ผู้ใช้:Ying.Arpakorn/กระบะทราย

Internet of Things อินเทอร์เน็ตของสิ่งต่างๆ รอบตัว (The Internet of Things) Internet of Things= IOT หรือ “อินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง” หมายถึง การที่สิ่งต่างๆ ถูกเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ต ทำให้มนุษย์สามารถสั่งการ ควบคุมใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เช่น การสั่งเปิด-ปิด อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องมือสื่อสาร เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องมือทางการเกษตร เครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม อาคาร บ้านเรือน เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นต้นซึ่งต่อมาได้กลายเป็นเทคโนโลยี RFID หรือ การระบุ ด้วยป้ายชื่อที่อ่านด้วยคลื่นวิทยุ ต่อมา เราก็นำเครื่องอ่าน RFID มาใช้ในการสังเกตการณ์ ว่ามีวัตถุอะไรผ่านมาที่จุดที่เราสนใจหรือไม่ เครื่องอ่านเหล่านี้ก็คือสายลับหรืออุปกรณ์ตรวจสอบว่า มีวัตถุใดอยู่ใกล้ตัวมัน


นับจากนั้นเป็นต้นมา ความหมายของ IOT ก็มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยหมายความถึงการนำอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีการใช้งานในชีวิตประจำวัน ซึ่งสามารถอ่านค่า จดจำค่า (Recognisable) ระบุตำแหน่ง และสามารถบริหารควบคุมได้โดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยไม่ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีทางกายภาพที่ใช้ในการเชื่อมต่อ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อโดยใช้เทคโนโลยี RFID เครือข่าย WLAN เครือข่าย LAN แบบใช้สาย เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ฯลฯ ก่อให้เกิดการพัฒนาทางเทคโนโลยี เพื่อเสริมขีดความสามารถให้อุปกรณ์และเครื่องใช้ต่างๆ มีขีดความสามารถในการเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต และต่อยอดด้วยการพัฒนาแอปพลิเคชั่นต่างๆ ตามความเหมาะสม และความต้องการของตลาด ซึ่งอุปกรณ์และเครื่องใช้เหล่านี้มีตั้งแต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ยานพาหนะอัจฉริยะ ไปจนถึงเครื่องใช้สามัญที่มีการใช้งานในชีวิตประจำวัน อย่างตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น ฯลฯ ดังนั้นความหมายของ “Things” ของ IOT จึงครอบคลุมกว้างขวาง ตั้งแต่ผู้คน (People) ตำแหน่งที่อยู่ (Location) ของอุปกรณ์ เวลาที่ใช้ในการเก็บข้อมูล (Time Information) และเงื่อนไขในการเก็บข้อมูล (Condition)


การเติบโตของสินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ตั้งแต่อุปกรณ์ประมวลผลแบบสวมใส่ได้ (Wearable Device) เช่น นาฬิกาอัจฉริยะ (Smart Watch) อุปกรณ์ทางการแพทย์และสุขภาพที่พกพาและสามารถรายงานผลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ อุปกรณ์ควบคุมรถอัจฉริยะ ฯลฯ เริ่มมีการขยายตัวอย่างกว้างขวางในเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2556 ที่ตลาดผู้บริโภคให้ความสนใจตอบรับในเทคโนโลยีไฮเทคเหล่านี้มากขึ้น ข้อมูลจากบริษัท CISCO ดังแสดงในรูปที่ 1 ระบุว่ามีการขยายตัวของอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Connected Device) อย่างต่อเนื่องโดยในปี พ.ศ. 2553 ทั่วโลกมีอุปกรณ์ดังกล่าวถึง 12,500 ล้านเครื่อง และประมาณการณ์ว่าจำนวนอุปกรณ์จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 25,000 ล้านเครื่อง ในปี พ.ศ. 2558 และกลายเป็น 50,000 ล้านเครื่องในปี พ.ศ. 2563 ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นจำนวนของอุปกรณ์จะมีค่ามากกว่าจำนวนประชากรทั่วโลกถึงกว่า 6 เท่า การนำสิ่งของต่างๆมาติดป้ายและสามารถอ่านได้ทางระบบที่ต่อกับอินเทอร์เน็ตมีประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจการขนส่งสินค้า การควบคุมการผลิตในโรงงาน การขายปลีกในห้าง รวมไปถึงการรักษาความปลอดภัยในสนามบิน หรือการควบคุมการเคลื่อนไหวของสินค้า หรือการป้องกันการลักขโมยสินค้าในห้าง

หลายประเทศ เริ่มที่จะมีป้ายทะเบียนรถ หรือป้ายจ่ายค่าทางด่วนเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีประโยชน์ต่อการใช้เครื่องอ่านข้างถนน ตรวจสอบว่ารถที่วิ่งผ่านไปคือรถทะเบียนอะไร หากมีการใช้งานกันอย่างทั่วถึง การติดตามรถหาย คงไม่ต้องวิ่งตามแล้วครับ มันโผล่มาบนแผนที่เองเลยว่าอยู่ที่ไหน ส่งตำรวจไปดักจับข้างหน้าได้เลย

ในปัจจุบัน RFID ถูกนำมาติดกับร่างกายของสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข หรือสัตว์ในฟาร์ม เพื่อใช้เป็นป้ายประจำตัวบอกชื่อว่าใครเป็นใคร หากท่านจะนำสุนัขของท่านไปยุโรป ท่านต้องไปให้นายทะเบียนทำป้ายอิเล็กทรอนิกส์ให้เพื่อบ่งบอกว่าใครเป็นเจ้าของ พ่อพันธุ์แม่พันธุ์สัตว์ส่วนใหญ่ ก็ต้องมีการติดป้าย RFID เพื่อบอกว่าใครเป็นใคร

การส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ หลายแห่งเริ่มมีการควบคุม ตอดเครื่องอ่านเพื่อคุ้มครองว่า สิ่งต่างๆเมื่ออยู่ระหว่างการขนส่ง ไม่มีใครเคลื่อนย้าย หรือนำสินค้าปลอมมาสลับสับเปลี่ยน หากมีใครเปิดคอนเทนเนอร์ รวมทั้งเคลื่อนย้ายสินค้าที่อยู่ระหว่างการเดินทาง เครื่องอ่าน RFID ที่ตู้คอนเทนเนอร์จะส่งสัญญาณแจ้งให้เจ้าของทราบทันที การที่เรานำสิ่งของจำนวนมาก มาติดป้ายอิเล็กทรอนิกส์ และมีเครื่องอ่านอยู่ทุกหัวระแหง เราเรียกว่า “Internet of Things”

หากป้ายชื่ออิเล็กทรอนิกส์มีอุปกรณ์ตรวจวัด (sensor) คอยตรวจจับสภาพแวดล้อมต่างๆ อยู่ด้วย ป้ายชื่อเหล่านั้นก็จะเก่งขึ้นอีก เช่น ในการส่งออกอาหารแช่แข็ง จำเป็นต้องมีการรับรองว่าในระหว่างการขนส่ง ต้องควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่ถูกต้องตลอดเวลา ขณะนี้ในประเทศไทยเราสามารถสร้างป้ายชื่อที่มีระบบบันทึกอุณหภูมิ ซึ่งพร้อมที่จะรายงานประวัติการเดินทางได้ว่าผ่านหรือไม่ผ่านมาตรฐานที่ควบคุม

ทุกๆท่านที่ใช้ Smart phone ในวันนี้ ก็ถือว่าท่านเข้าสู่โลกของ Internet of things โทรศัพท์ของท่าน ต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา และหากท่านอนุญาต มันจะส่งตำแหน่งของท่าน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก แจกให้กับเพื่อนๆที่ท่านอนุญาตให้ติดตามท่านได้อยู่แล้ว

ด้านระบบจราจรและขนส่ง เช่นรถยนต์ จะมี sensor และระบบสมองกลฝังตัวที่ช่วยให้หลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ หรือ ระบบสื่อสารระหว่างยานพาหนะและโครงสร้างพื้นฐานจราจร เพื่อทราบสภาพจราจรล่วงหน้าเพื่อช่วยปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินทางให้หลีกเลี่ยงเส้นทางติดขัดหรือลดการสิ้นเปลือง และช่วยลดปัญหามลพิษเป็นต้น

ด้านการแพทย์สาธารณสุข ก็อาจจะได้เห็นเครื่องมือหรืออุปกรณ์ขนาดเล็กติดตัวผู้ป่วยหรือคนชราเพื่อติดตามเฝ้าระวังอาการและสื่อสารกับแพทย์และระบบข้อมูลสุขภาพได้ตลอดเวลา เหล่านี้เป็นต้น

ใครจะเถียงว่าเราไม่สามารถใช้ชีวิตได้สมบูรณ์โดยขาดอินเทอร์เน็ต เพราะหากไม่นับรวมช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน หรือช่วงที่ต้องการความสงบให้ร่างกายและจิตใจ ดูเหมือนอินเทอร์เน็ตจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิตของเราๆ ไปเสียแล้ว และการเข้าถึงการขยายขีดความสามารถมากขึ้น จากอดีตที่เราต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์รูปทรงเทอะทะ ตอนนี้ แค่มือถือเครื่องเล็กๆ แท็บเล็ตทรงแบนๆ หรือโน้ตบุ๊กแบบบางเบา ก็เข้าถึงอินเทอร์เน็ตกันได้ไม่ยากเย็น นี่ยังไม่รวมถึงทีวี กล้องถ่ายภาพ หรือพรินเตอร์ ที่มีคุณสมบัติเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ด้วย

ติดต่อการงาน : กลายเป็นความจำเป็นอย่างหนึ่งทีเดียว สำหรับการส่งข้อมูลถึงกันโดยผ่านอินเทอร์เน็ต ทั้งการรับ-ส่งอีเมล์งาน ธุรกิจ หรือการสื่อสารในรูปแบบที่ต้องการพ่วงรายละเอียดต่างๆ ประกอบการติดต่อ

แชต ทุกเวลา : ข้อนี้ทุกคนคงต้องเหยียดนิ้วเพิ่มออกมาแน่นอน เพราะสิ่งที่ทำให้พวกเราถูกเรียกว่า "สังคมก้มหน้า" ส่วนหนึ่งก็มาจากการก้มหน้าก้มตาแชตกับสารพัดกรุ๊ป กับสารพัดแอพพลิเคชั่นแชตนี่แหละ

เกมออนไลน์ : เป็นปัจจัยสำคัญที่แต่ละคนติดสมาร์ทโฟนเข้าอย่างจัง และผูกชีวิตไว้กับอินเทอร์เน็ต

เช็คข่าวสาร : อ่านแค่หนังสือพิมพ์ก็ยังไม่เพียงพอ ทุกวันนี้เรามีข่าวออนไลน์มากมายจากหลายแหล่ง อยากติดตามสถานการณ์บ้านเมือง หรือตามข่าวศิลปินดาราสุดโปรดก็หาอ่านกันได้เพียบ

ค้นข้อมูล : ใช่ว่าจะใช้อินเทอร์เน็ตไปกับเรื่องไร้สาระ เรายังค้นหาเรื่องราวหรือรายละเอียดเพิ่มเติมของสิ่งต่างๆ ได้จากอินเทอร์เน็ตด้วย

ช็อปปิ้งเพลินๆ : แดดร้อน หรือฝนตก ก็ไม่เป็นอุปสรรคของสาวๆ หรือหนุ่มๆ ที่ชอบช็อปปิ้งอีกต่อไป ก็เพราะมีสินค้ารอให้พวกคุณเลือกซื้ออยู่มากมายก่ายกอง ตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องสำอาง รองเท้า กระเป๋า

คลายหิว : ไม่ต้องทนโมโหหิวอีกแล้ว เพราะสารพัดขนม ผลไม้ หรือแม้แต่อาหารทะเลสดๆ ก็มีพร้อมจัดส่งจากการสั่งซื้อทางออนไลน์

ดูรายการโปรด : ไม่ต้องนั่งอยู่หน้าทีวีก็ติดตามรายการโปรดได้ ผ่านทางแอพพลิเคชั่นหรือเว็บไซต์ แค่กดดูจากสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเครื่องโปรดของคุณ

คลิป-ซีรีส์ ดูได้ไม่อั้น : แค่เข้าสู่คลังวิดีโอหรือเว็บไซต์ที่รวบรวมหนังหรือซีรีส์เอาไว้ เท่านี้คุณก็จะถูกสะกดให้นั่งแช่อยู่ได้ครึ่งค่อนวันหรือจนกระทั่งหมดวัน เพื่อดูมันตอนแล้วตอนเล่า

ระบายอารมณ์ : แค่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแล้วกดเข้าสู่โลกโซเชียล โลกทั้งใบก็จะอยู่ในมือคุณ จะโพสต์ข้อความ ภาพถ่าย หรือคำคม เพื่อประกาศให้โลกรู้ความคิดและอารมณ์ของคุณในช่วงเวลานั้นได้ในบัดดล

สิ่งที่น่ากังวลอย่างมากเกี่ยวกับภัยคุกคามประเภทนี้คือ ในหลายๆ กรณี ผู้ใช้อาจไม่ทราบว่าอุปกรณ์ของตนเองกำลังทำงานระบบปฏิบัติการที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตี อย่างไรก็ดี ซอฟต์แวร์ดังกล่าวมักจะถูกซ่อนไว้ในอุปกรณ์ และปัญหาอีกอย่างหนึ่งก็คือ ผู้ผลิตอุปกรณ์ไม่ได้จัดหาการอัพเดตให้แก่ลูกค้า ซึ่งอาจจะเป็นเพราะฮาร์ดแวร์มีข้อจำกัดหรือเทคโนโลยีที่ล้าสมัย เช่น ไม่สามารถรันซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ได้ และนี่คือตัวอย่างวิธีการหลีกเลี่ยงจากภัยคุกคามเหล่านี้

-เริ่มตรวจสอบว่าคุณมีอุปกรณ์อะไรบ้าง เพียงเพราะว่าอุปกรณ์ไม่มีหน้าจอหรือแป้นพิมพ์ ไม่ได้หมายความว่าอุปกรณ์นั้นๆไม่เสี่ยงต่อการถูกโจมตี

-หากอุปกรณ์บางอย่างเชื่อมต่อกับเครือข่ายในบ้านคุณ อุปกรณ์นั้นสามารถเข้าใช้งานผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ และดังนั้นอุปกรณ์นั้นจึงต้องได้รับการคุ้มครองความปลอดภัย

-ตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยบนอุปกรณ์ที่คุณซื้อ หากอุปกรณ์นั้นสามารถเข้าใช้งานผ่านการเชื่อมต่อระยะไกล ก็ควรปิดการใช้งานฟีเจอร์นี้หากไม่จำเป็นต้องใช้ เปลี่ยนรหัสผ่านที่ตั้งมาแต่แรกกับอุปกรณ์ให้เป็นรหัสผ่านที่คุณรู้เพียงคนเดียว อย่าใช้รหัสผ่านทั่วไปหรือรหัสผ่านที่สุ่มได้ง่าย เช่น “123456” หรือ “password” ควรใช้รหัสผ่านที่ประกอบด้วยตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์รวมกัน

-หมั่นตรวจสอบเว็บไซต์ของผู้ผลิตอย่างสม่ำเสมอเพื่อดูว่ามีอัพเดตสำหรับซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์ชิ้นนั้นหรือไม่ หากมีการตรวจพบจุดอ่อนด้านความปลอดภัย ผู้ผลิตจะแก้ไขจุดอ่อนนั้นในอัพเดตรุ่นใหม่สำหรับซอฟต์แวร์

Internet of Thing กับการประยุกต์ใช้ทางทหาร “Internet of Things” สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในด้านการทางทหารได้มากมาย เนื่องจากมีสิ่งอุปกรณ์ (สป.)มากมายที่ถูกใช้ในด้านการทหาร ยกตัวอย่างเช่น การนำมาประยุกต์ใช้ในด้านส่งกำลัง/ซ่อมบำรุง การบริหาร สิ่งอุปกรณ์ต่างๆ (Inventory Management) เช่น การบริหารจัดการ Inventory ของ อาวุธ, กระสุน, ยานพาหนะ และ สป. อื่นๆ อีกมากมาย ข้างต้นเป็นเพียงหนึ่งในหลายแนวทางการประยุกต์ใช้ “Internet of Things” ในด้านการทหาร และถ้าหากถูกนำไปประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลายในหน่วยทหาร แล้ว จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และประสิทธิผล ให้กับการบริหารจัดการทรัพยากรของกองทัพ ทั้งในภาพของหน่วย และในภาพรวม

ในปัจจุบันมีการพัฒนาการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเข้ากับสิ่งต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งการพัฒนาสิ่งเหล่านี้มักนำไปสู่ความไม่ปลอดภัยหรือสิ่งที่เรียกว่าภัยคุกคามด้านความปลอดภัยรูปแบบใหม่ โดยผู้ใช้มักคิดว่าอุปกรณ์ที่จะถูกคุกคามเป็นคอมพิวเตอร์แต่ไม่ได้คำนึงถึงสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ต่างๆที่ได้เชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ต ดังนั้นเราสามารถป้องกันอุปกรณ์ของเราได้โดย ตรวจสอบว่าเรามีอุปกรณ์อะไรบ้างที่ใช้เชื่อมต่อ หากอุปกรณ์นั้นสามารถเข้าใช้งานผ่านการเชื่อมต่อระยะไกล ก็ควรปิดการใช้งาน ควรเปลี่ยนรหัสผ่านที่ตั้งมาพร้อมกับอุปกรณ์รหัสผ่านที่ควรตั้ง จะต้องประกอบไปด้วยตัวอักษรตัวเลขและสัญลักษณ์จะดีที่สุด และควรอัพเดตซอฟแวร์อย่างสม่ำเสมอ เพราะหากทางผู้ผลิตพบข้อผิดพลาดหรือจุดอ่อนของอุปกรณ์ทางผู้ผลิตจะทำการอัพเดตซอฟแวร์ เพื่อป้องกันภัยคุกคามให้กับอุปกรณ์และผู้ใช้งาน

Internet of Things กับงานวิจัยต่างๆ

  • Internet Security เพราะโลกของอินเทอร์เน็ตปัจจุบันเกิดปัญหาความมั่นคงปลอดภัย การโจรกรรมข้อมูล การโจมตี การส่ง Spam email และอื่นๆอีกมากมาย ทั้งหมดนี้ก็จะไปเกิดใน Internet of Things ด้วยเช่นกันและจะยิ่งรุนแรงกว่าเพราะอุปกรณ์ต่างๆ มีผลโดยตรงกับการดำรงชีวิต เช่น หากสัญญาณไฟจราจรโดนเจาะระบบเปิดเป็นไฟเขียวรอบด้าน จะเกิดอะไรขึ้น จะป้องกันได้อย่างไร ในอนาคตอาจจะต้องมีระบบ Security ในบ้าน ในรถ ในที่ทำงาน สำหรับอุปกรณ์โดยเฉพาะและอาจจะมีระบบใหม่ๆเหนือไปกว่า firewall ที่มีในปัจจุบัน
  • ID Technology มีความสำคัญกับ Internet of Things เพราะอุปกรณ์จำนวนมากจะเชื่อมเข้าสู่อินเทอร์เน็ตจะต้องมีการอ้างอิง และเชื่อมโยงได้เช่นเดียวกับการใช้ Barcode หรือ RF-ID หรือจะใช้ IPv6 การกำหมดมาตรฐานของ ID และโปรโตคอลในการอ่าน การรับส่ง จึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน เราจะควบคุมไฟแสงสว่างในบ้าน ไฟแต่ละดวงก็ต้องมี ID ให้อ้างถึง ใครจะเป็นคนกำหนด จะเป็น ID มาจากโรงงานเหมือน MAC address หรือจะใช้ร่วมกับรหัส GS1 อย่างไร จำต้องมีการทำวิจัยและกำหนดมาตรฐานขึ้นมา
  • Wireless Sensor Network คนส่วนมากเมื่อกล่าวถึง Internet of Things จะนึกถึงเรื่อง WSN เพราะเป็นการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้มากสำหรับ Internet of Things เพราะอุปกรณ์หลายประเภทไม่ได้มีสายเชื่อมโยงกัน การใช้ wireless จึงสะดวกและทำให้เคลื่อนย้าย (mobility) ได้ WSN จะช่วยทั้งรับและส่งข้อมูลเช่นคำสั่งต่างๆ หรือค่าที่อ่านได้จากเซนเซอร์เข้ามาประมวลผลหรือรับส่งกับผู้ใช้ WSN จะต้อง่ายต่อการใช้งาน การติดตั้ง การใช้พลังงานอย่างฉลาด การสื่อสารแบบ Mobile Ad Hoc หรือ multi-hop ไปยังปลายทางให้ได้อย่างเสถียรภาพ แลัวยังต้องพิจารณาสองข้อด้านบนคือ security และ ID ด้วยเช่นกัน