Nitigor

ประวัติ

วัดพิกุลทอง พระอารามหลวง หรือที่เรียกว่า วัดใหม่พิกุลทอง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีตั้งอยู่เลขที่ 93 หมู่ 3 ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน้อย สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2434 พื้นที่สร้างวัดประมาณ 103 ไร่เศษ แบ่งออก เป็น 2 เขต คือ เขตสังฆาวาส เป็นสถานที่พักอาศัยของพระภิกษุ สามเณร และสิ่งปลูกสร้าง เสนาสนะภายในวัด และเขตพุทธาวาส หรือเขต พุทธสถาน เป็นที่ประดิษฐานองค์พระใหญ่ประทานพร

วัดพิกุลทองนั้น เดิมมีชื่อว่าวัดใหม่พิกุลทอง แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดใหม่ เพราะเป็นวัดที่สร้างขึ้นใหม่ โดยไม่ได้เป็นวัดร้างมาก่อน

ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดพิกุลทอง เมื่อปี 2483 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2440 และครั้งเมื่อปี พ.ศ.2515 ได้รับยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีเมื่อปี พ.ศ.2536

ปัจจุบัน พระราชสุวัฒนาภรณ์ (ประจวบ สุธีโร) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพิกุลทองผู้สืบสานเจตนารมณ์ ต่อจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อแพ ทั้งในด้านการเผยแผ่ธรรมะให้กับญาติโยม การบูรณะปฏิสังขรณ์เสนาสนะ และด้านการศึกษาพระปริยัติธรรมของพระภิกษุ สามเณร อย่างต่อเนื่อง โดยจัดการศึกษาออกเป็น 3 แผนก คือ แผนกบาลี-นักธรรม โรงเรียนพระปริยัติธรรมสายสามัญ (ม.1-6)

ลำดับเจ้าอาวาส

1.พระอธิการจันทร์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2434-2441

2พระอธฺิการมั่น ตั้งแต่ พ.ศ. 2441-2445

3.พระอุปัชฌาย์พัน ตั้งแต่ พ.ศ. 2445-2467

4.พระอธิการหยด ตั้งแต่ พ.ศ. 2468-2473

5. พระธรรมมุนี (แพ เขมงฺกโร) ตั้งแต่ พ.ศ. 2474-2542

6. พระราชสุวัฒนาภรณ์ (ประจวบ สุธีโร) ตั้งแต่ พ.ศ.2543-ปัจจุบัน

ประวัติพระธรรมมุณ๊ (หลวงพ่อแพ )

ไฟล์:า.jpg

นามเดิมว่า แพ บิดาชื่อ เทีวน มารดาชื่อ หน่าย นามสกุล ใจมั่นคง เกิดเมื่อวันทร์ เดือนยี่ ขึ้น 9 ค่ำ ปีมะโรง ตรงกับวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2448 ที่บ้านสวนกล้วย ต.ถอนสมอ อ.ท่าช่าง จ.สิงห์บุรีท่านมีพี่น้องร่วมมารดา 4 คน ท่านเป็นคนสุดท้องเกิดได้ 8 เดือน มารดาก็ได้ถึงแก่กรรม นายบุญและนางเพียร ขำวิบูลย์ จึงรับเลี้ยงดูท่านเป็นบุตรบุญธรรม บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2463และอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2469 ณ พระอุโบสถวัดพิกุลทอง โดยมีพระมงคลทิพยมุณี เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชวาส กรุงเทพฯ เป็นพระอปัชฌาย์ ได้รับฉายาทางสมณเพศว่า เขมงฺกโร หลวงพ่อแพ่ ถือได้ว่า เป็นผู้พัฒนาวัดพิกุลทอง ให็เจริญรุ่งเรืองมาโดยลำดับและได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดพิกุลทอง รูปที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2474 เป็นต้นมา ท่านได้ใช้สติปัญญา ความสามารถพัฒนาวัดให้เจริญทั้งด้านวัตถุสิ่งก่อสร้าง ด้านการศึกษาปริย้ติธรรมแด่พระภิกษุสามเณร และเผยแผ่ธรรมปฏิบัตีแก่ญาติโยมทั่วไป พัฒนาทั้งภายในวัด และสาธารณประโยชน์ให้เจริญยิ่งขึ้น เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชนทั่วไป

พ.ศ. 2525 ได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี

พ.ศ. 2539 ได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์เป็นชั้นธรรม ที่พระธรรมมุณี

ท่านได้มรณภาพ เมื่อวันที่ 10กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 ณ โรงพยาบาลสิงห์บุรี สิริรวมอายุได้ 94 ปี

ปูชนียวัตถุภายในวัด

พระพุทธรูปประทานพร

ศิลปสมัยสุโขทัย หน้าตักกว้าง 11 วา 2 ศอก คอกกรีตเสริมเหล็กองค์พระประดับด้วยโมเสดทองคำ 24 เค จากประเทศอิตาลีและเป็นพระพุทธรูปปางประทานพรที่สง่า สวยงามและใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งในประเทศไทย ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูิมิพลอดุลยเดช ราชที่ 9 นามว่า พระพุทธสุวรรณมงคลมหามุนี

พระสีวลี (พระฉิม)

สร้างด้วยโหละลงลักปิดทองคำ มีขนาดสูง 9 ศอก 9 นิ้ว ประดิษฐานกลางสระน้ำด้านหน้าองค์พระใหญ่

พระสังกัจจายนะ

สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กหน้าตักกว้าง 9 เมตร ประดิษฐานทิศใต้ขององค์พระใหญ่ในสวนพุทธอุทยาน

รูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี)

เท่าองค์จริงได้ถอนแบบมาจากวัดระฆังโฆสิตาราม ประดิษฐานในวิหารด้านหลังพระอุโบสถ

วิหารคต

รอบองค์พระใหญ่ประทานพรประดิษฐานพระพุทธรูปประจำเดือน ปี เกิด ต่างๆ รวมจำนวน 56 องค์

พระพิฆเณศ

เทพเจ้าแห่งความสำเส็จสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก หน้าตัก กว้าง 9 ศอก ประดิษฐานกลางสระน้ำด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือองค์พระใหญ่

พระประธานในพระอุโบสถ นามว่าพระพุทธศรีวิริยโสภิต

หลวงพ่อสีเกสโร พระอาจารย์ด้านวิทยาคมของหลวงพ่อแพ ท่านได้สร้างถวายแก่หลวงพ่อแพ

วิหารรูปเหมือนหลวงพ่อแพองค์ใหญ่

หน้าตักกว้าง 6 เมตร ลงลักปิดทองอยู่ด้านทิศเหนือนองค์พระใหญ่

พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อแพ

เป็นที่ตั้งสรีระสังขารของพระเดชพระคุณหลวงพ่อแพ และรูปเหมือนหุ่นขี้ผึ้งขนาดเท่าองค์จริงซึ่งเป็นสถานที่ที่ศิษยานุศิษย์และประชาชนทั่วไปมาสักการะบูชาของพร