๑๘ กรกฎาคม วันทหารพราน

"กว่าจะมาเป็นวันนี้ วันแห่งความภาคภูมิใจในเกียรติยศ ในศักดิ์ศรี วันที่ผู้บังคับบัญชาไว้วางใจ วันที่ประชาชนและสังคมยอมรับ เราต้องแลกมาด้วยเลือด ด้วยเนื้อ ด้วยชีวิต แลกมาด้วยความยากลำบากนานับประการ ต้องใช้ความเสียสละ เข้มแข็ง อดทน กล้าหาญ อย่างมาก "

          นับตั้งแต่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย   ได้เปิดฉากทำสงครามการเมือง   โดยเปิดเผยตั้งแต่  พ.ศ. ๒๕๐๘ เป็นต้นมา ภัยคุกคามจากคอมมิวนิสต์ได้ทวีความรุนแรงขึ้นตามลำดับและ ได้ขยายอิทธิพลไปทั่วประเทศ   รัฐบาลได้ทุ่มเทใช้กำลังทุกประเภท รวมทั้งกำลังทหารเข้าปราบปราม เป็นระยะเวลา ๑๐ ปีเศษ ก็ไม่สามารถทำลายกองกำลังของฝ่ายผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ลงได้ รัฐบาลโดย ทบ. ได้วิเคราะห์แนวทางปฏิบัติในขณะนั้นเป็นการปฏิบัติในลักษณะการทหารนำการเมืองเป็นการนำกำลังรบหลักปราบปรามกำลังจรยุทธ์ซึ่งไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรประกอบกับในขณะนั้นภัยคุกคามจากภายนอกประเทศทางด้านกัมพูชาพื้นที่รอยต่อ  ทภ.๑  กับ ทภ.๒   มีสถานการณ์ไม่เป็นที่ไว้วางใจ    ทบ.  มีความจำเป็นต้องถอนกำลังรบหลักในการปราบปราบผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ด้านกัมพูชากลับมาฝึกฟื้นฟูเพื่อเตรียมป้องกันประเทศตามแนวชายแดนด้านกัมพูชา ทำให้ขาดแคลนกำลังในการปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในด้านนี้ ทบ.จึงได้จัดทำโครงการหน่วยรบนอกแบบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจัดเป็นกำลังกึ่งทหารในลักษณะหน่วยอาสาสมัครพิเศษ  ภายใต้ชื่อรหัสโครงการว่า “โครงการ ๕๑๓” และได้เสนอขออนุมัติจัดตั้งไปยังหน่วยเหนือตามลำดับ โดยสุดท้ายคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้ดำเนินการตามโครงการ ๕๑๓  เมื่อ ๑๘ ก.ค. ๒๑ ซึ่งต่อมาในปี ๒๕๒๖ ทบ.  ได้อนุมัติให้วันที่ ๑๘ ก.ค. เป็นวันสถาปนาหน่วยทหารพราน

          โครงการ ๕๑๓  เป็นหน่วยรบนอกแบบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา  เดิมมี ๑๒ ชุดควบคุม  กำลังพล  ๑,๐๐๘ นาย ( กพ.ประจำการ ๔๘  นาย กพ.อส.ทพ. ๙๖๐ นาย )  และเมื่อ  ๑๙ ก.ค.๒๒  คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้จัดตั้งเพิ่มอีก ๒๑  ชุดควบคุม รวมเป็น ๓๓  ชุดควบคุม และเปลี่ยนนามหน่วยจากชุดควบคุมมาเป็นกองร้อย จากผลการปฏิบัติของหน่วยทหารพรานนั้นได้ผลเป็นที่น่าพอใจ สามารถลดอิทธิพลของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้เป็นอย่างดี  ทบ. จึงได้จัดตั้งกองร้อยทหารพรานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทุกพื้นที่ โดยให้อยู่ในความควบคุมดูแลของ ศปก. ทบ. หมายเลขต่างๆคือ

- ศปก.ทบ. ๓๐๙ รับผิดชอบพื้นที่ ทภ.๓ และอีสานตอนบน

- ศปก.ทบ. ๓๑๑ รับผิดชอบพื้นที่ ภาคใต้

- ศปก.ทบ. ๓๑๕ รับผิดชอบพื้นที่ ทภ.๑ และอีสานตอนใต้

          ในปลายปี ๒๕๒๓ ทบ. อนุมัติให้ ศปก.ทบ.  หมายเลขต่างๆ โอนความรับผิดชอบหน่วยทหารพรานให้กับ  ทภ. ต่างๆ ในเขตพื้นที่โดยเรียกว่า ฉก.อส.ทพ.ทภ. และยังคงกำลังบางส่วนไว้กับ ศปก.ทบ. ๓๑๕ โดยให้อยู่ในความควบคุมของชุดควบคุมและประสานงานโครงการ ๕๑๓  “ชค. ๕๑๓ ค่ายปักธงชัย”

           ในปี ๒๕๒๔ (๙ มิ.ย. ๒๔) ทบ. ได้อนุมัติให้จัดตั้งหน่วยรับผิดชอบทหารพราน ทบ. ขึ้นเรียกว่า ฉก.อส.ทพ.ทบ. โดยใช้ อฉก.ทพ.ทภ. เป็นแนวทาง มีที่ตั้งหน่วยอยู่ที่ ศปก.ทบ. สวนรื่นฤดี โดยมี จก.ยก.ทบ. เป็นนายทหารโครงการโดยตำแหน่ง เมื่อ  ๘ ก.ค. ๒๕  เปลี่ยนแปลงสายการบังคับบัญชาจากขึ้นตรง ยก.ทบ. มาเป็นหน่วยงานหนึ่งใน ศปก.ทบ.  และเมื่อ  ๑๘ ก.ค.๒๗ ทบ. ได้ออกคำสั่งแก้ไขนามหน่วยของ ฉก.อส.ทพ.ทภ. และ ฉก.อส.ทพ.ทบ. เป็น กกล.ทพ.ทภ. และ กกล.ทพ.ทบ. โดย กกล.ทพ.ทบ. ยังคงตั้งอยู่ใน ศปก.ทบ. สวนรื่นฤดี

          หน่วยทหารพรานที่จัดตั้ง ตั้งแต่ ปี ๒๕๒๑ – ๒๕๒๖ รวมทั้งสิ้น ๑๙๙ กองร้อย ทพ. ๒๗ กรม ทพ. จำนวนกองร้อย ในแต่ละ ทภ. ดังนี้

- ทภ.๑              จำนวน   ๒๘        กองร้อย

- ทภ.๒              จำนวน   ๕๒        กองร้อย

- ทภ.๓              จำนวน   ๕๓        กองร้อย

- ทภ.๔              จำนวน   ๓๔        กองร้อย

- ชค.๕๑๓          จำนวน   ๓๒        กองร้อย

          ๑ ต.ค. ๓๖ ตามแผนพัฒนากองทัพ ปี ๒๕๓๕ – ๒๕๓๙ ทบ. ได้อนุมัติให้ปรับลดกำลังทหารพราน ลง ๕๐ %

คงเหลือ ๑๑๑ กองร้อย ทพ. ๑๗ กรม ทพ. และให้ปรับรวมหน่วย กกล.ทพ.ทบ. กับ ชค.๕๑๓ ค่ายปักธงชัย เข้าเป็นหน่วยเดียวกันเรียกว่า กกล.ทพ.ทบ. ค่ายปักธงชัย ปฏิบัติงานตามโครงการ ๕๑๓ ภายใต้การกำกับดูแลของ ศปก.ทบ. ๓๑๕  ตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๓๖

          ค่ายปักธงชัยกำเนิดเมื่อ ๑๕ พ.ย. ๒๒ โดย ฯพณฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ขณะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกได้กรุณาตั้งชื่อค่ายและเดินทางมาเปิดด้วยตนเอง ขณะนั้นมีหน่วยงาน ๒ หน่วยงาน คือ ชุดควบคุมและประสานงานโครงการ ๕๑๓  ( ชค.๕๑๓ ) และที่บังคับการทางยุทธวิธีร่วม ๑๒ (ทกย.ร่วม๑๒)

          ค่ายปักธงชัย เป็นแหล่งผลิตอาสาสมัครทหารพรานโดยตรงของกองทัพบก แรกเริ่มได้ทำการฝึกจัดตั้งอาสาสมัครทหารพรานที่ ค่ายฝึกรบพิเศษที่ ๙ บ.หนองตะกู ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จำนวน ๒๓ กองร้อย หลังจากนั้นค่ายปักธงชัยจึงได้ดำเนินการฝึกจัดตั้งเองโดยตลอด พื้นที่เดิมค่ายปักธงชัยนั้นเป็นสนามยิงปืนใหญ่ของ มทบ.๓ เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อ ๒๓ ก.ค. ๒๒ และสร้างแล้วเสร็จเมื่อ ๑๐ พ.ย. ๒๒ กระทำพิธีเปิดเมื่อ ๑๕ พ.ย. ๒๒  ต่อมาเมื่อ ๓๐ ก.ย. ๔๓ ทบ. ได้อนุมัติให้ กกล.ทพ.ทบ. ค่ายปักธงชัย ปิดการบรรจุหน่วย โดยปรับโอนกำลังพลทั้งหมดให้กับ ทภ. ต่างๆ