เจษฎา เทคนิค มิวเซียม พิพิธภัณฑ์รถมีชีวิต--กานต์ 19:45, 29 มีนาคม 2552 (ICT) ภาพของรถบัสลอนดอน ที่ใช้แห่น้องเก๋ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล สาวน้อยนักยกน้ำหนักเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิค 2008 เข้าสู่ จ.นครสวรรค์ บ้านเกิด เมื่อวันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม 2551 คงจะดูแปลกตาสำหรับใครหลายคน แต่คุณจะยิ่งให้ความสนใจถ้ารู้ว่ารถลอนดอนบัส 2 ชั้น ด้านบนเปิดประทุนสีแดงสด คันนี้ เป็นรถที่มีอยู่เพียง 1 ใน 3 คันของโลก ที่สำคัญเป็นรถคันเดียวกับที่ใช้แห่นักเตะทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เมื่อครั้งคว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ ลีก ในปี 1999 อีกด้วย เจ้าของรถคันนี้คือ เจษฎา เทคนิค มิวเซียม พิพิธภัณฑ์จัดแสดงยานยนต์ จาก อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม โดยมีคอนเซ็ปต์ในการจัดขบวนแห่ครั้งนี้คือ "ทู บี แชมป์เปี้ยน อิน ลอนดอน 2012" ซึ่งมีความหมายว่าให้น้องเก๋คว้าเหรียญได้อีกครั้งในโอลิมปิกครั้งหน้าที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ และนี่เป็นเพียงแค่หนึ่งในหลายร้อยงานที่ทางเจษฎาเทคนิคมิวเซียมได้เข้าร่วม เนื่องจากคุณเจษฎาเดชสกุลฤทธิ์เจ้าของพิพิธภัณฑ์ไม่ต้องการให้รถที่เขาสะสมจอดอยู่นิ่งๆแต่ต้องการให้รถทุกคันในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชีวิต สัมผัสได้ ผู้ที่มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้สามารถทดลองขับกันได้เลย

            Jesada Technik museum (เจษฎา เทคนิค มิวเซียม) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวมรวบและจัดแสดงยานยนต์ เครื่องกล ยานพาหนะ หลากหลายชนิด ปัจจุบันที่นี่ได้รวบรวมยานพาหนะทุกประเภทจากทั่วทุกมุมโลก และเป็น Technik Museum แห่งเดียวในประเทศไทย และอาจเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ซึ่งมีของสะสมมากที่สุดในแถบเอเซีย โดยยานพาหนะที่รวบรวมมาจัดแสดงไว้นี้มีทั้ง ยานพาหนะทางบก ยานพาหนะทางน้ำ และยานพาหนะทางอากาศ 
            Jesada Technik museum ก่อตั้งโดยนายเจษฎา เดชสกุลฤทธิ์ นักธุรกิจโรงงานประกอบรถต่างๆ อาทิ รถขยะ รถล้างท่อระบายน้ำ รถเติมน้ำมันเครื่องบิน รถถ่ายทอดดาวเทียม ฯลฯ ที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลก โดยในการเดินทางแต่ละครั้งได้มีโอกาสเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์ในต่างประเทศ ได้เห็นความสวยงาม วัฒนธรรมของสะสมล้ำค่าในต่างประเทศมากมาย ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ ประกอบกับการที่มีใจรักและชอบในยานพาหนะมาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะรถเล็กหรือที่เรียกว่ารถการ์ตูน (Bubble Car) ซึ่งเสน่ห์ของมันอยู่ตรงประตูที่มีที่จับอยู่ด้านติดกับพวงมาลัยจึงเปิดออกจากฝั่งซ้ายไปขวา คุณเจษฎาได้ทำการซื้อและเริ่มสะสมยานพาหนะอย่างจริงจังมานานนับสิบปี  โดยรถคันแรกในชีวิตที่สะสมเป็นรถเมซาสมิธซึ่งประมูลมาได้จากประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ ในราคาประมาณ 5 แสนกว่าบาท สร้างโดยอดีตบริษัทผู้ผลิตเครื่องบิน ทำให้แม้แต่แฮนด์บังคับของรถก็ยังเป็นของเครื่องบินและภายในมีที่นั่งสองคู่แบบห้องโดยสารภายในเครื่องบิน

ภายในเจษฎาเทคนิคมิวเซียมมีลักษณะเหมือนเป็นโรงเก็บรถขนาดใหญ่ มีรถนานาชนิดจอดเรียงรายอยู่เต็มไปหมด โดยส่วนใหญ่เป็นรถที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ที่โดดเด่นสะดุดตาสุดๆเห็นจะเป็นรถแท็กซี่จากนิวยอร์กที่มีสีเหลืองสดใส แถมยังมีรถพลังงานแสงอาทิตย์, รถสมัยสงครามโลก ,รถตัวถังไม้อายุกว่า 70 ปี ซึ่งเจ้าของเก่าเคยใช้ในการเกษตรกรรม, รถพลังงานเตาถ่านที่ยังคงสภาพเดิมเอาไว้ให้ได้ศึกษาหาความรู้ ฯลฯ และรถ Checker คันยาวจากประเทศอเมริกาที่มีความจุได้ถึง 16 ที่นั่ง ซึ่งเป็นรถรับ-ส่งที่รับผู้โดยสารวีไอพีจากสนามบิน

   	นอกจากจะได้ชมบรรดารถเก๋ง รถแวน รถคลาสสิกหาดูได้ยากแล้ว ยังมีรถจักรยาน รถมอเตอร์ไซค์ รถสามล้อ     รถเข็น หรือแม้แต่รถถัง  รถการ์ตูนหรือรถบับเบิ้ลคาร์  รถเมล์ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ บีเอ็มดับบลิว เบนซ์ โลส์รอยซ์ โอเปิล โอลิมเปีย ฟอร์ด โฟล์ค จักรยานยนต์เครื่องยนต์ "โซเล็กซ์" ลิมูซีน เวสป้าเกือบจะทุกสไตล์ สามล้อเครื่อง สามล้อถีบ ทั้งในส่วนที่ของไทยและต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น เยอรมนี ฝรั่งเศส สวีเดน ฟินแลนด์ อเมริกา ญี่ปุ่น ฯลฯ ซึ่งในบรรดายานพาหนะเหล่านี้มีทั้งในส่วนที่ซ่อมบำรุงพร้อมวิ่งได้ และมีส่วนที่กำลังเตรียมซ่อมแซมอยู่อีกเป็นจำนวนมาก เรียกว่ามาที่นี่ที่เดียวได้รับความรู้เกี่ยวกับรถโบราณไปเพียบ เพราะแต่ละคันล้วนมีที่มาที่น่าสนใจ เพราะมาจากทั่วทุกมุมโลก 
             แต่น่าทึ่งยิ่งกว่าก็คือพื้นที่อีกส่วนหนึ่งซึ่งไม่ได้จัดแสดงอย่างเป็นกิจลักษณะแต่เป็นพื้นที่กลางแจ้งที่ทั้งเรียงรายและระเกะระกะไปด้วยพาหนะจำนวนอีกมากมายก่ายกองทั้งที่มีเครื่องยนต์และไม่มีเครื่องฯ ไม่ว่าจะเป็นรถไถนา ตุ๊กตุ๊ก แทร็กเตอร์ รถตู้ จิ๊ป รถดับเพลิง รถพยาบาล รถติดปืนกล(ปลอม) รถสองแถว รถถัง เครื่องบิน Tri Star, Dakota และ โบอิ้ง 747 เฮลิคอปเตอร์ เรือเอี้ยมจุ๊นขนข้าวสาร เรือเร็ว เครื่องยนต์ต่างๆ ทั้งสูบเดียว สองสูบ สี่สูบ แม้แต่ตอปิโดก็ยังมี

ในส่วนของยานพาหนะทางน้ำ คุณเจษฎาได้ซื้อเรือมาจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา การขนย้ายก็ต้องลากมาจมน้ำไว้ที่จังหวัดนครชัยศรี ราคาลำที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่เกือบล้าน เนื่องจากเป็นไม้สัก ด้านล่างเป็นไม้ตะเคียนทอง 3 แผ่น และตอนนี้ยังมีเรือฝากไว้ที่วัดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาประมาณ 100 กว่าลำ เรียกว่าเยอะจนไม่มีที่จะเก็บ และยังได้มีการติดต่อซื้อเรือดำน้ำสัญชาติรัสเซีย U-194 Whiskey Class มาไว้เพื่อให้คนไทยและผู้ที่สนใจได้เยี่ยมชมด้วย ถ้าจะพูดถึงความแปลกของรถที่นี่ คงจะต้องอธิบายกันอีกยาว ยกตัวอย่าง รถที่หลายคนอาจไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต ประเภทแรกคือรถที่ทำจากวัสดุแปลก ได้แก่ รถหุ้มหนัง ยี่ห้อเวโลเลก จากประเทศเชคโกสโลวาเกีย ก่อนมีการแยกประเทศ รถคันนี้เป็นรถที่ทำสมัยสงครามโลกซึ่งช่วงนั้นเหล็กหายากเพราะถูกนำมาใช้ในการรบจนเกือบหมด จึงได้มีผู้คิดนำหนังมาทำแทน เพราะหนังเป็นวัสดุที่หาง่าย ตัดเย็บเองที่บ้านได้ โดยไม่ต้องพึ่งโรงงานอุตสาหกรรมที่กำลังวุ่นอยู่กับการผลิตอาวุธสงคราม ต่อมารถที่ทำจากอะลูมิเนียม ยี่ห้อฟูด้า จากเยอรมัน มีจุดประสงค์ในการสร้างเช่นเดียวกับรถหุ้มหนัง แต่จะมีข้อดีกว่าหนังตรงที่ให้น้ำหนักเบา กินน้ำมันน้อย และออกตัวดีกว่า และสุดท้ายไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเคยมีเอากระดาษมาทำรถกันด้วย เป็นรถเยอรมัน ยี่ห้อตาบาน

	รถที่มีเครื่องยนต์กลไกแปลกๆ ได้แก่ รถเก๋งแต่มีคันสตาร์ทมอไซด์ เจ้ารถคันนี้เป็นรถที่หน้าตาเหมือนรถ 4 ล้อ แต่จริงๆมี 3 ล้อ เป็นความฉลาดของคนโบราณที่ทำขึ้นเพื่อให้ใช้งานได้ 2 แบบ คือใช้ได้ทั้งพลังงานจากแบตเตอรี่หรือพลังงานไฟฟ้า โดยเวลาปกติก็จะสตาร์ทแบบธรรมดาแต่เมื่อแบตเตอรี่หมดก็ใช้วิธีเหยียบคันสตารท์ที่อยู่ใต้ฝากระโปรงหน้ารถ ใช้เป็นไฟสำรองเมื่อแบตหมดนั่นเอง รถเก๋งแต่มีเครื่องยนต์อยู่กะบะท้าย การใส่เครื่องยนต์ไว้ที่ฝากระโปรงท้ายรถมีข้อดีตรงลดขั้นตอนการผลิต ขับเคลื่อนได้โดยตรง อย่างรถพวกโฟล์คเต่า เครื่องยนต์อยู่ข้างหลัง สร้างขึ้นเพื่อลุยทะเลทราย ต้องการให้ข้างหลังหนัก ข้างหน้าจะได้ไม่จมทราย เป็นรถที่ฮิตเลอร์ประกาศไว้ว่าเป็นยวดยานของประชาชน มีราคาถูก และวิ่งในทะเลทราย ระบายความร้อนด้วยลม รถเก๋งแต่มีล้อเป็นจักรยาน สร้างขึ้นมาเพื่อลดน้ำหนักของตัวรถ ต้นทุนถูก ใช้ในช่วงสงคราม  และรถที่มีรูปทรงแปลก เช่น รถเก๋งมี 3 ล้อสีฟ้าแบบที่ตัวเอกในภาพยนตร์ตลกเรื่องมิสเตอร์บีนใช้ รถจิ๋วเปิดประตูได้ 2 ข้างพร้อมกันเหมือนกับเวลาเปิดตู้เสื้อผ้า 

รถดีไซน์แปลก ได้แก่ รถเก๋งที่มีประตูเปิดแบบประตูเครื่องบิน และรถดอรอเลนซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับที่ใช้แสดงในภาพยนตร์เรื่อง Back to the future ความพิเศษอยู่ตรงที่ประตูเปิดกางขึ้นเหมือนปีกนก รถประเภทใช้เชื้อเพลิงแปลก ได้แก่ รถเก๋งใช้ฟืน เป็นรถสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เชื้อเพลิงหายาก ใช้วิ่งทั่วไป รถเก๋งพลังงานโซลาร์เซลล์ ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เป็นรถจากประเทศเดนมารค์ นอกจากนี้ยังมีรถประเภทราคาสูง ได้แก่ รถรับส่งสนามบิน รถเชื้อพระวงศ์ ยี่ห้อฮอนด้าบีท ซึ่งเป็นป็นรถเล็กของพระองค์ภา ท่านพระราชทานมาให้ ซื้อขายไม่ได้ รถประเภทสวยงาม หรูหรา ได้แก่ รถคลาสสิก BM 5018 ผลิตออกมาเป็นคู่แข่งเมอซิเดสเบนซ์ หายาก คันที่มีอยู่เป็นสีน้ำเงินคว้าถ้วยรางวัลมา 2 รางวัล และได้ที่ 1 ประเภทรถคลาสสิกดีเด่นจากการประกวดในงานมอเตอร์โชว์ ประเภทใช้งานพิเศษ ได้แก่ รถส่งเนื้อและรถส่งของ ซึ่งตัวรถเป็นไม้ รถขับในอุโมงค์ใต้ดินสมัยสงครามโลก เป็นรถที่ใช้ทั้งในอุโมงค์ใต้ดินและบนบก หน้ารถมีไฟ 3 ดวง ในช่วงสงครามถ้าวิ่งบนบกสามารถเปิดเฉพาะไฟดวงกลางทำให้เครื่องบินคิดว่าเป็นรถมอไซด์หรือรถทหารจะได้ไม่ทิ้งระเบิด เพราะถ้าเปิดไฟ 2 ดวงซ้ายขวาก็จะเห็นเป็นเก๋ง เครื่องบินก็จะทิ้งระเบิดใส่ เวสป้าทัวร์ทั่วโลก เป็นรถเยอรมัน เจ้าของเป็นชาวเยอรมัน เขาขับรถคันนี้ทัวร์ทั่วโลกมาแล้วและได้เขียนชื่อประเทศที่เขาไปไว้ที่ข้างรถด้วย ทางคุณเจษฎาไปขอซื้อเขามาราคาเกือบล้าน รถแลมแลตต้า เป็นรถหายากมีรูปร่างคล้ายเวสป้า แต่เป็นสามล้อคันแรกของเมืองไทยหรือตุ๊กตุ๊กคันแรกของเมืองไทยนั่นเอง แรกเริ่มใช้กันที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนภายหลังพออยุธยาเลิกใช้ก็ส่งไปอยู่เชียงใหม่ทั้งหมด และยังมีจักรยานยี่ห้อต่างๆของไทย และเครื่องเติมน้ำมันเมืองนอก อีกด้วย พิพิธภัณฑ์เจษฎา เทคนิค มิวเซียม เปิดบริการเข้าชมทุกวัน เวลา 9.00-17.00น. โดยทางพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ที่ บ้านเลขที่ 100 หมู่ 2 ตำบลงิ้วราย อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม 73120 หรือ สามารถโทรติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางหมายเลข 02 883-2880, WWW.Jesadatechnikmuseum.Com