บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์
อุตสาหกรรมเทคโนโลยี
ก่อตั้งกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2561
สำนักงานใหญ่กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย
บุคลากรหลัก
จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา

สกลกรย์ สระกวี

อธิชนัน พูลเกษ

อรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์

สุกฤษฎิ์ พุทธวิริยะ
เว็บไซต์https://www.bitkub.com/

บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด. แก้

เครือบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (Bitkub Capital Group Holding Co.,Ltd.) ย่อเป็น บิทคับ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2561 มีสำนักงานหลักตั้งอยู่ที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย รู้จักในชื่อ "บิทคับ" ในฐานะผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล โดยมีสินทรัพย์ดิจิทัลให้เลือกซื้อขายมากกว่า 48 รายการ โดยได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์[1][2][3][4] นอกจากนี้เครือบริษัทฯยังให้บริการให้คำปรึกษาเพื่อประยุกษ์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ากับองค์กรหรือธุรกิจ และบริการด้านการศึกษาเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนสำหรับผู้ที่สนใจ

บริษัทในเครือ แก้

บริษัทภายในเครือบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด มีอยู่ 3 บริษัทด้วยกัน[5] ได้แก่

1.บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (อังกฤษ: Bitkub Online Co., Ltd.)เป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

2.บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด (อังกฤษ: Bitkub Blockchain Technology Co., Ltd. ) กลุ่มที่ปรึกษาด้าน ICO [6]รวมถึงการพัฒนาและออกแบบบล็อกเชนให้แก่หน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน

3.บริษัท บิทคับ แล็ป จำกัด หรือ บิทคับ อะคาเดมี่ (อังกฤษ: Bitkub Labs Co., Ltd. / Bitkub Academy) ธุรกิจการศึกษาด้านบล็อกเชน เน้นการสร้างองค์ความรู้ที่เป็นองค์รวมของการออกแบบและพัฒนาบล็อกเชน

ประวัติ แก้

บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2561 จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วยทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท นำโดยคุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเครือบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด โดยมีภารกิจหลักในการให้บริการเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัลและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชน

บิทคับ ถือเป็นบริษัท Startup ที่สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วในช่วงปี พ.ศ. 2561 จนถึง พ.ศ. 2562 โดยอัตราการก้าวกระโดดของรายได้ในช่วงปีดังกล่าวนั้นสูงถึง 338 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นมาจาก 8 ล้านบาทในปี พ.ศ. 2561 ขึ้นไปอยู่ที่ 35 ล้านบาทในปี พ.ศ. 2562 [7]

อ้างอิง แก้

แหล่งข้อมูลอื่น แก้