Phatyaya555
สเปกตรัม(spectrum)[1][2] แก้
[[]] สเปกตรัม หมายถึง อนุกรมของแถบสีหรือ หรือเส้นที่ได้จากการผ่านพลังงานรังสีเข้าไปในสเปกโตรสโคป ซึ่งทำให้พลังงานรังสีแยกออกเป็นแถบหรือเป็นเส้นที่มีความยาวคลื่นต่าง ๆ เรียงลำดับกันไป
สเปกตรัม มี 3 ชนิด
1. สเปกตรัมแบบต่อเนื่อง (continous spectrum) เกิดจากแสงที่เปล่งออกมาจากของแข็งร้อน (หรือของเหลวหรือแก๊สภายใต้ความกดดันสูง) เมื่อให้แสงผ่านเกรตติงหรือปริซึม จะทำให้แสงแยกออกปรากฎบนฉากเป็นสีต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องกัน
2. สเปกตรัมเปล่งออกแบบเส้น (Line emission spectrum)หรือเสปกตรัมเส้นสว่าง เกิดจากแสงที่เปล่งออกมาจากแก๊สร้อน เมื่อให้แสงผ่านเกรตติงหรือปริซึม จะทำให้แสงแยกออก ปรากฎบนฉากเป็นสีต่าง ๆ เป็นเส้น ๆ โดยแต่ละเส้นจะแยกออกจากกันและเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ บางครั้งเรียกว่าสเปกตรัมเส้นสว่าง
3. สเปกตรัมดูดกลืนแบบเส้น (Line absorption spectrum) เกิดจากการให้แสงจากของแข็งร้อนผ่านแก๊สเย็น แก๊สเย็นจะดูดกลืนแสงบางความถี่บางช่วงเป็นช่วง ๆ เมื่อให้แสงผ่าน เกรตติงหรือปริซึม จะทำให้เห็นแสงที่ปรากฏบนฉากมืดเป็นเส้น ๆ และช่วงคลื่นที่แก๊สเย็นดูดกลืนนั้นจะเป็นช่วงเดียวกันกับช่วงที่แก๊สนั้นให้ออกมาเมื่อถูกทำให้ร้อน
[3]รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าทั้งหมดมีน้ำหนักเบา แต่เราจะเห็นเฉพาะส่วนเล็ก ๆ ของรังสีนี้ส่วนที่เราเรียกว่าแสงที่มองเห็น เซลล์รูปกรวยในสายตาการกระทำของเราเป็นผู้รับปรับความยาวคลื่นในครั้งนี้วงแคบของสเปกตรัม ส่วนอื่น ๆ ของสเปกตรัมมีความยาวคลื่นที่มีขนาดใหญ่หรือเล็กเกินไปและมีพลังสำหรับข้อ จำกัด ทางชีวภาพของการรับรู้ของเรา ในฐานะที่เป็นเต็มสเปกตรัมของแสงที่มองเห็นการเดินทางผ่านปริซึมความยาวคลื่นแยกออกเป็นสีรุ้งเพราะแต่ละสีเป็นความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน สีม่วงมีความยาวคลื่นสั้นที่สุดที่ประมาณ 380 นาโนเมตรและสีแดงมีความยาวคลื่นที่ยาวที่สุดที่ประมาณ 700 นาโนเมตร
สเปกตรัมที่มองเห็นได้
แสงเป็นคลื่นของการแผ่รังสีแม่เหล็กไฟฟ้า " แสงสีขาว" เป็นส่วนผสมชองแสงสีต่างๆ แต่ละแสงสีมีความถี่และความยาวคลื่นเฉพาะ ตัวสีเหล่านี้รวมตัวเป็นสเปกตรัมที่มองเห็นได้ ตาและสมองของเรารับรู้สิ่งต่างๆ จากความแตกต่างของความยาวคลื่นของสีที่เรามองเห็นได้
แสงสีที่ปล่อยออกมา
ลำแสงขาวที่ถูกหักเหขณะที่มันผ่านเข้าและออกจากปริซึม ปริซึมหักเหแสงที่มีความยาวคลื่นต่างๆกันด้วยปริมาณต่างกัน แล้วปล่อยให้ลำแสงขาวออกมาเป็นสเปกตรัมที่มองเห็นได้
แสงสี และความร้อน
อะตอมของวัตถุร้อนจะให้รังสีอินฟราเรด และแสงสีแดงบางส่วนออกมา ขณะทีวัตถุร้อนขึ้น อะตอมของวัตถุจะให้แสงสีที่มีความยาวคลื่นสั้นลง ได้แก่ แสงสีส้มแล้วเป็นแสงสีเหลือง วัตถุที่ร้อนมากจะให้แสงสีทั้งสเปกตรัมทำให้เห็นเป็นแสงสีขาว
สีดิฟแฟรกชั่น
พลังงานคลื่นทุกรูปจะ "ดิฟแฟรก" หรือกระจายออกจาเมื่อผ่านช่องว่าง หรือรอบๆวัตถุ แผ่นดิฟแฟรกชันเกรตติ้ง เป็นแผ่นแก้วที่สลักเป็นช่องแคบๆ รังสีแสงจะกระจายออก ขณะที่ผ่านช่องแคบนั้นและมีสอดแทรกระหว่างรังสีโค้งเหล่านั้นเกิดเป็นทางของสีต่างๆกัน
ท้องฟ้าสีฟ้า
ดวงอาทิตย์ให้แสงสีขาวบริสุทธิ์ ซึ่งจะกระเจิงโดยโมเลกุลของอากาศ ขณะที่ส่องเข้ามาในบรรยากาศของโลก แสงสีฟ้าจะกระเจิงได้ดีกว่าแสงสีอื่น จึงทำให้ท้องฟ้าเป็นสีฟ้า ท้องฟ้าสีแดง
เมื่อดวงอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า แสงสีฟ้าทางปลายอีกด้านหนึ่งของสเปกตรัมจะกระเจิง เราจะเห็นดวงอาทิตย์เป็นแสงสีแดง-ส้ม เพราะแสงสีจากปลายสเปกตรัมด้านนี้ผ่านมายังตาเรา แต่แสงสีฟ้าหายไป
รุ้งปฐมภูมิ
จะเห็นรุ้งในขณะทีฝนตก เมื่อดวงอาทิตย์ อยู่ช้างหลังเรา รังสีแสงอาทิตย์ส่องผ่านหยดน้ำฝน ในท้องฟ้า หยดน้ำฝนนั้นคล้ายปริซึมเล็กๆ แสงขาวจะหักเหเป็นสเปกตรัมภายในหยดน้ำฝน และจะสะท้อนกลับออกมาสู่อากาศเป็นแนวโค้งสีต่างๆ
ความยาวคลื่นและความถี่ของแสง ความยาวคลื่นและความถี่ของแสงสีแตกต่างกันตามพลังงานที่สีแสงนั้นมีอยู่ เช่นแสงสีแดงมีพลังงานน้อยกว่าแสงสีม่วง แสงสี ความยาวคลื่น ความถี่ ม่วง 3.9-4.5x10-7 6.7-7.7x1014 น้ำเงิน 4.5-4.9x10-7 6.1-6.7x1014 เชียว 4.9-5.8x10-7 5.3-6.1x1014 เหลือง 5.8-6.0x10-7 5.1-5.3x1014 ส้ม 6.0-6.2x10-7 4.8-5.1x1014 แดง 6.2-7.7x10-7 3.9-4.8x1014
การผสมสี
สีทา สีย้อม หมึก และวัตถุสีต่างๆ มีสีเฉพาะตัว เพราะสีดังกล่าวดูดกลืน ความยาวคลื่นของแสงบางชนิด แต่สะท้อนแสงสีอื่น ซึ่งเป็นกระบวนการที่เรียกว่าการลบสีออกจากกันเหลือเป็นสีอื่น ในกระบวนการเติมสี ผลิตสีที่ต้องการได้โดยการผสมสีต่างๆ แต่ละกระบวนการมีสีบริสุทธิ์ "ปฐมภูมิ" สามสีซึ่งไม่สามารถผสมจากสีอื่นๆได้