สายใยแก้วนำแสง(Fiber Optic) ปัจจุบันมีการนำสายใยแก้วมานำสัญญาณกล้อง CCTV กันมากขึ้นเนื่องจากสาเหตุหลายประการไม่ว่าจะเป็นการตกของสัญญาณภาพรวมถึงรับส่งข้อมูลที่ไม่เพียงพอ สายใยแก้วนำแสง(Fiber Optic) เป็นสายนำสัญญาณคุณภาพสูงสุดในปัจจุบันนี้ โดยจะเป็นระบบการส่งสัญญาณที่เร็วที่สุด และเนื่องจากปัจจุบันต้นทุนในการวางระบบมีราคาที่ถูกลงมากเมื่อเทียบกับแต่ก่อนนี้ จึงมีการนำมาใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เช่นการนำสายใยแก้วมาใช้ในการส่งภาพโทรทัศน์หรือที่เรียกกันว่าเคเบิ้ลท้องถิ่น หรือไม่ว่าระบบกล้องวงจรปิด CCTV IP camera ก็ตามแต่ที่คนส่วนมากคิดถึงเป็นอันดับแรกก็ต้องเป็น ระบบเน็ทเวิร์ก(LAN)

หลักการทำงานของสายใยแก้วนำแสง

แก้

สายใยแก้วนำแสง(Fiber Optic) คือ สายนำสัญญาณข้อมูลที่ใช้หลักการทางแสงกล่าวคือ ใช้สัญญาณข้อมูลที่อยู่ในรูปของคลื่นแสง ส่วนตัวแก้วนำแสงอาจจะผลิตจากแก้วหรือพลาสติกโดยสัญญาณข้อมูลจะถูกเปลี่ยนเป็นคลื่นแสงแล้วจึงส่งให้เดินทางสะท้อนภายในสายใยแก้วเรื่อยไปจนถึงผู้รับที่ปลายทาง สายใยแก้วมีคุณสมบัติที่ดีกว่าสายทั่วไปหลายประการ เช่น มีขนาดเล็ก ส่งข้อมูลได้รวมเร็วและครั้งล่ะมากๆ สัญญาณข้อมูลที่ส่งไม่มีคลื่นคอยลบกวน แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน เช่น เมื่อสายใยแก้วขาดหักงอหรือแตกหัก จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ในการเชื่อมต่อที่แพงมาก และยุ่งยากมากกล่าวคือมีค่าใช้จ่ายสูงในการซ่อมแซมกว่าสายประเภทอื่น ๆ สรุปสายใยแก้วนำแสงคือแท่งแก้วใส ๆ และข้อมูลที่ส่งผ่านสายจะถูกเปลี่ยนจากข้อมูลปกติให้เป็นแสง โดยใช้อุปกรณ์ที่เรียกกันว่า Converter หลักจากนั้นเมื่อถึงปลายทาง จำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์ Converter อีกชุดเพื่อเปลี่ยนสัญญาณกับมาเป็นแบบเดิมอีกครั้ง

การแบ่งประเภทของสายใยแก้ว

แก้

สายใยแก้วนำแสงได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทดังนี้ 1.Singlemode Fiber Optic เป็นการใช้ตำนำแสงที่บีบอัดลำแสงให้พุ่งตรงไปตามท่อแก้วขนาดศนย์กลางของแกนแท่งและ Cladding คือ ประมาณ 9 ไมครอนโดยมี Cladding ขนาด 125 ไมครอน และมีการกระจายแสงออกทางด้านข้างน้อยมาก ซิงเกิลโหมดจึงเป็นสายใยแก้วนำแสง ที่มีกำลังสูญเสียทางแสงน้อยที่สุด เหมาะกับการใช้ในระยะทางไกล ๆ เช่น เดินทางระหว่างประเทศ ระหว่างเมือง มักจะใช้แบบซิงเกิลโหมด 2.Multimode Fiber Optic หลัก ๆ ก็มีแยกออกอีกตามขนาดศูนย์กลางของแกนแท่งและ Cladding คือ โดยประมาณ 50 ไมครอน โดยมี Cladding ขนาด 125 ไมครอน หลักการทำงานก็ไม่ยาก คือสัญญาณจะวิ่งสลับกันเป็นฟันปลาส่งสัญญาณออกเป็นกลุ่ม ทำให้ได้ความหนาแน่นของสัญญาณมากกว่าแบบซิงเกิลโหมดแต่ได้ระยะทางที่น้อยกว่า สรุปง่าย ๆ คือถ้าระยะการเดินสายกล้องวงจรปิด ip camera เกิน 500 เมตร จะใช้แบบ Singlemode แต่ถ้าระยะสายต่ำกว่านิยมใช้สายแบบ Multimode เพราะราคาของอุปกรณ์ถูกกว่า