บุญ

           บุญคือ ความสุขใจ ความสบายใจ ทุกคนเมื่อได้ทำบุญ จะรู้สึกถึงความสุขทางใจที่เกิดกับตัวเอง และทุกครั้งเมื่อได้ทำบุญ เรามักจะเผื่อแผ่ผลบุญนั้นๆไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เพื่อนร่วมสุขตลอดมากับเรา อันนี้แสดงถึงการมีน้ำใจ ความมีจิตเมตตากรุณา เอื้ออาทรต่อกันกับสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนี้

           แต่ในสถานการณ์ปัจจุปัน บุญได้ถูกนำมากล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอย ในเรื่องของอานิสงค์ผลบุญ อันอาจจะเกิดจากความไม่รู้จริง หรืออาจจากอำนาจกิเลสครบงำปิดบังดวงตาให้มืดมน ทั้งนี้เพราะหลายคนหลายกลุ่มในบ้านเมืองเรา ได้อาศัยบุญในพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องมือในการหากิน สร้างผลประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้อง จนร่ำรวยไปตามๆกัน แต่บางพวกก็อ้างงานบุญ  จากการเผาพระ ฌาปณกิจคน มาเป็นวิธีการ ในการหาเงิน หรือดูดเงินจากกระเป๋าคน หลายครั้งหลายคราที่กลุ่มผู้จัดงานกลัวขาดทุน จัดงานแล้วอยากได้กำไร(คิดไปโน้นเลย)คิดว่าเสร็จงานนี้แล้วจะได้กำไรเท่าไร  เพื่อเอามาตั้งมูลนิธิ หรือพัฒนาส่วนต่างๆที่อยากทำ เพื่อหนทางแห่งเงิน ฯลฯ อย่างนี้เป็นเรื่องของคนไร้สาระโดยสิ้นเชิง อาศัยภาพแห่งการน่าเชื่อถือ น่าศรัทรา เลื่อมใสของตนเองและพวกพ้อง เที่ยวแจกซองบุญเรี่ยไรเงินจากคนโน้นคนนี้บ้าง พอเขาทำบุญมาน้อยหรือไม่ทำบุญมาเลย อาจเป็นเพราะเขาไม่ศรัทราเลื่อมใสหรืออาจเป็นเพราะเขาไม่มีที่จะทำบุญ หรืออาจเป็นเพราะสาเหตุอื่นๆใดก็ตามพวกนี้ก็มานั่งคิดทบทวนบวกลบคุณหารหลังเสร็จงาน เที่ยววิจารณ์คนโน้นคนนี้ เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ คนพวกนี้แหละเขาเรียกว่า พระเทวทัต กลับชาติมาเกิด

         เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งในสังคมปัจจุบันที่เราๆและท่านทั้งหลายพอได้สังเกตเห็นบ้างหากไม่ทอดสายตาละเลยเมินเฉยความเป็นจริงในข้อนี้ไป

         ดังนั้นจึงขอฝากท่านผู้รู้ผู้มีปัญญาอันแจ้งแทงตลอดได้พินิจพิจารณาหาหนทางแก้ไขในสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อให้การทำบุญได้เกิดบุญอย่างแท้จริง

           ทำบุญเพื่อบุญ เป็นบุญ

           ทำบุญเพื่อผลบุญก็เป็นบุญอยู่ 
            แต่การทำบุญเพื่อเอาหน้า 
 ทำบุญเพื่อยกฐานะทางสังคมและทำบุญแล้วกลัวขาดทุน 
            เรียกว่า “ธุรกิจบุญโดยแท้”