ผู้ใช้:Pingpong1990/ทดลองเขียน
นี่คือหน้าทดลองเขียนของ Pingpong1990 หน้าทดลองเขียนเป็นหน้าย่อยของหน้าผู้ใช้ ซึ่งผู้ใช้มีไว้ทดลองเขียนหรือไว้พัฒนาหน้าต่าง ๆ แต่นี่ไม่ใช่หน้าบทความสารานุกรม ทดลองเขียนได้ที่นี่ หน้าทดลองเขียนอื่น ๆ: หน้าทดลองเขียนหลัก |
กรมทหารราบที่ ๖
ประวัติหน่วย และการรบในสมรภูมิต่างๆ
1. ประวัติหน่วย
ความเป็นมา
พุทธศักราช ๒๔๓๖ (ร.ศ.๑๑๒) เกิดกรณีพิพาทไทย - ฝรั่งเศส และเป็นผลทำให้ ไทยต้องเสียดินแดน ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้กับฝรั่งเศส เพื่อความมั่นคงตามแนวชายแดน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์เป็นข้าหลวงใหญ่ต่างพระองค์ ประทับ ณ เมืองอุบลราชธานี จัดตั้งกองทหารขึ้นเพื่อใช้ในการป้องกันประเทศ ณ บริเวณทุ่งศรีเมือง ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของศาลากลาง จังหวัดอุบลราชธานี
พุทธศักราช ๒๔๔๔ – ๒๔๔๕ ได้เกิดกบฏ ผีบาป ผีบุญ ขึ้นกำลังทหารที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติการปราบปราม กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ จึงได้ขอกำลังทหารจากเมืองนครราชสีมา เพื่อมาช่วยปราบกบฏดังกล่าว จนสำเร็จ
พุทธศักราช ๒๔๗๐ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ทรงมีพระราชประสงค์จะให้มีการเปลี่ยนแปลงกิจการทหารในมณฑลต่าง ๆ จึงได้ยุบกองบัญชาการกองพลที่ ๑๐ ประจำมณฑลอุบลราชธานี และให้ไปรวมกับ กองบัญชาการ กองพลที่ ๕ มณฑลราชสีมา พร้อมกันนั้น ได้โปรดเกล้า ฯ ให้เปลี่ยนฐานะกองพลที่ ๑๐ ที่ จังหวัดอุบลราชธานี เป็น กองพันทหารราบที่ ๓ กองพลที่ ๓ ในปลาย พุทธศักราช ๒๔๗๐
พุทธศักราช ๒๔๗๑ บริเวณทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ได้มีประชาชนเข้ามาอยู่อาศัย บริเวณรอบ ๆ ที่ตั้งของหน่วยทหารมากขึ้น ทำให้ความเหมาะสมทางด้านยุทธศาสตร์ลดลง จึงได้ย้ายหน่วยทหารกองพันทหารราบที่ ๓ ได้ย้ายจากทุ่งศรีเมืองมาอยู่ที่ อำเภอวารินชำราบ เรียกชื่อสมัยนั้นว่า ค่ายทหารวาริน
การจัดหน่วย
ก. การจัดตั้ง พุทธศักราช ๒๔๘๔ หลังจากกรณีพิพาทอินโดจีนของประเทศฝรั่งเศสได้ยุติลง ทางราชการขยายกำลังเพื่อให้พร้อมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น โดยได้จัดตั้งกรมทหารราบที่ ๙ ขึ้นที่ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเดิมเป็นที่ตั้งของ กองพันทหารม้าที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๓ มิ.ย. ๒๔๘๔ ประกอบด้วยหน่วยขึ้นตรง จำนวน ๓ กองพัน คือ กองพันทหารราบที่ ๒๕,๒๖,๒๗
ข. ด้านกำลังพล กำลังพลของกรมทหารราบที่ ๙ ได้มาจากการเฉลี่ยกำลังของหน่วยปกติที่จังหวัดนครราชสีมา และกำลังพลกองหนุนที่เรียกระดมพล ส่วนพลทหารเฉลี่ยจากหน่วยต่างๆ และ เรียกเกณฑ์เพิ่มเติมจากจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดอุดรธานี การจัดใช้อัตราการจัดปี พุทธศักราช ๒๔๘๔ เรียกว่า อัตรา ๘๔ และต่อมาได้ปรับปรุงอัตราการจัดปี พุทธศักราช ๒๔๘๖ เรียกว่า อัตรา ๘๖
ค. ด้านที่พัก สร้างที่พักครั้งแรกอาคารชั่วคราว หลังคามุงแฝก ฝาใช้ไม้ไผ่ขัดแตะ โรงทหารจุทหารได้ โรงละ ๑ กองร้อย ไม่มีเตียงนอน ต้องนอนกับพื้น โดยใช้ฟางปูรองนอน
การเปลี่ยนชื่อนามหน่วย
เมื่อเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา กรมทหารราบที่ ๙ ได้จัดกำลังเข้าร่วมปฏิบัติราชการสนามในพื้นที่ภาคเหนือในเขตเมืองมะ, เมืองยาง นครเชียงตุง ตั้งแต่ ๒๕ มกราคม ๒๔๘๕ – ๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๘ ทำการเข้าตี ดอยเหมย และเมืองเชียงตุง สามารถยึดเมืองเชียงตุง เมืองมะ ในรัฐฉานได้จนสงคราม สงบลงจึงได้เคลื่อนย้ายกลับที่ตั้งที่ จังหวัดอุบลราชธานี เว้นกองพันทหารราบที่ ๒๗ กลับเข้าที่ตั้ง จังหวัดสุรินทร์
ครั้งที่ ๑ พุทธศักราช๒๔๘๙ เปลี่ยนชื่อจาก กรมทหารราบที่ ๙ เป็น กรมทหารราบที่ ๒๓
ครั้งที่ ๒ พุทธศักราช๒๔๙๓ กองทัพบก จัดตั้ง กองพลที่ ๖ ที่จังหวัดอุบลราชธานี กรมทหารราบ ที่ ๒๓ เปลี่ยนชื่อเป็น กรมทหารราบที่ ๖ ใช้อัตราการจัด อัตรา ๘๖.๙๑ และอัตรา ๙๕ พิเศษ
ครั้งที่ ๓ พุทธศักราช ๒๔๙๘ เปลี่ยนจาก กรมทหารราบที่ ๖ เป็น กรมผสมที่ ๖ ขึ้นตรงต่อ กองพลที่ ๓ จังหวัดนครราชสีมา ตามคำสั่ง กองทัพบกที่ ๓๒๑/๒๓๗๖๐ ลง ๑๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๘ กรมผสมที่ ๖ ประกอบด้วย – กองบังคับการ และ กองร้อยกองบังคับการกรมผสม
- กองร้อยเครื่องยิงหนัก
- ร้อยฝึกเบื้องต้น
- กองร้อยเสนารักษ์ (ต่อมาลดเป็นหมวดเสนารักษ์)
- กองร้อยบริการกรมผสม (ต่อมายุบ)
- หมวดรถสายพานลำเลียงพล (ต่อมาเพิ่มเป็น กองร้อยรถสายพานลำเลียงพล และเปลี่ยนจากเหล่าขนส่งเป็นเหล่าทหารราบ)
- กองพันทหารราบที่ ๑,๒,๓
- กองพันทหารปืนใหญ่ที่ ๖
ครั้งที่ ๔ พุทธศักราช ๒๕๒๒ เปลี่ยนจาก กรมผสมที่ ๖ เป็น กรมทหารราบที่ ๖ ตามคำสั่งกองทัพบกที่ ๑/๒๕๒๒ ลง ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๒๒ ใช้อัตราการจัด ๗ – ๑๗ ลง ๒ สิงหาคม ๒๕๒๒ โดยเปลี่ยนแปลงหน่วยขึ้นสมทบคือ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ ๖ กลับไปขึ้นการบังคับบัญชากับ กองบังคับบัญชาการปืนใหญ่กองพลที่ ๓ กองร้อยรถถังที่ ๖ กองพันทหารม้าที่ ๘ กลับไปขึ้นการบังคับบัญชากับ กองพันทหารม้าที่ ๘ และกองร้อยทหารช่างที่ ๒ กลับไปขึ้นการบังคับบัญชากับ กองพันทหารช่างที่ ๓ คงเหลือหน่วยสมทบคือ หมวดซ่อมบำรุงส่วนหน้าที่ ๒ กองสรรพาวุธเบา กองพลทหารราบที่ ๓ และได้จัดตั้งหน่วย กองพันทหารราบ อีก ๑ กองพัน คือ กองพันทหารราบที่ ๔ กรมทหารราบที่ ๖ เมื่อ ๑๑ มกราคม ๒๒ และจัดตั้ง กองพันทหารราบที่ ๕ กรมทหารราบที่ ๖ อีก ๑ กองพัน (หย่อนกำลัง) ซึ่งต่อมาย้ายที่ตั้งไปที่ บ้านเดิด อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร และเปลี่ยนนามหน่วยเป็น กรมทหารราบที่ ๑๖ ในปัจจุบัน
ที่ตั้งและการเปลี่ยนแปลงที่ตั้งหน่วย
ที่ตั้งหน่วยปัจจุบัน กรมทหารราบที่ ๖ มีที่ตั้งอยู่ในค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ตำบลแสนสุข (เดิมขึ้นกับตำบลธาตุ) อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี รหัสไปรษณีย์ ๓๔๑๙๐
การเปลี่ยนแปลงที่ตั้งหน่วย
เมื่อ พุทธศักราช ๒๕๑๓ กองพันทหารราบที่ ๓ กรมผสมที่ ๖ ได้รับคำสั่งไปเข้าที่ตั้งแห่งใหม่ที่บ้านนาโพธิ์ ตำบลกุลคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ต่อมาเมื่อปี พุทธศักราช ๒๕๑๘ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น กองพันทหารราบที่ ๓ กรมผสมที่ ๓ หรือ กองพันทหารราบที่ ๓ กรมทหารราบที่ ๓ ตามคำสั่ง ทบ.ที่ ๓/๒๕๑๘ ลง ๕ กันยายน ๒๕๑๘
เมื่อ พุทธศักราช ๒๕๑๔ กองทัพบกได้จัดตั้ง กรมผสมที่ ๒๓ ตามคำสั่ง กองทัพบกที่ ๖๔/๑๔ ลง ๓๐ เมษายน ๒๕๑๔ โดยมี กองพันทหารราบที่ ๓ กรมผสมที่ ๒๓ ตั้งอยู่ในพื้นที่ และอาคารของกองพันทหารราบที่ ๓ กรมผสมที่ ๖ ซึ่งได้ย้ายไปอยู่ที่จังหวัดนครพนม โดยใช้กำลังพลบางส่วนจาก กรมผสมที่ ๖ และเปลี่ยนจาก กองพันทหารราบที่ ๓ กรมผสมที่ ๒๓ เป็น กองพันทหารราบที่ ๓ กรมผสมที่ ๖ เมื่อปี พุทธศักราช ๒๕๑๘ ตามคำสั่งกองทัพบกที่ ๓/๒๕๑๘ ลง ๕ กันยายน ๒๕๑๘ และเปลี่ยนเป็น กองพันทหารราบที่ ๓ กรมผสมที่ ๖ ตามคำสั่งกองทัพบกที่ ๑/๒๕๒๒ ลง ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๒๒
การปฏิบัติภารกิจที่สำคัญ
เมื่อ ๒๕ มกราคม ๒๔๘๕ – ๔ กรกฎาคม ๒๔๘๘ (ขณะเป็นกรมทหารราบที่ ๙) ได้ไปปฏิบัติราชการสงครามมหาเอเชียบูรพาในเขตเมืองมะ เมืองยม นครเชียงตุง
พุทธศักราช ๒๔๙๖ กรมทหารราบที่ ๖ ได้ส่ง กองพันทหารราบที่ ๒ ไปประจำอยู่ที่อำเภอมุกดาหาร จังหวัดนครพนม เพื่อเป็นการบำรุงขวัญประชาชน กับอีก ๑ กองร้อย จากกองพันทหารราบที่ ๑ ไปประจำที่ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี
พุทธศักราช ๒๔๙๘ กรมผสมที่ ๖ ได้ส่ง กองพันทหารราบที่ ๑ ไปประจำที่อำเภอมุกดาหาร จังหวัดนครพนมเพื่อผลัดเปลี่ยนกำลังกับ กองพันทหารราบที่ ๑ กรมทหารราบที่ ๒๑ และส่งอีก ๑ กองร้อย จาก กองพันทหารราบที่ ๓ ไปประจำที่ อำเภอมุกดาหาร จังหวัดนครพนม (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นจังหวัดมุกดาหาร)
กรณีปราบปราม ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์
เมื่อ พุทธศักราช ๒๕๐๒ ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์เริ่มมีทีท่าว่าจะปฏิบัติการคุกคามในประเทศไทย
พุทธศักราช ๒๕๐๔ กรมผสมที่ ๖ ได้รับคำสั่งให้จัด ๑ กองร้อย เพื่อป้องกันพื้นที่สำคัญตามแนวชายแดน ไทย - ลาว ด้านอำเภอมุกดาหาร จังหวัดนครพนม
พุทธศักราช ๒๕๐๕ เกิดการรบกันขึ้นในลาว ระหว่างลาวฝ่ายขวา กับ ลาวฝ่ายซ้าย ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ เปลี่ยนกลยุทธ จากการรุกรานตามแบบ เป็นการรบนอกแบบ ทำการแทรกซึมบ่อนทำลาย
และเข้าปฏิบัติ การในประเทศไทยตามพื้นที่แนวชายแดนไทย – ลาว
เมื่อ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๕ – ๑๕ มีนาคม ๒๕๐๖ กรมผสมที่ ๖ ได้ส่งกำลัง ๑ กองร้อย จาก กองพันทหารราบที่ ๑ กรมผสมที่ ๖ ไปประจำที่ จังหวัดนครพนม
เมื่อ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๐๕ – ๑๕ มีนาคม ๒๕๐๖ กรมผสมที่ ๖ ได้ส่งกำลัง ๑ กองร้อย จาก กองพันทหารราบที่ ๒ กรมผสมที่ ๖ ประจำที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
พุทธศักราช ๒๕๐๗ ลาวฝ่ายขวาได้ร่นเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทยตามแนวชายแดน ไทย - ลาว ตั้งแต่ด้าน จังหวัดนครพนม ถึง จังหวัดอุบลราชธานี
พุทธศักราช ๒๕๐๘ กรมผสมที่ ๖ จัดกำลังออกปฏิบัติการปราบปราม ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ และคุ้มกันการก่อ-สร้างเส้นทางบนเทือกเขาภูพาน พื้นที่ จังหวัด สกลนคร ภายใต้การควบคุมทาง ยุทธการของ กองบัญชาการทัพภาคที่ ๒ ( ส่วนหน้า ) ซึ่งตั้งอยู่ที่ อำเภอมุกดาหาร และหมุนเวียนสับเปลี่ยนกำลังในการปฏิบัติการโดยตลอด
เมื่อ ๑๘ สิงหาคม ๒๙๐๙ กรมผสมที่ ๖ ได้ส่งกำลัง ๑ กองร้อยทหารราบ จาก กองพันทหารราบที่ ๒ กรมผสมที่ ๖ ไปสมทบให้กับหน่วย กองบัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหารที่ ๑ โดยตั้งฐานปฏิบัติการที่ บ้านจอมสีขัน อำเภอมุกดาหาร จังหวัดอุบลราชธานี
เมื่อ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๐๙ กรมผสมที่ ๖ ได้ส่งกำลัง ๑ กองร้อยทหารราบ จาก กองพันทหารราบที่ ๑ กรมผสมที่ ๖ ไปประจำที่ บ้านนาไร่ใหญ่ อำเภออำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี
โดยการจัดกำลังเข้าปฏิบัติการในพื้นที่ และปิดล้อม บ้านด่าน, บ้านนาขาม และเข้าทำการกวาดล้าง ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ เขตติดต่อ อำเภอมุกดาหาร กับ อำเภอเลิงนกทา สามารถ จับ ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์และยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ ได้จำนวนหนึ่ง จากนั้นก็ได้รับภารกิจให้เข้าปฏิบัติการในพื้นที่ อำเภอเลิงนกทา ต่อมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๑๐ กรมผสมที่ ๖ ได้ส่งกำลัง ๑ กองพัน จัดจาก กองพันทหารราบที่ ๓ กรมผสมที่ ๖ ไปผลัดเปลี่ยนกำลังกับ กองพันทหารราบที่ ๑ กรมผสมที่ ๓ ที่ อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร เพื่อทำการปราบปราม ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์
เมื่อ ๒๑ เมษายน ๒๕๑๑ กรมผสมที่ ๖ ออกปฏิบัติภารกิจปราบปราม ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ที่เทือกเขาภูพาน โดยเข้าที่รวมพลขั้นต้นที่ บ้านหนองบัว อำเภอมุกดาหาร จังหวัดนครพนม
เมื่อ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๐๕ – ๓๐ เมษายน ๒๕๑๕ กรมผสมที่ ๖ จัดกำลัง ๑ กองพัน จัดจาก กองพันทหารราบที่ ๑ กรมผสมที่ ๖ ไปสมทบกับ กองพลทหารราบที่ ๑ ส่วนหน้า ที่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อปราบปราม ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์บริเวณรอยต่อ ๓ จังหวัด ตามแผนยุทธการภูขวาง
พุทธศักราช ๒๕๑๒ ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ เริ่มปฏิบัติการรุนแรงขึ้น และมุ่งเน้นจัดตั้ง เขตปลดปล่อยแห่งแรกที่ อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม และ บริเวณหุบอีเลศ บนเทือกเขาภูพานพร้อมจัดตั้งศูนย์ บัญชาการ และที่ฝึกอบรมทางยุทธวิธีและเกี่ยวกับด้านพยาบาล กรมผสมที่ ๖ จัดตั้ง หน่วยเฉพาะกิจกองพันทหารราบที่ ๖๐๓ และตั้งฐานปฏิบัติการที่ภูพานน้อย อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม โดยผลัดเปลี่ยน หมุนเวียนกำลังเพื่อออกปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง เพื่อ ทำการปราบปรามกำลัง ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ดังกล่าว และยังส่งผลให้กำลังของฝ่ายเราต้องได้รับความสูญเสียจำนวนหนึ่ง
พุทธศักราช ๒๕๑๓ ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์เริ่มมีอิทธิพลมากในลาว และขยายเขตมาถึงแขวงจำปาสักใกล้ชายแดนไทยด้าน อำเภอบุณฑริก บริเวณช่องห้วยผึ้ง,ช่องโปร่งแดง และช่องบก กองพลทหารรราบที่ ได้จัดกำลัง เข้าปฏิบัติการในลาว เพื่อลาดตระเวนหาข่าว
พุทธศักราช ๒๕๑๔ – พุทธศักราช ๒๕๑๖ กรมผสมที่ ๖ จัด ๑ กองร้อยทหารราบ ตั้งฐานปฏิบัติการที่ บ้านหนองส้มโฮง และ บ้านดอนสวรรค์ อำเภอมุกดาหาร จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อตรวจค้นพิสูจน์ทราบและปราบปราม ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์
เมื่อ ๑๐ เมษายน ๒๕๑๕ กรมผสมที่ ๖ จัดกำลัง ๑ กองร้อย และ กองบังคับการควบคุม จัดจาก กองพันทหารราบที่ ๒ กรมผสมที่ ๖ ออกปฏิบัติการป้องกันและปราบปราม ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในเขต อำเภอน้ำยืน,อำเภอเดชอุดม,อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี
พุทธศักราช ๒๕๑๕ – พุทธศักราช ๒๕๑๗ กองพลทหารราบที่ ๖ ตั้ง กองบัญชาการควบคุมที่ บ้านหนองแปน อำเภอบุณฑริก และ กองบังคับการควบคุม จัดจาก กรมผสมที่ ๖ ที่ บ้านหนองขอน อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี
เมื่อ มกราคม ๒๕๑๗ – ตุลาคม ๒๕๒๒ กรมผสมที่ ๖ จัดกำลัง ๒ กองร้อยทหารราบที่ และ กองบังคับการควบคุม เข้าปฏิบัติการป้องกันชายแดนและปราบปราม ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ที่ อำเภอดอนตาล จังหวัดนครพนม
เมื่อ มิถุนายน ๒๕๑๘ กรมผสมที่ ๖ จัดกำลัง ๑ กองร้อยทหารราบที่ และ กองบังคับการควบคุม เข้าปฏิบัติการป้องกันชายแดนและปราบปราม ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในเขต อำเภอน้ำยืน,อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี
เมื่อ ๘ มีนาคม ๒๕๒๑ กรมผสมที่ ๖ จัดตั้ง กองกำลังรบร่วม กรมผสมที่ ๖ ปฏิบัติการที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และจัดตั้ง กองบัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหารที่ ๒๑๒๒ เมื่อ ๑ มิถุนายน ๒๕๒๑ และย้ายฐานปฏิบัติการไปตั้งที่ อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี ต่อมาภายหลังเปลี่ยนนามหน่วยเป็น กองกำลังรบร่วม กรมผสมที่ ๖ และเปลี่ยนเป็น หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ ๖
เมื่อ ๙ ตุลาคม ๒๕๒๒ กรมทหารราบที่ ๖ จัดกำลัง ๒ กองร้อยทหารราบ จัดจาก กองพันทหารราบที่ ๔ กรมทหารราบที่ ๖ ไปปฏิบัติการปราบ -ปราม ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ที่ จังหวัดสกลนคร
สรุปตั้งแต่ พุทธศักราช ๒๕๐๓ – พุทธศักราช ๒๕๒๓ หน่วยได้รับมอบภารกิจในการปราบปรามผู้ก่อการร้าย -คอมมิวนิสต์ในพื้นที่ภาคอีสานตอนเหนือ คือ จังหวัดหนองคาย, อุดรธานี, สกลนคร,นครพนม,กาฬสินธุ์ และอุบลราชธานี โดยเข้าปฏิบัติการ ณ ภูพานน้อย อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม สามารถยึด
ภูสิงห์ ในพื้นที่ จังหวัดหนองคาย ทำให้การปฏิบัติการของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ลดลงจนเกือบไม่มีการเคลื่อนไหว และทำให้ผู้ก่อการร้ายในเขตงานต่างๆ สลายตัวไปในที่สุด โดยกำลังบางส่วนได้
ส่งเข้าไปปฏิบัติภารกิจในเขตภาคเหนือตอนล่างเขต อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์
กรณีปราบปรามการจลาจลในประเทศ
เมื่อ ๑ – ๓ เมษายน ๒๕๒๔ หน่วยได้รับภารกิจในการจัดกำลังเข้าปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบ ณ กรุงเทพมหานคร จนสามารถควบคุมสถานการณ์ ให้กลับคืนสู่สภาวะปกติ
กรณีผลักดันทหารต่างชาติรุกล้ำอธิปไตย
เมื่อ พุทธศักราช ๒๕๒๒ บริเวณชายแดนด้านไทย - กัมพูชา ซึ่งขณะนั้นภายในกัมพูชามีปัญหา
เรื่องผู้นำประเทศแบ่งออกเป็น ๒ ฝ่าย และทหารเวียดนามมีอิทธิพลเหนือกัมพูชา ทำให้เขมรแดง ซึ่งถูกปราบปรามอย่างหนักได้อพยพมาอยู่ตามแนวชายแดนไทยและได้รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทย พร้อมกับสร้างความเดือดร้อนให้กับราษฎรไทย ที่อยู่ ตามแนวชายแดนเป็นอย่างมาก ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน กรมทหารราบที่ ๖ ได้จัดกำลัง ๑ กองร้อยทหารราบ เข้าปฏิบัติการผลักดันกองกำลังดังกล่าวจนล่าถอยออกนอกประเทศไป และเฝ้าตรวจระวังป้องกันการปฏิบัติการดังกล่าวของกองกำลังต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
พุทธศักราช ๒๕๒๗ เดือนมีนาคม ทหารเวียดนาม ได้ใช้กำลัง ๑ กรมทหารราบ สนับสนุนด้วยอาวุธหนัก และปืนใหญ่เข้าทำการโจมตี และกวาดล้างกำลังเขมร ๓ ฝ่าย ตามแนวชาวแดนไทย - กัมพูชา และได้รุกล้ำเข้ามาในเขตไทย ประมาณ ๕ กม. บริเวณ ช่องพระพะลัย เนิน ๖๔๒ เขต อำเภอขุนหาญ
จังหวัดศรีสะเกษ กรมทหารราบที่ ๖ ได้รับคำสั่งจาก กองกำลังสุรนารี ให้เข้าปฏิบัติการผลักดันและขับไล่ข้าศึกเหล่านี้ด้วยความกล้าหาญ เสียสละ จนฝ่ายเราได้รับบาดเจ็บ และสูญเสียจำนวนหนึ่ง แต่ก็สามารถขับไล่ข้าศึกให้ออกจากชายแดนไปได้เป็นผลสำเร็จ เมื่อ ๘ เมษายน ๒๕๒๗
พุทธศักราช ๒๕๒๗ เดือนธันวาคม ทหารเวียดนาม ได้รุกล้ำอธิปไตย เข้ามาบริเวณ ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมกับยึดและรักษาพื้นที่ไว้ มีกำลัง ๘๐ - ๑๐๐ คน กองกำลังรบร่วม กรมทหารราบที่ ๖ จึงได้จัดกำลังเข้าผลักดันกำลังข้าศึกส่วนนี้ จนต้องถอนตัวหนีกลับเข้าไปในเขตกัมพูชา
พุทธศักราช ๒๕๒๘ เดือนมกราคม ทหารเวียดนาม จัดจาก กรมทหารราบที่ ๗๓๓ ได้รุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทย ๕ กิโลเมตร บริเวณช่องบก และเข้ายึดเนิน ๓๗๖, ๓๘๒, ๔๐๘, ๕๐๐, และ ๕๖๕ ได้ยิงปืนใหญ่เข้ามาตกในบริเวณหมู่บ้านในเขตไทย กรมทหารราบที่ ๖ จึงเข้าทำการปฏิบัติการผลักดัน ขับไล่ ทำให้ข้าศึกถอยไปตั้งรับที่ เนิน ๓๘๒ และ ๔๐๘ ซึ่งลึกเข้ามาในเขตไทย ประมาณ ๒ - ๓ กิโลเมตร และได้ทำการดัดแปลง ที่มั่นอย่างแข็งแรงถาวร พุทธศักราช ๒๕๒๙
ในเดือน ก.พ.๒๕๒๘ กองทัพภาคที่ ๒ ได้สั่งการให้ กรมทหารราบที่ ๖ จัดกำลังเข้าทำการผลักดันทหารเวียดนามที่ยึดพื้นที่อยู่โดยใช้อำนาจกำลังรบที่มีอยู่ และที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพภาคที่ ๒ เข้ากดดันและสามารถขับไล่กำลังข้าศึกออกจากพื้นที่ได้เป็นบางส่วน
พุทธศักราช ๒๕๓๐ เดือน เมษายน กรมทหารราบที่ ๖ ได้เข้าร่วมปฏิบัติการตามแผน "ยุทธการเผด็จศึก" เพื่อผลักดันขับไล่กำลังทหาร เวียดนามที่ยึดภูมิประเทศสำคัญ บริเวณช่องบกโดยจัดและปรับรูปแบบการรบจากที่ใช้กำลังส่วนใหญ่เข้าปฏิบัติการมาเป็นการใช้ชุดปฏิบัติการขนาดเล็กเข้าปฏิบัติการแทนเพื่อความคล่องตัวในการปฏิบัติการซึ่งจัดจาก กองพันทหารราบ ละ ๑ ชป. ๆ ละ ๑๒ นาย เข้าปฏิบัติการต่อข้าศึกจากการปฏิบัติการดังกล่าวสามารถยึดเนิน ๓๘๒, ๔๐๘, และ ๕๐๐ กลับคืนมาได้ และสามารถผลักดันกำลังข้าศึกให้ถอนตัวออกจากประเทศไทยได้อย่างสิ้นเชิงใน กรกฎาคม ๒๕๓๐ ซึ่งกำลังฝ่ายเราได้รับการสูญเสียจำนวนหนึ่ง แต่ก็ลด น้อยลงกว่าการปฏิบัติการในครั้งแรก ๆ
พุทธศักราช ๒๕๓๙ เมื่อ มกราคม จากสถานการณ์สู้รบภายในประเทศกัมพูชาที่มีผลกระทบต่อ การรุกล้ำอธิปไตยตามแนวชายแดนของไทย ทหารกัมพูชา ประมาณ ๒๐๐ คน ได้นำกำลังอ้อมเข้ามาในเขตไทยเพื่อกวาดล้างกองกำลังเขมรแดง บริเวณช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี กรมทหารราบ เฉพาะกิจที่ ๖ ได้จัดกำลังเข้า ยับยั้งและผลักดันกำลังส่วนนี้ให้ถอน ออกไปอย่างรวดเร็ว เพื่อมิให้มีผลกระทบต่อความมั่นคงบริเวณแนวชายแดน จนได้รับคำชมเชยในการปฏิบัติหน้าที่จาก กองทัพภาคที่ ๒
กรณีปัญหาชายแดนใน ๓ จชต.
พุทธศักราช ๒๕๔๗ จากสถานการณ์ปัญหาชายแดนทางภาคใต้ใน ๓ จังหวัดชายแดนใต้ กรมทหารราบที่ ๖ ได้รับมอบภารกิจให้จัดกำลังเข้าปฏิบัติภารกิจและแก้ปัญหาการก่อความไม่สงบในพื้นที่ ๓ จชต. ดังนี้
ครั้งที่ ๑ ห้วง พฤษภาคม ๒๕๔๗ – มีนาคม ๒๕๔๘ จัด ๑ กองพันทหารราบ จัดจาก กองพันทหารราบที่ ๑ กรมทหารราบที่ ๖ เข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ จังหวัดปัตตานี โดยมี พันโท ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม เป็น ผู้บังคับกองพัน ปรับเปลี่ยน ผู้บังคับกองพัน เป็น พันโทเฉลิมพล จินารัตน์
ครั้งที่ ๒ ห้วง เมษายน ๒๕๔๘ – มีนาคม ๒๕๔๙ จัด ๑ กองพันทหารราบ จัดจาก กองพันทหารราบที่ ๒ กรมทหารราบที่ ๖ เข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ จังหวัดนราธิวาส โดยมี พันโท พิศิษฐ์ ศรีสังข์ เป็น ผู้บังคับกองพัน
ครั้งที่ ๓ ห้วง เมษายน ๒๕๔๙ – มีนาคม ๒๕๕๐ จัด ๑ กองพันทหารราบ จัดจาก กองพันทหารราบที่ ๑ กรมทหารราบที่ ๖ เข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ จังหวัดนราธิวาส โดยมี พ.ท.เฉลิมพล จินารัตน์ เป็น ผู้บังคับกองพัน
ครั้งที่ ๔ ห้วง เมษายน ๒๕๕๑ – ตุลาคม ๒๕๕๒ จัด ๑ กองพันทหารราบ จัดจาก กองพันทหารราบที่ ๓ กรมทหารราบที่ ๖ เข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ จังหวัดปัตตานี จัดตั้งเป็น หน่วยเฉพาะกิจปัตตานีที่ ๒๓ โดยมี พันโทประเวศสุทธิ สุทธิประภา เป็น ผู้บังคับกองพัน
ครั้งที่ ๕ ห้วง ตุลาคม ๒๕๕๒ – เมษายน ๒๕๕๔ จัด ๑ กองพันทหารราบ จัดจาก กองพันทหารราบที่ ๒ กรมทหารราบที่ ๖ เข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ จังหวัดปัตตานี จัดตั้งเป็น หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ๒๓ โดยมี พันโทสฤษดิ์ สิงหโยธิน เป็น ผู้บังคับกองพัน
กรณีพิพาทปราสาทเขาพระวิหาร
พุทธศักราช ๒๕๒๒ บริเวณชายแดนด้านไทย - กัมพูชา ซึ่งขณะนั้นภายในกัมพูชามีปัญหาเรื่องผู้นำประเทศแบ่งออกเป็น ๒ ฝ่าย และทหารเวียดนามมีอิทธิพลเหนือกัมพูชา ทำให้เขมรแดง ซึ่งถูกปราบปรามอย่างหนักได้อพยพมาอยู่ตามแนวชายแดนไทยและได้รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทย พร้อมกับสร้างความเดือดร้อนให้กับราษฎรไทย ที่อยู่ ตามแนวชายแดนเป็นอย่างมาก ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน กรมทหารราบที่ ๖ ได้จัดกำลัง ๑ กองร้อยทหารราบ เข้าปฏิบัติการผลักดันกองกำลังดังกล่าวจนล่าถอยออกนอกประเทศไป และเฝ้าตรวจระวังป้องกันการปฏิบัติการดังกล่าวของกองกำลังนี้อย่างต่อเนื่อง
พุทธศักราช ๒๕๕๑ จากกรณีพิพาทบริเวณปราสาทเขาพระวิหารชายแดนไทย – กัมพูชา กรมทหารราบที่ ๖ ได้รับมอบภารกิจเข้าป้องกันประเทศ โดยจัดกำลัง ๑ กองร้อยทหารราบ เตรียมพร้อม จาก กองพันทหารราบที่ ๒ กรมทหารราบที่ ๖ เข้าปฏิบัติภารกิจตามแผนปฏิบัติการ ๕๑๒ – กองทัพภาคที่ ๒ ในขั้นที่ ๒ (ขั้นตอบโต้) เข้าปฏิบัติภารกิจตั้งแต่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๑ เป็นต้นไป โดยมี ร้อยเอกทัศนัย แก้วตูมกา เป็น ผู้บังคับกองร้อย
เมื่อ ๖ เมษายน ๒๕๕๒ จัดกำลัง ๑ กองร้อยสนับสนุน จัดจาก กองพันทหารราบที่ ๑ กรมทหารราบที่ ๖ เข้าปฏิบัติภารกิจในพื้นที่บริเวณน้ำตกภูพิกัด VA ๓๖๘๙๗๖ ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมี ร้อยเอกสกล มหาลีวีรัศมี เป็น ผู้บังคับกองร้อย
เมื่อ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๒ กรมทหารราบที่ ๖ จัด ๑ หมวดเครื่องยิงหนัก ขนาด ๑๒๐ มิลลิเมตร ขึ้นสมทบกับ กองทหารทหารราบที่ ๑๖๓ โดยมี ร้อยโทชัยพล เพชรพลอย เป็น ผู้บังคับหมวด
เมื่อ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ – ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ กรมทหารราบที่ ๖ จัดกำลังปฏิบัติภารกิจ
พื้นที่ช่องสะงำ โดย พันเอก ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม เป็น ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ ๓ ควบคุมอำนวยการยุทธพื้นที่ช่องพระพะลัย อำเภอขุนหาญ ถึง ช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ
ปี ๒๕๕๕ – ๒๕๖๒ กรมทหารราบที่ ๖ จัดกำลังปฏิบัติภารกิจพื้นที่เขาพระวิหาร ๑ รับผิดชอบตั้งแต่ ช่องโปร่งแดง ถึง ช่องทับอู อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
เกียรติประวัติในต่างประเทศ
พุทธศักราช ๒๕๑๑ – ๒๕๑๓ จัดกำลังเป็นส่วนหนึ่งของกองพลอาสาสมัคร ของกองทัพบกไทย ณ ประเทศเวียดนามใต้ ภายใต้ชื่อหน่วยว่า “กองพลเสือดำ” และ “กองพลจงอางศึก”ในการปราบปราม ผู้ก่อการร้ายจากประเทศเวียดนามเหนือ
พุทธศักราช ๒๕๑๔ – ๒๕๑๖ จัดกำลังอาสาสมัครในนามกองทัพ บกไทย ณ ประเทศลาว ภายใต้ชื่อหน่วยว่า “กองพันอาสาสมัครเสือพราน” ร่วมกับสหประชาชาติ
พุทธศักราช ๒๕๔๓ จัดตั้ง กองบัญชาการภาคตะวันออก ,กองกำลังรักษาสันติภาพ ๙๗๒ ไทย – ติมอร์ตะวันออก ( ผลัดที่ ๒ ) และ ๑ กองพันทหารราบ เข้าปฏิบัติภารกิจรักษา สันติภาพ ณ ประเทศติมอร์ตะวันออก โดยเป็นกำลังส่วนหนึ่งของกองกำลังสหประชาชาติ มี พันเอก พิเชษฐ์ วิสัยจร ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ ๖ เป็น ผู้บัญชาการภาคตะวันออก หน่วยกำลังรบหลักจัดจาก กองพันทหารราบที่ ๑ กรมทหารราบที่ ๖ ประกอบด้วย กองบังการกองพัน,กองร้อยสนับสนุน และ ๒ กองร้อยอาวุธเบา โดยมี พันโทธเนศ วงศ์ชะอุ่ม เป็น ผู้บังคับกองพัน จากการปฏิบัติภารกิจดังกล่าว ได้สร้างความเลื่อมใสและความศรัทธาต่อประชาชน ชาวติมอร์ตะวันออกและนานาประเทศเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะการที่ กองกำลัง ๙๗๒ ผลัดที่ ๒ ได้น้อมนำเอาโครงการพระราช ดำริ " เศรษฐกิจแบบพอเพียง " ไปสู่ชาวติมอร์ จนได้ผลเป็นอย่างดี
ภารกิจหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว ทบ. ในส่วนของ ทภ.๒
ตามนโยบายและสั่งการของ พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ได้กรุณาสั่งการในการประชุมมอบนโยบายการเสริมสร้างหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว (RDF) ของ ทบ. เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๗ พ.ย. ๖๒ โดยให้ ร.๖ และ ร.๖ พัน.๑ จัดตั้งเป็นหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วกองทัพบก ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
การประกอบกำลังเป็นหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วของกองทัพบก ตามอัตราการจัดเฉพาะกิจที่กองทัพบกกำหนด (หนังสือ ยก.ทบ. ลับมาก-ด่วนมาก ที่ กห ๐๔๐๓/๕๐ ลง ๓๑ ม.ค.๖๓)
รายนามผู้บังคับการ
๑. พันเอก หลวงราชเสนีย์ พุทธศักราช ๒๔๘๔ – พุทธศักราช ๒๔๘๗ ผบ.ร.๙
๒. พันโท พร้อม ทองพรต พุทธศักราช ๒๔๘๗ – พุทธศักราช ๒๔๘๙ ผบ.ร.๙
๓. พันเอก นิ่ม ชโยดม พุทธศักราช ๒๔๘๙ – พุทธศักราช ๒๔๙๓ ผบ.ร.๒๓
๔. พันโทหม่องราชวงศ์ สนั่น ศุภดิษฐ พุทธศักราช ๒๔๙๓ – พุทธศักราช ๒๔๙๔ ผบ.ร.๒๓
๕. พันเอก อรุณ จิตรบุตร พุทธศักราช ๒๔๙๔ – พุทธศักราช ๒๔๙๖ ผบ.ร.๖
๖. พันเอก สวัสดิ์ โสตอำรุง พุทธศักราช ๒๔๙๖ – พุทธศักราช ๒๔๙๘ ผบ.ร.๖
๗. พันเอก อยู่รบ กรเพชร พุทธศักราช ๒๔๙๘ – พุทธศักราช ๒๕๐๐ ผบ.ผส.๖
๘. พลจัตวา ชุมศักดิ์ ปานใจ พุทธศักราช ๒๕๐๐ – พุทธศักราช ๒๕๐๑ ผบ.ผส.๖
๙. พลจัตวา เลื่อน ดิษยุวรรนะ พุทธศักราช ๒๕๐๑ – พุทธศักราช ๒๕๐๒ ผบ.ผส.๖
๑๐. พันเอก สวัสดิ์ มักการุณ พุทธศักราช ๒๕๐๒ – พุทธศักราช ๒๕๐๗ ผบ.ผส.๖
๑๑. พันเอก วุฒิ บิณฑวนิช พุทธศักราช ๒๕๐๗ – พุทธศักราช ๒๕๑๔ ผบ.ผส.๖
๑๒. พันเอก ยงยุทธ ดิษฐบรรจง พุทธศักราช ๒๕๑๔ – พุทธศักราช ๒๕๑๖ ผบ.ผส.๖
๑๓. พันเอก ดัมพ์ ประยูรศร พุทธศักราช ๒๕๑๖ – พุทธศักราช ๒๕๑๗ ผบ.ผส.๖
๑๔. พันเอก ประทีป ทินกร พุทธศักราช ๒๕๑๗ – พุทธศักราช ๒๕๑๙ ผบ.ผส.๖
๑๕. พันเอก ปัญญา สนธิสง่า พุทธศักราช ๒๕๑๙ – พุทธศักราช ๒๕๒๐ ผบ.ผส.๖
๑๖. พันเอก ประเทือง พิณโปน พุทธศักราช ๒๕๒๐ – พุทธศักราช ๒๕๒๒ ผบ.ร.๖
๑๗. พันเอก วิมล วงศ์วานิช พุทธศักราช ๒๕๒๒ – พุทธศักราช ๒๕๒๓ ผบ.ร.๖
๑๘. พันเอก บรรเทา ใยเกตุ พุทธศักราช ๒๕๒๓ – พุทธศักราช ๒๕๒๕ ผบ.ร.๖
๑๙. พันเอก ดำรง ทัศนศร พุทธศักราช ๒๕๒๖ – พุทธศักราช ๒๕๓๑ ผบ.ร.๖
๒๐. พันเอก นิคม ยศสุนทร พุทธศักราช ๒๕๓๑ – พุทธศักราช ๒๕๓๕ ผบ.ร.๖
๒๑. พันเอก สุชาติ ภักดีพินิจ พุทธศักราช ๒๕๓๕ – พุทธศักราช ๒๕๓๗ ผบ.ร.๖
๒๒. พันเอก นิพนธ์ ศิริพร พุทธศักราช ๒๕๓๗ – พุทธศักราช ๒๕๓๙ ผบ.ร.๖
๒๓. พันเอก พิเชษฐ์ วิสัยจร พุทธศักราช ๒๕๓๙ – พุทธศักราช ๒๕๔๓ ผบ.ร.๖
๒๔. พันเอก สุรนาท สุวรรณนาคร พุทธศักราช ๒๕๔๓ – พุทธศักราช ๒๕๔๗ ผบ.ร.๖
๒๕. พันเอก จุลเดช จิตถวิล พุทธศักราช ๒๕๔๗ – พุทธศักราช ๒๕๕๑ ผบ.ร.๖
๒๖. พันเอก ไชยอนันต์ คำชุ่ม พุทธศักราช ๒๕๕๑ – พุทธศักราช ๒๕๕๓ ผบ.ร.๖
๒๗. พันเอก ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม พุทธศักราช ๒๕๕๓ – พุทธศักราช ๒๕๕๖ ผบ.ร.๖
๒๘. พันเอก ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ พุทธศักราช ๒๕๕๖ – พุทธศักราช ๒๕๕๘ ผบ.ร.๖
๒๙. พันเอก จักรพงศ์ จันทน์สุทธิประภา พุทธศักราช ๒๕๕๙ – พุทธศักราช ๒๕๖๑ ผบ.ร.๖
๓๐. พันเอก วิชิต มักการุณ พุทธศักราช ๒๕๖๑ – พุทธศักราช ๒๕๖๓ ผบ.ร.๖
๓๑. พันเอก โถมวัฒน์ สว่างวิทย์ พุทธศักราช ๒๕๖๓ – ปัจจุบัน ผบ.ร.๖
ท่านที่มีตำแหน่ง สูงสุดในกองทัพบก คือ พลเอก วิมล วงศ์วานิช ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ ๖ ท่านที่ ๑๗ ห้วงพุทธศักราช ๒๕๒๒ – ๒๕๒๓ ดำรงตำแหน่งสุดท้ายคือ ผบ.ทบ. คนที่ ๒๗ ตั้งแต่ ๑ สิงหาคม ๒๕๓๕ - ๓๐ กันยายน ๒๕๓๘
ปัจจุบัน กรมทหารราบที่ ๖ ยังคงปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศอย่างต่อเนื่องโดยมีพื้นที่รับผิดชอบ ในเขต จังหวัดอุบลราชธานี, จังหวัดอำนาจเจริญ รวมความยาวตลอดพื้นที่รับผิดชอบตามแนวชายแดน ทั้งสิ้น ๔๕๓ กิโลเมตร นอกจากนี้ ยังได้ปฏิบัติงานตามโครงการ ต่างๆ ตามที่หน่วยเหนือมอบหมายให้ เช่น โครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงเฉพาะพื้นที่ป่าดงนาทาม, โครงการพระราชดำริตามแนวชายแดนในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง วันสถาปนาหน่วย ตรงกับวันที่ ๑๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๔ โดยหน่วยได้จัดงานวันคล้ายวันสถาปนาใน วันที่ ๑๓ มิถุนายน ของทุกปี
โครงสร้างและอัตราการจัดหน่วย
**กรมทหารราบที่ 6 จัดตั้งขึ้นตามคำสั่งกองทัพบก (เฉพาะ) ที่ 143/22 ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2522จัดตามอัตราการจัด กรมมาตรฐาน อจย.7–11 (ลง 25 มิ.ย. 22) มีที่ตั้งปกติอยู่ที่ ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อำเภอวารินชำราบจังหวัดอุบลราชธานี มีกองพันหน่วยขึ้นตรง 3 กองพัน ได้แก่
- กองพันทหารราบที่ 1
- กองพันทหารราบที่ 2
- กองพันทหารราบที่ 3
ตามการจัดกองพันมาตรฐาน โดยกองพันทหารราบที่1 และกองพันทหารราบที่ 2 จัดตาม อจย.7-15
ลง 25 มิ.ย.22 กองพันทหารราบที่ 3 จัดตาม อจย.7-15 ลง 25 ก.พ.52