พลังจิตเป็นพลังอำนาจอันลึกลับที่มนุษย์เข้าใจกันว่า ในตัวของมนุษย์ด้วยกันจะมีความสามารถพิเศษ และมีพลังเหนือธรรมชาติ ในปัจจุบัน ยังไม่มีการทดลองหรือวิจัยแน่ชัดว่าพลังจิตมีอยู่จริงหรือไม่

ความเข้าใจ

แก้

เราทุกคนนั้นมีพลังอยู่ภายในตัวของเราเอง แต่ทุกวันนี้มนุษย์กลับสามารถนำเอาพลังจิตที่ตนเองมีออกมาใช้งานได้เพียงแค่เศษเสี้ยวเดียวของพลังจิตทั้งหมด โดย ร่างกายไม่สามารถเข้าไปบังคับควบคุมพลังจิตเหล่านั้นได้[ต้องการอ้างอิง]

จิตไร้สำนึกเป็นจิตที่มีพลังมากที่สุด พลังจิตในส่วนของจิตไร้สำนึกจึงเป็นพลังจิตในส่วนที่มีพลังอันไร้ขอบเขต และเป็นพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตของเราได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งก็หมายความถึงว่า มนุษย์ผู้ที่มีความสามารถในการดึงเอาพลังจิตจากจิตไร้สำนึกออกมาใช้งานได้ จะเป็นผู้ที่สามารถกำหนดความเป็นไปในชีวิตให้แก่ตนเองได้[ต้องการอ้างอิง]

ในประเทศไทยความเชื่อเรื่องพลังจิตมักนำความเชื่อทางไสยศาสตร์เข้ามาปะปน จนแทบไม่เหลือเค้าโครงหรือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ และยังมีการอ้างอิงอันเท็จว่าไอน์สไตน์ได้หันสนใจในพระพุทธศาสนา ด้วยความเชื่อทางพลังจิต[ต้องการอ้างอิง]

นิรุกติศาสตร์

แก้

ในปี ค.ศ. 1942 นักเขียนสองคน ได้แก่ นักชีววิทยา เบอร์โทลด์ วิสเนอร์ (Bertold Wiesner) และนักจิตวิทยา โรเบิร์ต โธเลสส์ (Robert Thouless) ได้นำคำว่า "psi" (มาจาก ψ psi อ่านออกเสียงว่า "พซาย" ซึ่งเป็นอักษรตัวที่ 23 ของอักษรกรีก) มาใช้ในวิชาปรจิตวิทยาในบทความที่ตีพิมพ์ในวารสาร British Journal of Psychology [1] (ตัวอักษรกรีกตัวนี้ถูกเลือกใช้เนื่องจากเป็นอักษรตัวแรกของคำภาษากรีก ψυχή [psyche] ซึ่งแปลว่า "จิตใจ" หรือ "จิตวิญญาณ" [2][3]) จุดประสงค์ก็คือว่า "psi" จะแสดงถึง "ปัจจัยที่ไม่รู้จัก" (unknown factor) ในการรับรู้ด้วยสัมผัสพิเศษหรือสัมผัสที่หก (extrasensory perception) และการเคลื่อนย้ายวัตถุด้วยอำนาจจิต (psychokinesis) ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เชื่อกันว่าไม่สามารถอธิบายได้ด้วยกลไกทางกายภาพหรือทางชีววิทยาใดๆ ที่ทราบอยู่แล้ว [4][5] ในหนังสือปี 1972,[6] Thouless ยืนกรานว่าเขาและ Wiesner เป็นผู้คิดคำว่า "psi" ขึ้นมาก่อนที่จะนำมาใช้ในวงการนิยายวิทยาศาสตร์ โดยอธิบายว่าพวกเขามีเจตนาที่จะสร้างคำศัพท์ที่เป็นกลางมากกว่า "ESP" ซึ่งจะไม่บ่งบอกถึงทฤษฎีกลไกที่มีอยู่ก่อนแล้ว [7]

คำว่า "พลังจิต" ปรากฏครั้งแรกในนวนิยายขนาดสั้นของนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชื่อ แจ็ค วิลเลียมสันThe Greatest Invention[8]—ซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสาร Astounding Science Fiction ในปี ค.ศ. 1951 [9]

อ้างอิง

แก้
  1. Thouless, R. H. (1942). "Experiments on paranormal guessing". British Journal of Psychology. London, England: Wiley-Blackwell. 33: 15–27. doi:10.1111/j.2044-8295.1942.tb01036.x.
  2. "Parapsychology FAQ Page 1". Parapsych.org. 2008-02-28. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-06-26. สืบค้นเมื่อ 2014-04-11.
  3. "Glossary of Psi (Parapsychological) Terms (L-R)". Parapsych.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-08-24. สืบค้นเมื่อ 2014-04-11.
  4. Irwin, Harvey J.; Watt, Caroline A. (2007). An Introduction to Parapsychology (5th ed.). Jefferson, North Carolina: McFarland & Company. p. 6. ISBN 978-0786430598.
  5. Wynn, Charles M.; Wiggins, Arthur W. (2001). Quantum Leaps in the Wrong Direction: Where Real Science Ends...and Pseudoscience Begins. Joseph Henry Press. p. 152. ISBN 978-0309073097.
  6. Thouless, Robert Henry (1972), From Anecdote to Experiment in Psychical Research, Routledge & Kegan Paul Books.
  7. Nicholls, Peter and Brian Stableford: Entry, "Psi Powers" in Clute, John; Nicholls, Peter (1995), The Encyclopedia of Science Fiction, New York: St. Martin's Press, p. 971.
  8. Williamson, Jack (July 1951), The Greatest Invention, Astounding Science Fiction, pp. 56–96.
  9. Nevala-Lee, Alec (2018), Astounding: John W. Campbell, Isaac Asimov, Robert A. Heinlein, L. Ron Hubbard, and the Golden Age of Science Fiction, New York: Dey Street Books/HarperCollins, p. 303 and n. p. 470. Nevala-Lee's text has 1950, but his citation has the correct date (1951).