Bradley2008>{{cite journal | author = Bradley, B. J. | year = 2008 | title = Reconstructing Phylogenies and Phenotypes: A Molecular View of Human Evolution | journal = Journal of Anatomy | volume = 212 | issue = 4 | pages = 337-353 | pmid = 18380860 | doi = 10.1111/j.1469-7580.2007.00840.x | pmc = 2409108}}</ref>
และลิงชิมแปนซีเมื่อ {{Ma|4|8}}<ref name=Bradley2008 />
โดยอาจจะมี ''Sahelanthropus'' เป็นบรรพบุรุษสุดท้ายร่วมกันระหว่างชิมแปนซีและมนุษย์<ref name=Brunet2002 />
สัตว์สองเท้ายุคเริ่มต้นเหล่านี้ในที่สุดก็วิวัฒนาการมาเป็นเผ่า hominini เผ่าย่อย '''Australopithecina''' ({{lang-en|australopithecine}} ปกติรวมสกุล ''Australopithecus'', ''Paranthropus'', และในบางที่ ''Ardipithecus'') ที่ {{Ma|4.2}} และหลังจากนั้นจึงเป็นเผ่าย่อย '''Hominina''' ซึ่งรวมเอามนุษย์สกุล ''โฮโม'' เท่านั้น<ref name=Wood2000 />
 
มนุษย์สกุล''โฮโม''ที่มีหลักฐานยืนยันพวกแรกที่สุดเป็น[[สปีชีส์]] ''Homo habilis'' ซึ่งเกิดขึ้นประมาณ {{Ma|2.3}}<ref name=AusMus-habilis2013 />{{efn-ua |name=NoteOldestHabilis}}
โดยเชื่อกันว่า สืบสายพันธุ์มาจาก homonin ในสกุล ''Australopithecus''<ref name=Encarta2006>{{Citation |last=Potts |first=Richard B. |year=2006 |title = Human Evolution |work=Microsoft Encarta 2006}}</ref>
เป็นสปีชีส์แรก ๆ ที่มีหลักฐานชัดเจนว่าใช้[[เครื่องมือหิน]]<!--*** เริ่มเชิงอรรถ ***-->{{Efn-ua |name=OldestStoneTool |
หลักฐานการใช้[[เครื่องมือหิน]]ที่เก่าที่สุดมีอายุประมาณ {{Ma|3.4}} ([[สมัยไพลโอซีน]]ปลาย)
คือ มีการพบกระดูกที่มีรอยตัดและรอยทุบใน[[ประเทศเอธิโอเปีย]]ใกล้กับซากของทารก homonin สปีชีส์ ''Australopithecus afarensis'' เหมือนกับลูซี่
แต่ว่าเครื่องมือหินเทคโนโลยีแบบ Oldowan ที่เก่าที่สุดมีอายุ {{Ma|2.6}} ในสมัยไพลโอซีนปลาย ([[ยุคหินเก่า]]ต้น) พบที่[[เอธิโอเปีย]]
ซึ่งเป็นช่วงก่อนการเกิดขึ้นของ ''H. habilis'' ซึ่งเป็นสกุลที่นัก[[โบราณคดี]]สัมพันธ์กับการใช้เทคโนโลยีนี้มากที่สุด
 
หลังจากนี้ เทคโนโลยี Oldowan ก็ได้กระจายไปทั่วแอฟริกา แต่ว่านักโบราณคดียังไม่แน่ใจว่า hominin [[สกุล (ชีววิทยา)|สกุล]]ไหนสร้างเทคโนโลยีนี้ขึ้นมาก่อน บางพวกเชื่อว่าเป็น ''Australopithecus garhi'' บางพวกเชื่อว่าเป็น ''Homo habilis''<ref name=AusMus-ComplexTech2013>{{cite web |title=Complex technology |publisher=Australian Museum |url=http://australianmuseum.net.au/Complex-technology |date=2010-11-23 |accessdate=2014-09-09}}</ref>
แต่ ''H. habilis'' เป็นพวกที่ใช้เทคโนโลยีนี้มากที่สุดในแอฟริกา จนกระทั่งถึง {{Ma|1.9|1.8}} ที่ ''H.&nbsp;ergaster/erectus'' สืบทอดเทคโนโลยีนี้ต่อมา
 
แม้ว่า เทคโนโลยีนี้จะพบใน[[แอฟริกาใต้]]และ[[แอฟริกาตะวันออก|ตะวันออก]]ในช่วง {{Ma|2.6|1.7}} แต่ก็มีการกระจายออกไปใน[[ยูเรเชีย]]พร้อมกับการอพยพออกจากแอฟริกาของ ''H. ergaster/erectus'' ซึ่งนำเทคโนโลยีนี้ไปทางทิศตะวันออกไปจนถึง[[เกาะชวา]] ([[อินโดนีเซีย]]) เมื่อประมาณ {{Ma| 1.8}} และไปถึง[[จีน]]ภาคเหนือเมื่อ {{Ma |1.6}}
}}<!--*** จบเชิงอรรถ ***--><ref name=raven2002>{{cite web |title=Biology/6e |last1=Johnson |first1=George B. |last2=Raven |first2=Peter H. |last3= Singer |first3=Susan |last4= Losos |first4=Jonathan |year=2002 |publisher=McGraw-Hill Higher Education |accessdate=2014-02-23 |url=http://www.mhhe.com/biosci/genbio/raven6b/graphics/raven06b/other/raven06b_23.pdf |format=[[PDF]] }}</ref>
และการปรับตัวของสายพันธุ์มนุษย์อีกอย่างหนึ่งคือ '''การขยายขนาดของสมอง'''<!--*** เริ่มเชิงอรรถ ***-->{{Efn-ua|name=encephalization|
'''การขยายขนาดของสมอง''' ({{lang-en|encephalization}}) เป็นการขยายขนาดของสมองเมื่อเทียบกับตัว คือสัตว์ที่มีร่างกายใหญ่โตต้องมีสมองที่ใหญ่กว่า ดังนั้น การขยายขนาดสมองของมนุษย์จริง ๆ แล้วเป็นการขยายขนาดของสมองในระดับที่สูงกว่าการขยายขนาดของตัว
}}<!--*** จบเชิงอรรถ ***-->
(encephalization) ก็ได้เริ่มขึ้นที่มนุษย์ยุคต้นนี้ ซึ่งมีขนาดสมองที่ประมาณ 610 ซม<sup>3</sup> คือมีขนาดใหญ่กว่าของลิง[[ชิมแปนซี]]เล็กน้อย<ref name=AusMus-habilis2013>{{cite web | title = Homo habilis | publisher = Australian Museum | url = http://australianmuseum.net.au/Homo-habilis | date = 2013-09-16 | accessdate = 2014-09-09}}</ref>
(ระหว่าง 300-500 ซม<sup>3</sup><ref name="O'Neil2012-transitional" />)
มีนักวิทยาศาสตร์ที่เสนอว่า นี้อยู่ในช่วงเวลาที่[[ยีน]]มนุษย์ประเภท SRGAP2 มีจำนวนเป็นสองเท่าเทียบกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ <ref>{{Cite doi|10.1016/j.cell.2012.03.033}}<!-- {{cite journal | author = Dennis MY, et al. | title = Evolution of human-specific neural SRGAP2 genes by incomplete segmental duplication | journal = Cell | volume = 149 | issue = 4 pages = 912-22 date=May 2012 1 pmid = 22559943 | pmc = 3365555 }}--></ref><ref>{{Cite doi|10.1016/j.cell.2012.03.034}} <!-- {{cite journal | author = Charrier C et A.| title = Inhibition of SRGAP2 function by its human-specific paralogs induces neoteny during spine maturation | journal = Cell | volume = 149 1 issue = 4 1 pages = 923-935 date=May 2012 1 pmid = 22559944 | pmc = 3357949 }}--></ref>
ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนาของ[[สมองกลีบหน้า]]ได้รวดเร็วกว่าในสัตว์อื่น ๆ <!--*** เริ่มเชิงอรรถ ***-->{{Efn-ua|
ในมนุษย์ '''SRGAP2''' เป็น[[ยีน]]ที่เข้ารหัส[[โปรตีน]] "SLIT-ROBO Rho GTPase-activating protein 2"<ref>{{Cite doi|10.1016/j.molbrainres.2004.01.002}}<!-- {cite journal I author = Madura T et Al. I title = Changes in mRNA of Slit-Robo GTPase-activating protein 2 following facial nerve transection I journal = Brain Res. Mol. Brain Res. I volume = 123 1 issue = 1-2 pages = 76-80 Idate=April 2004 1 pmid = 15046868 }} --></ref><ref>{{Cite doi |10.1016/50092-8674 (01) 00530-X}} {{PDFlink |1=[http://linkinghub.elsevier.com/retrieve/pii/S0092-8674 (01) 00530-X Full Article]}}<!--{{cite journal I author = Wong K et Al. I title = Signal transduction in neuronal migration: roles of GTPase activating proteins and the small GTPase Cdc42 in the Slit-Robo pathway I journal = Cell I volume = 107 1 issue = 2 I pages = 209-21 date=October 2001 1 pmid = 11672528 1 doi = }}--></ref>
เป็นหนึ่งใน 23 ยีนที่เกิดการก๊อปปี้ในมนุษย์ที่ไม่ปรากฏใน[[ไพรเมต]]ประเภทอื่น<ref>{{Cite doi |10.1126/science.1197005}}<!--{{cite journal I author = Sudmant PH et Al, 1000 Genomes Project, title = Diversity of Human Copy Number Variation and }4ulticopy Genes I journal volume = 330 1 issue = 6004 1 pages = 64 -6 Idate=Oct 2010 1 pmid = 21030649 doi = }}--></ref>
คือเกิดการทำซ้ำถึงสามครั้งใน[[จีโนม]]มนุษย์ภายใน 3.4 ล้านปีที่ผ่านมา ชุดแรกเรียกว่า SRGAP2B ที่ {{Ma |3.4}} ชุดที่สองเรียกว่า SRGAP2C ที่ {{Ma |2.4}} และชุดสุดท้ายเรียกว่า SRGAP2D ที่ {{Ma |1}}
ส่วนยีน SRGAP2 เป็นชุดที่มีใน[[สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม]]ทั้งหมด (เป็นชุดที่ในมนุษย์เรียกว่า SRGAP2A) และชุด SRGAP2C ทำให้เกิด[[การแสดงออกของยีน|การแสดงออก]]เป็นโปรตีนแบบสั้นที่มีในมนุษย์ปัจจุบันทั้งหมด<ref>{{Cite doi |10.1016/j.cell.2012.03.033}} [http://www.sciencenews.org/view/generic/id/335200/title/Doubled_gene_means_extra_smarts Lay sumary from sciencenews.org] {{Webarchive|url=https://web.archive.org/web/20121112123626/http://www.sciencenews.org/view/generic/id/335200/title/Doubled_gene_means_extra_smarts |date=2012-11-12 }} <!-- {{cite journal I author = Dennis MY et Al. I title = Evolution of human-specific neural SRGAP2 genes by incomplete segmental duplication I journal = Cell I volume = 149 I issue = 4 pages = 912-22 date=May 2012 1 pmid = 22559943 I pmc = 3365555}}--></ref>
เป็นโปรตีนที่มีหน้าที่ยับยั้งการแสดงออกของ SRGAP2A ที่เกิดขึ้นก่อน ทำให้เกิดผลสองอย่างคือ<ref name=Charrier2012>{{Cite doi |10.1016/j.cell.2012.03.034}}<!-- {{cite journal I author = Charrier C et Al I title = Inhibition of SRGAP2 function by its human-specific paralogs induces neoteny during spine maturation I journal = Cell I volume = 149 1 issue = 4 1 pages = 923-935 Idate=May 2012 1 pmid = 22559944 I pmc = 3357949 }}--></ref>
* ช่วยให้[[นิวรอน]]เคลื่อนไปจากแหล่งกำเนิดสู่จุดเป้าหมายได้เร็วขึ้น
* ยืดระยะเวลาที่[[ไซแนปส์]]จะถึงจุดสูงสุดในการพัฒนา และเพิ่มความหนาแน่นของไซแนปส์ใน[[เปลือกสมอง]] (cerebral cortex)
ส่วนโปรตีน SRGAP2 (หรือ SRGAP2A ในมนุษย์) ที่มาจากบรรพบุรุษของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีหน้าที่เกี่ยวกับ
* การให้นิวรอนเคลื่อนไปจากแหล่งกำเนิดไปสู่จุดเป้าหมายในสมอง (neuronal migration)<ref name=Guerrier2009>{{Cite doi |10.1016/j.cell.2009.06.047}}<!--{{cite journal author = Guerrier S et Al. I title = The F-BAR domain of SRGAP2 induces membrane protrusions required for neuronal migration and morphogenesis I journal = Cell I volume = 138 1 issue = 5 1 pages = 990-1004 (date=Sep 2009 1 pmid = 19737524 1 pmc = 2797480 }}--></ref>
* การจำแนกเป็นประเภทเฉพาะของนิวรอน (neuronal differentiation)<ref name=Guerrier2009 />
* พัฒนาการของไซแนปส์<ref name=Charrier2012 />
}}<!--*** จบเชิงอรรถ ***-->
 
ต่อมา มนุษย์สปีชีส์ ''Homo erectus/ergaster'' ก็เกิดขึ้นในช่วงประมาณ {{Ma|1.9}} ที่มีปริมาตรกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของลิงชิมแปนซีคือ 850 ซม<sup>3</sup><ref name=Swisher2002>{{cite book |last1=Swisher |first1=Carl C. |last2=Curtis |first2=Garniss H |last3=Lewin |first3=Roger |title=Java Man |publisher=Abacus |year=2002 |isbn=0-349-11473-0}}</ref>
การขยายขนาดของสมองเช่นนี้เทียบเท่ากับมี[[เซลล์ประสาท]]เพิ่มขึ้น 125,000 เซลล์ทุกชั่วยุคคน
สปีชีส์นี้เชื่อว่าเป็นพวกแรก ๆ ที่สามารถควบคุมไฟ<ref name="discover2013"><!-- Fire by Homo Erectus at Wonderwerk Cave in South Africa (1.8 Ma) - lay information --> {{cite web|title=Archaeologists Find Earliest Evidence of Humans Cooking With Fire|last1=Miller|first1=Kenneth|date=2013-12-07|publisher=Discover Magazine|url=http://discovermagazine.com/2013/may/09-archaeologists-find-earliest-evidence-of-humans-cooking-with-fire#.UpHIM2tYCSN}}</ref>
และใช้เครื่องมือหินที่มีเทคโนโลยีที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น<ref name=raven2002 /> เป็นมนุษย์[[สกุล (ชีววิทยา)|สกุล]] ''Homo'' พวกแรกที่อพยพออกไปตั้งถิ่นฐานทั่ว[[ทวีปแอฟริกา]] [[ทวีปเอเชีย]] และ[[ทวีปยุโรป]] อาจเริ่มตั้งแต่ {{Ma|1.8}}<ref name="Garicia2009">{{Cite doi|10.1016/j.quageo.2009.09.012}} <!-- Garcia, T et Al. (2010). "Earliest human remains in Eurasia: New 40Ar/39Ar dating of the Dmanisi hominid-bearing levels, Georgia". Quaternary Geochronology, 5 (4), 443-451. --></ref>
ดังนั้น การวิวัฒนาการของสายพันธุ์มนุษย์ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นไปใน[[แอฟริกา]]เท่านั้น<ref name=Encarta2006 />
 
ส่วนกลุ่มมนุษย์โบราณที่เรียกใน[[ภาษาอังกฤษ]]ว่า '''[[Archaic humans]]''' ก็เกิดวิวัฒนาการขึ้นต่อมาประมาณ 600,000 ปีก่อน<ref name=Wood2000 /> สืบสายพันธุ์มาจาก ''H. erectus/ergaster'' เป็นกลุ่มมนุษย์ที่อาจเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ปัจจุบัน โดยเฉพาะคือมนุษย์โบราณ ''H.&nbsp;heidelbergensis/rhodesiensis''<ref name=Stringer2003 />
หลังจากนั้น [[มนุษย์ที่มีกายวิภาคปัจจุบัน|มนุษย์สปีชีส์ ''Homo sapiens'' ที่มีกายวิภาคปัจจุบัน]] (anatomically modern human) ก็เกิดขึ้นโดยมีวิวัฒนาการมาจาก[[มนุษย์โบราณ]]ใน[[ยุคหินกลาง (แอฟริกา)]] คือประมาณ 300,000 ปีก่อน{{Efn-ua |name=OldestSapiensFossil}}
ตาม[[ทฤษฎี]] "กำเนิดมนุษย์ปัจจุบันเร็ว ๆ นี้จากแอฟริกา"
มนุษย์ปัจจุบันได้วิวัฒนาการในทวีปแอฟริกาแล้วจึงอพยพออกจากทวีปประมาณ 50,000-100,000 ปีก่อน (ต่างหากจากมนุษย์ในยุคก่อน ๆ)
ไปตั้งถิ่นฐานแทนที่กลุ่มมนุษย์สปีชีส์ ''H. erectus'', ''H. denisova'', ''H. floresiensis'' และ ''H. neanderthalensis'' ในที่ต่าง ๆ ที่เป็นเชื้อสายของมนุษย์ที่อพยพออกมาจากทวีปแอฟริกาในยุคก่อน ๆ<ref>{{cite journal |last=Stringer |first=Chris |author-link=Chris Stringer |date=June 12, 2003 |title=Human evolution: Out of Ethiopia |journal=[[Nature (journal)|Nature]] |volume=423 |issue=6941 |pages=692–695 |doi=10.1038/423692a |issn=0028-0836 |pmid=12802315 |bibcode=2003Natur.423..692S |s2cid=26693109 }}</ref><ref name=Johanson2001>{{cite web | author = Johanson, D | publisher = ActionBioscience | url = http://www.actionbioscience.org/evolution/johanson.html | title = Origins of modern humans: multiregional or out of Africa? | date = May 2001 | accessdate = 2014-09-09 | archiveurl = https://www.webcitation.org/5uQpZnojk?url=http://www.actionbioscience.org/evolution/johanson.html | archivedate = 2010-11-22 | url-status = live }}</ref><!-- แสดงหลักฐานเกี่ยวกับปี --><ref name=AusMus-FirstMigration2011>
{{cite web | title = The first migrations out of Africa | publisher = Australian Museum | url = http://australianmuseum.net.au/The-first-migrations-out-of-Africa | date = 2011-01-04 | accessdate = 2014-09-09}}</ref><ref name=AusMus-FirstSEAsaia2010>
{{cite web | title = The first modern humans in Southeast Asia | publisher = Australian Museum | date = 2010-01-04 | url = http://australianmuseum.net.au/The-first-modern-humans-in-Southeast-Asia | accessdate = 2014-09-09}}</ref>
โดยอาจได้ผสมพันธุ์กับมนุษย์โบราณก่อน ๆ เหล่านั้น<ref name=Anthropology2012-ch12 />
 
หลักฐานโดย[[ดีเอ็นเอ]]ในปี ค.ศ. 2010 บอกเป็นนัยว่า
มี[[ลำดับดีเอ็นเอ]]หลายส่วนที่มีต้นกำเนิดจากมนุษย์โบราณ ''[[Homo neanderthalensis]]'' ({{lang-en|Neanderthal}}) ใน[[ดีเอ็นเอ]]ของมนุษย์ปัจจุบันทุกเผ่าพันธุ์ที่ไม่ใช่คนแอฟริกา
และว่า Neanderthal และมนุษย์โบราณสกุลอื่น ๆ เช่นที่รู้จักกันว่า ''Denisova hominin'' ({{lang-en|Denisovan}}) รวม ๆ กันแล้ว อาจจะให้[[จีโนม]]เป็นส่วน 1-10% ของจีโนมมนุษย์ปัจจุบัน
ซึ่งบอกเป็นนัยถึง การผสมพันธุ์กัน{{Efn-ua|name=admixture}} ระหว่างมนุษย์โบราณเหล่านี้กับมนุษย์ปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี การผสมพันธุ์มีระดับค่อนข้างที่จะต่ำ
และยังเป็นไปได้ว่า กรรมพันธุ์ของ Neanderthal หรือของมนุษย์โบราณอื่น ๆ ที่พบในมนุษย์ปัจจุบันอาจจะอธิบายได้โดยลักษณะสืบสายพันธุ์ (trait) ที่สืบมาจากบรรพบุรุษร่วมกันเมื่อ 500,000-800,000 มาแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นเพราะผสมพันธุ์กันเร็ว ๆ นี้<ref name=Alves2012>{{Cite doi |10.1371/journal.pgen.1002837}} <!-- Isabel Alves et al. (2012) Genomic Data Reveal a Complex Making of Humans --> {{PDFlink|[http://www.plosgenetics.org/article/fetchObject.action?uri&#61;info%3Adoi%2F10.1371%2Fjournal.pgen.1002837&representation&#61;PDF Full Article]}} </ref>
 
ส่วนการเปลี่ยนมามี[[พฤติกรรม]]ปัจจุบัน (ดูเพิ่มที่หัวข้อ [[#Behavioral modernity|การเปลี่ยนมามีพฤติกรรมปัจจุบัน]])
พร้อมกับพัฒนาการของ[[วัฒนธรรม]]สัญลักษณ์ (symbolic culture)<!--*** เริ่มเชิงอรรถ ***-->{{Efn-ua |name=Symbolic |
'''Symbolic culture''' (แปลว่า วัฒนธรรมสัญลักษณ์) เป็นบัญญัติที่ใช้โดยนัก[[โบราณคดี]]<ref>Chase, P. G. (1994). "On symbols and the palaeolithic". ''Current Anthropology'' 35 (5) : 627-9.</ref>
นัก[[มานุษยวิทยา]]เชิงสังคม<ref>{{cite book |last1=Knight |first1=C |editor=Frey, U|editor2=Stormer, C|editor3=Willfuhr, KP |year=2010 |title=Homo Novus - A Human Without Illusions |publisher=Springer-Verlag |location=Berlin Heidelberg |pages=193-211|url=http://www.chrisknight.co.uk/wp-content/uploads/2007/09/The-Origins-of-Symbolic-Culture.pdf |format=[[PDF]]}}</ref>
และนัก[[สังคมวิทยา]]<ref>Durkheim, E. (1965). ''The Elementary Forms of the Religious Life.'' New York (NY) : Free Press.</ref>
เพื่อทำ[[วัฒนธรรม]]ของมนุษย์[[สปีชีส์]] ''Homo sapiens'' ให้แตกต่างจากวัฒนธรรมทั่ว ๆ ไปที่สัตว์อื่น ๆ มากมายมี
การมีวัฒนธรรมสัญลักษณ์ไม่ใช่เป็นเพียงแต่ความสามารถในการสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งเท่านั้น
แต่ต้องมีการบัญญัติสิ่งที่จริง ๆ แล้วไม่มีในโลก แต่ปรากฏเหมือนเป็นสิ่งที่มีจริง ๆ ในวัฒนธรรมนั้น ๆ
ยกตัวอย่างคือ ความดีความชั่ว [[พระเป็นเจ้า]]และ[[นรก]] และบัญญัติที่เป็นที่ยอมรับของสังคมอื่น ๆ เช่น[[เงินตรา]]และ[[ระบบประชาธิปไตย]]<ref>Chase. P. G. (1994). "On symbols and the palaeolithic". ''Current Anthropology'' 35 (5) : 627-9.</ref>
}}<!--*** จบเชิงอรรถ ***-->
ภาษา และเทคโนโลยีหินแบบเฉพาะงานเริ่มขึ้นที่ประมาณ 50,000 ปีก่อนตามข้อมูลทาง[[มานุษยวิทยา]]<ref>{{cite journal |last=Mellars |author-link=Paul Mellars |first=Paul |date=June 20, 2006 |title=Why did modern human populations disperse from Africa ''ca.'' 60,000 years ago? A new model |journal=[[Proceedings of the National Academy of Sciences|Proc. Natl. Acad. Sci. U.S.A.]] |volume=103 |issue=25 |pages=9381–9386 |bibcode=2006PNAS..103.9381M |doi=10.1073/pnas.0510792103 |issn=0027-8424 |pmc=1480416 |pmid=16772383|doi-access=free }}</ref>
แม้ว่าจะมีนักวิทยาศาสตร์บางส่วนที่เสนอว่า ความจริงเป็นการพัฒนาทางพฤติกรรมอย่างค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปในช่วงระยะเวลาที่ยาวนานยิ่งกว่านั้นที่อาจนานถึง 300,000 ปี
และเริ่มมีหลักฐานแล้วว่าพฤติกรรมปัจจุบันนั้น ความจริงมีปรากฏแล้วก่อนหน้านั้น<ref name=Miller2006 />
 
ในปัจจุบันนี้ วิวัฒนาการของมนุษย์ปัจจุบันก็ยังเป็นไปอยู่ แต่อยูต่ที่ปรากฏเร็ว ๆ นี้ดูเหมือนจะจำกัดอยู่ในเรื่องภูมิต้านทานต่อโรคติดต่อโดยมาก<ref name=Diamond2002 />
แต่เพราะไร้เหตุกดดันทาง[[การทางการคัดเลือกโดยธรรมชาติ]] หรือเพราะเหตุอื่น ๆ วิวัฒนาการของมนุษย์เร็ว ๆ นี้ โดยมากก็จะเป็นการเปลี่ยน[[ความถี่]][[ยีน]]อย่างไม่เจาะจง (genetic drift)
นอกจากนั้นแล้ว ยังปรากฏอีกด้วยว่า ทั้งมนุษย์ทั้ง[[วงศ์ว่างศ์ลิงใหญ่]]แอฟริกัน (รวมกอริลลาและชิมแปนซี) ปรากฏการวิวัฒนาการที่ช้าลงจากลิงสายพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งอาจเกิดขึ้นเพราะแต่ละชั่วอายุมีความยาวนานยิ่งขึ้น<ref name=Bradley2008 />
 
คำว่า "มนุษย์ว่าย์" ในบริบทของวิวัฒนาการมนุษย์ จะหมายถึงมนุษย์[[สกุล (ชีววิทยา)|สกุล]] ''[[Homo]]'' เท่านั้นมนุษน
 
== การจัดชั้นและการใช้ชื่อในบทความ ==
นักวิทยาศาสตร์มีความเห็นไม่เหมือนกับในการ[[การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์|การจำแนกชั้น]]ของสัตว์ใน[[วงศ์ลิงใหญ่]]<ref name="Encarta2006">{{Citation|last=Potts|first=Richard B.|title=Human Evolution|work=Microsoft Encarta 2006|year=2006}}</ref>
แผนผังด้านล่างแสดงการจำแนกชั้น''แบบหนึ่ง''ของ[[ไพรเมต]]/[[วงศ์ลิงใหญ่]]ที่ยังมีชีวิตอยู่ เป็นการจำแนกชั้นที่ให้ความสำคัญกับความใกล้เคียงกันทาง[[กรรมพันธุ์]]ของมนุษย์และลิง[[ชิมแปนซี]]<ref name=Wood2000 /><!--<ref>{{cite book | last1 = Cartmill | first1 = M. | last2 = Smith | first2 = F. He | title = The Human Lineage | publisher = John Wiley & Sons | year = 2011 | isbn = 978-1-118-21145-8 |url = http://books.google.com/books?id=X058kYnhxCOC&pg=PA90}}</ref><ref>{{cite book |title=Primate Taxonomy |publisher=Smithsonian Institution Press |year=2001 |author=Groves, C. P. |isbn=1-56098-872-X}} </ref> -->
โดยมีชื่อตาม[[อนุกรมวิธาน]]
เส้น 223 ⟶ 118:
มีงานศึกษาเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับกำเนิดและชีวิตของมนุษย์ ซึ่งก็คือ[[มานุษยวิทยา]] (anthropology) โดยเฉพาะบรรพมานุษยวิทยา (paleoanthropology) เป็นศาสตร์ที่พุ่งความสนใจไปที่มนุษย์[[ก่อนประวัติศาสตร์]]<ref>{{cite book |last1=Stanford |first1=Craig |last2=Allen |first2=John S. |last3=Anton |first3=Susan C. |title=Biological Anthropology (2nd Edition). |publisher=Prentice Hall |year=2012 |chapter=1 |isbn=0136011608 }}</ref>
 
ภายใน[[ศตวรรษ]]ที่ผ่านมาโดยเฉพาะใน[[ทศวรรษ]]ที่เพิ่งผ่าน ๆ มา ได้มีการสั่งสมหลักฐานซากดึกดำบรรพ์ (และทางอณูชีววิทยา) มากมายที่เริ่มชี้โครงสร้างการวิวัฒนาการอย่างคร่าว ๆ ของมนุษย์ปัจจุบันจากสายพันธุ์ที่แยกออกจาก[[ลิงชิมแปนซี]]<ref name=HHMI2011-Poster>{{Cite AV media | title = Bones, Stones, and Genes - The Origin of Modern Humans (Poster) | publisher = Howard Hughes Medical Institute (2011 Holiday Lectures on Science) | format = [[JPG]] | year = 2011 | accessdate = 2014-09-04 | url = http://media.hhmi.org/download/biointeractive/posters/2011%20human%20evolution.jpg?download=true}} </ref> โดยที่รายละเอียดประวัติการวิวัฒนาการและการจัดชั้นของสกุลและสปีชีส์ต่าง ๆ ยังมีการเพิ่มและปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเป็นปีต่อปี<ref name="raven2002">{{cite web|last1=Johnson|first1=George B.|last2=Raven|first2=Peter H.|last3=Singer|first3=Susan|last4=Losos|first4=Jonathan|year=2002|title=Biology/6e|url=http://www.mhhe.com/biosci/genbio/raven6b/graphics/raven06b/other/raven06b_23.pdf|publisher=McGraw-Hill Higher Education|format=[[PDF]]|accessdate=2014-02-23}}</ref> เพราะได้หลักฐานใหม่ ๆ ที่ช่วยยืนยันหรือปฏิเสธ[[สมมติฐาน]]ที่มีอยู่ต่าง ๆ เพราะฉะนั้น เป็นอันหวังได้ว่า บทความจะมีข้อมูลที่ล้าหลังหลักฐานใหม่ ๆ ไปบ้าง
 
=== หลักฐานทางอณูชีววิทยา ===
เส้น 233 ⟶ 128:
]]
 
สำหรับสัตว์ (รวมทั้งมนุษย์) ที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือสำหรับสัตว์ที่สูญพันธุ์แล้ว (รวมทั้งสายพันธุ์ต่าง ๆ ของมนุษย์) แต่ยังหา[[สารอินทรีย์]]ที่ประกอบด้วย[[ดีเอ็นเอ]]ได้ หลักฐานทาง[[อณูชีววิทยา]]นั้นสามารถให้ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์ โดยใช้ประกอบร่วมกับข้อมูล[[ซากดึกดำบรรพ์]]และข้อมูลสัตว์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ดังต่อไปนี้<ref name="Bradley2008">{{cite journal|author=Bradley, B. J.|year=2008|title=Reconstructing Phylogenies and Phenotypes: A Molecular View of Human Evolution|journal=Journal of Anatomy|volume=212|issue=4|pages=337-353|doi=10.1111/j.1469-7580.2007.00840.x|pmc=2409108|pmid=18380860}}</ref> คือ
* ช่วงเวลาที่สัตว์ (รวมทั้งมนุษย์) สองพันธุ์ โดยเฉพาะพันธุ์ที่ใกล้ชิดกัน
** เกิดการแยกสายพันธุ์กัน (เช่นการแยกสายพันธุ์ของมนุษย์จากลิง[[ชิมแปนซี]]) หรือ
เส้น 455 ⟶ 350:
ต่อจากนั้น ก็เริ่มมีการใช้วิธีการทาง[[กรรมพันธุ์]]เพื่อตรวจสอบและแก้ประเด็นปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้
 
การอพยพของมนุษย์ยุคต้นก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อมนุษย์ ''H. ergaster/erectus'' เป็น ''Homo'' รุ่นแรกที่อพยพออกจาก[[แอฟริกา]]ผ่านช่องทางที่เรียกว่า "[[Levantine]] corridor" (ช่องทาง[[เลแวนต์]]) โดยผ่านเขต[[จะงอยแอฟริกา]] ไปทาง[[ยูเรเชีย]] เริ่มตั้งแต่ {{Ma|1.8}}<ref name="Garicia2009">{{Cite doi|10.1016/j.quageo.2009.09.012}} <!-- Garcia, T et Al. (2010). "Earliest human remains in Eurasia: New 40Ar/39Ar dating of the Dmanisi hominid-bearing levels, Georgia". Quaternary Geochronology, 5 (4), 443-451. --></ref>
หลังจากนั้นก็ตามด้วย ''H. antecessor'' ไปทาง[[ยุโรป]]เมื่อ 800,000 ปีก่อน แล้วตามด้วย ''H. heidelbergensis'' ซึ่งเป็นสปีชีส์ที่น่าจะเป็นบรรพบุรุษของทั้ง[[มนุษย์ปัจจุบัน]] (โดยสายที่อยู่ในแอฟริกา) และของ [[Neanderthal]] (โดยสายที่อยู่ในยูเรเชีย) เมื่อ 600,000 ปีก่อน<ref name=Finlayson2005>{{cite journal |doi=10.1016/j.tree.2005.05.0191 |last=Finlayson |first=Clive |year=2005 |title=Biogeography and evolution of the genus Homo |journal=Trends in Ecology & Evolution |publisher=Elsevier |volume=20 |issue=8 |pages=457-463 |pmid=16701417}}</ref>
 
เส้น 465 ⟶ 360:
ซึ่งพร้อมกับแบบจำลองของการอพยพออกจาก[[แอฟริกาตะวันออก]]
เป็นแบบกำเนิดมนุษย์ที่[[ความเห็นพ้องทางวิทยาศาสตร์|หมู่วิทยาศาสตร์ยอมรับ]]มากที่สุดจนถึงปี ค.ศ. 2006<ref name=Liu2006>
{{cite journal | author = Liu, H; Prugnolle, F; Manica, A; Balloux, F | title = A geographically explicit genetic model of worldwideDD human-settlement history | journal = Am. J. Hum. Genet. | volume = 79 | issue = 2 | pages = 230-7 | date = 2006-08 | pmid = 16826514 | pmc = 1559480 | doi = 10.1086/505436 | quote = Currently available genetic and archaeological evidence is supportive of a recent single origin of modern humans in East Africa. However, this is where the consensus on human settlement history ends, and considerable uncertainty clouds any more detailed aspect of human colonization history. }}</ref><ref>{{Cite doi|10.1126/science.308.5724.921g}}<!--{{cite journal | title = Out of Africa Revisited | journal = Science | volume = 308 | issue = 5724 | page = 921 | date = 2005-05-13 }}--></ref><ref name="Johanson2001">{{cite web|author=Johanson, D|date=May 2001|title=Origins of modern humans: multiregional or out of Africa?|url=http://www.actionbioscience.org/evolution/johanson.html|url-status=live|publisher=ActionBioscience|accessdate=2014-09-09|archiveurl=https://www.webcitation.org/5uQpZnojk?url=http://www.actionbioscience.org/evolution/johanson.html|archivedate=2010-11-22}}</ref>
 
โดยเปรียบเทียบกัน "'''[[สมมติฐาน]]วิวัฒนาการภายในหลายเขต'''" (Multiregional Evolution) เสนอว่ามนุษย์สกุล''โฮโม'' มีเพียงสปีชีส์เดียวที่มีกลุ่มประชากรต่าง ๆ ที่มีการติดต่อกันตั้งแต่ต้น ไม่ใช่มีสปีชีส์ต่าง ๆ กัน
เส้น 502 ⟶ 397:
'''Genetic admixture''' เกิดขึ้นเมื่อสัตว์หรือบุคคลจากกลุ่มประชากรที่ก่อนหน้านี้อยู่แยกขาดจากกันเกิดการผสมพันธุ์กัน มีผลเป็นการสร้างสายพันธุ์ใหม่ในประชากร ซึ่งบางครั้งมีผลเป็นการทำการปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ (local adaptation) ให้เนิ่นช้า เพราะว่าได้รับเอา[[ลักษณะทางพันธุกรรม]] (genotype) ที่ไม่ได้มีการปรับตัว ที่ไม่เหมือนกับของบุคคลในพื้นที่ มีผลเป็นการป้องกันการเกิดสปีชีส์ใหม่เพราะทำกลุ่มต่าง ๆ ให้เหมือนกัน
}}<!--*** จบเชิงอรรถ ***-->
กันระหว่าง[[มนุษย์ปัจจุบัน]]กับ[[สปีชีส์]]ต่าง ๆ ของกลุ่ม[[มนุษย์โบราณ]]อีกด้วย<ref name="Alves2012">{{Cite doi|10.1371/journal.pgen.1002837}} <!-- Isabel Alves et al. (2012) Genomic Data Reveal a Complex Making of Humans --> {{PDFlink|[http://www.plosgenetics.org/article/fetchObject.action?uri&#61;info%3Adoi%2F10.1371%2Fjournal.pgen.1002837&representation&#61;PDF Full Article]}} </ref><ref name="Abi-Rached2011">{{Cite doi|10.1126/science.1209202}} [http://digitalcommons.unl.edu/cgi/viewcontent.cgi?article=1122&context=publichealthresources archive (Aug 2011)]<!-- {{cite journal| author=Abi-Rached, L et Al. |title=The shaping of modern human immune systems by multiregional admixture with archaic humans |journal=Science |volume=334 |issue=6052 |date=2011-08-25 |doi=10.1126/science.1209202 |pmid=21868630 |bibcode = 2011Sci...334...89A | pages=89-94 | pmc=3677943 }}--></ref>
คือ ในปี ค.ศ. 2010 [[การหาลำดับดีเอ็นเอ]]ของ Neanderthal (''Homo neanderthalensis'')
และของ Denisovan (''Denisova hominin'')
เส้น 606 ⟶ 501:
ซึ่งใน[[มนุษย์ปัจจุบัน]]มีขนาดเฉลี่ย 1,330 ซม<sup>3</sup> ใหญ่กว่าของลิง[[ชิมแปนซี]]หรือลิง[[กอริลลา]]มากกว่าสองเท่า<ref name=Schoeneman2006>{{cite journal |title=Evolution of the Size and Functional Areas of the Human Brain |last=Schoenemann |first=P. Thomas |journal=Annu. Rev. Anthropol |year=2006 |volume=35 |pages=379-406 |accessdate=20 กันยายน 2014 |doi=10.1146/annurev.anthro.35.081705.123210 |format=[[PDF]] |url=http://www.indiana.edu/~brainevo/publications/annurev.anthro.35.pdf |archive-date=2015-06-09 |archive-url=https://web.archive.org/web/20150609083902/http://www.indiana.edu/~brainevo/publications/annurev.anthro.35.pdf |url-status=dead }}</ref>
การขยายขนาดสมอง{{Efn-ua |name=encephalization}} เริ่มขึ้นที่มนุษย์[[สกุล (ชีววิทยา)|สกุล]] ''Homo habilis'' ซึ่งมีขนาดสมองที่ประมาณ 610 ซม<sup>3</sup> เป็นขนาดที่ใหญ่กว่าลิงชิมแปนซีเล็กน้อย (ระหว่าง 300-500 ซม<sup>3</sup><ref name="O'Neil2012-transitional">{{Cite web | title = Early Transitional Humans | publisher = Anthropology Department, Palomar College | url = http://anthro.palomar.edu/homo/homo_1.html | last = O'Neil | first = Dennis | year = 2012 | accessdate = 20 กันยายน 014 }}{{ลิงก์เสีย|date=ตุลาคม 2021 |bot=InternetArchiveBot |fix-attempted=yes }}</ref>)
ตามมาด้วย ''Homo ergaster/erectus'' ที่ขนาดเฉลี่ย 850 ซม<sup>3</sup><ref name="Swisher2002">{{cite book|last1=Swisher|first1=Carl C.|title=Java Man|last2=Curtis|first2=Garniss H|last3=Lewin|first3=Roger|publisher=Abacus|year=2002|isbn=0-349-11473-0}}</ref>
ไปสุดที่ Neanderthal ที่ขนาดเฉลี่ย 1,500 ซม<sup>3</sup><ref name=AusMus-neanderthalensis2013 />
ซึ่งใหญ่กว่าของมนุษย์ปัจจุบันเสียอีก
เส้น 651 ⟶ 546:
[[ไฟล์:Teilhardina belgica.jpg|thumb|''Teilhardina belgica'']]
 
ประวัติวิวัฒนาการของ[[ไพรเมต]]โดย[[ซากดึกดำบรรพ์]]ย้อนเวลาไปประมาณ {{Ma |55}}ในช่วงที่มีอากาศร้อน<ref name="Fleagle2011">{{cite web|last1=Fleagle|first1=J|last2=Gilbert|first2=C|year=2011|title=Primate Evolution|url=http://alltheworldsprimates.org/John_Fleagle_Public.aspx|accessdate=2014-09-04}}</ref>
[[สปีชีส์]]ของ[[ไพรเมต]]ที่เก่าที่สุด (ที่รู้จัก)
ก็คือสัตว์คล้าย[[มาโมเสท]][[สกุล (ชีววิทยา)|สกุล]] ''Teilhardina'' ที่อยู่ใน[[ทวีปยุโรป]] [[อเมริกาเหนือ]] และ[[เอเชีย]] ระหว่าง {{Ma|47|56}} ในต้นสมัย Eocene (ซึ่งอยู่ในกลาง[[ยุคพาลีโอจีน]])<ref name=Beard2008>{{cite journal | author = Beard, K.C. | year = 2008 | title = The oldest North American primate and mammalian biogeography during the Paleocene-Eocene Thermal Maximum | journal = Proceedings of the National Academy of Sciences | volume = 105 | issue = 10 |pages = 3815 | url = http://www.carnegiemnh.org/vp/media/beard.pnas.2008.pdf | format = [[PDF]] | doi = 10.1073/pnas.0710180105 | pmid = 18316721 | pmc = 2268774 | access-date = 2015-03-13 | archive-date = 2009-01-31 | archive-url = https://web.archive.org/web/20090131022953/http://www.carnegiemnh.org/vp/media/beard.pnas.2008.pdf | url-status = dead }}</ref>
เส้น 785 ⟶ 680:
 
== วิวัฒนาการของสกุล ''โฮโม'' ==
สมาชิกเก่าแก่ที่สุดของสกุล ''Homo'' ก็คือ ''H. habilis'' ซึ่งเกิดวิวัฒนาการที่ {{Ma |2.3}}<ref name="AusMus-habilis2013">{{cite web|date=2013-09-16|title=Homo habilis|url=http://australianmuseum.net.au/Homo-habilis|publisher=Australian Museum|accessdate=2014-09-09}}</ref>{{efn-ua | name = NoteOldestHabilis}}
เป็น[[สปีชีส์]]แรกที่มีหลักฐานชัดเจนว่าใช้[[เครื่องมือหิน]]{{Efn-ua | name = OldestStoneTool}}
ที่สร้างโดยมีระดับความซับซ้อนที่เรียกว่าเทคโนโลยีหิน Oldowan
เส้น 798 ⟶ 693:
เป็นมนุษย์[[สกุล (ชีววิทยา)|สกุล]] ''Homo'' พวกแรกที่อพยพออกไปตั้งถิ่นฐานทั่ว[[ทวีปแอฟริกา]] [[ทวีปเอเชีย]] และ[[ทวีปยุโรป]] เริ่มตั้งแต่ {{Ma|1.8}}<ref name=Garicia2009 />
แต่ก็มีกลุ่มหนึ่งของ ''H. erectus'' ที่ดำรงอยู่ในทวีปแอฟริกา (หรือเรียกว่า African ''H. erectus'') ซึ่งบางครั้งจัดเป็นสปีชีส์ต่างหากคือ ''H. ergaster'' (ซึ่งได้รับการเสนอว่า เป็นบรรพบุรุษของ ''H. sapiens'')<ref name=Hazarika2007>{{cite news | last = Hazarika | first = Manji | title = ''Homo erectus/ergaster'' and Out of Africa: Recent Developments in Paleoanthropology and Prehistoric Archaeology | date = 16-30 June 2007}}</ref>
เชื่อกันว่านี้เป็นสปีชีส์แรก ๆ ที่สามารถควบคุมไฟ<ref name="discover2013"><!-- Fire by Homo Erectus at Wonderwerk Cave in South Africa (1.8 Ma) - lay information --> {{cite web|last1=Miller|first1=Kenneth|date=2013-12-07|title=Archaeologists Find Earliest Evidence of Humans Cooking With Fire|url=http://discovermagazine.com/2013/may/09-archaeologists-find-earliest-evidence-of-humans-cooking-with-fire#.UpHIM2tYCSN|publisher=Discover Magazine}}</ref>
 
[[ซากดึกดำบรรพ์ช่วงเปลี่ยนสภาพ]] (transitional fossil) ที่เก่าที่สุดระหว่าง ''H. ergaster/erectus'' และมนุษย์ที่เกิดต่อ ๆ มา คือกลุ่มมนุษย์โบราณ มาจาก[[ทวีปแอฟริกา]]