วัดป่าเคียนพิง ธ. ตำบลต้นยวน อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี

วิมโลวาท(โอวาทธรรม โดย หลวงตาพร) ๑. ตัวศีล คือ ตัวเจตนางดเว้น รับศีลแล้วแต่ไม่มีเจตนารักษา มันก็ได้แค่ศีลประเพณี ศีลพิธีกรรมแล้วจะเอาอานิสงส์ของศีลมาจากไหน

๒. บุญ เกิดจากการทำทาน มหาบุญ เกิดจากการรักษาศีล อภิมหาบุญ เกิดจากการเจริญเมตตาภาวนา

๓. ทำทานให้ถูกต้อง รักษาศีลให้ถูกต้อง ภาวนาให้ถูกต้อง นิพพานคือความพ้นทุกข์อยู่ไม่ไกลเลย

๔. การปฏิบัติภาวนานั้น ตัวเจตนาเป็นสิ่งสำคัญมาก ส่วนสติ สมาธิ และปัญญานั้นมันเป็นสิ่งจำเป็นอยู่แล้ว เพราะการภาวนานั้นต้องมีเจตนาปฏิบัติเพื่อรู้แจ้งในธรรมเป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์ ไม่ใช่มีเจตนาเพื่อเด่น เพื่อดัง เพื่อลาภ ยศ สรรเสริญ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์

๕. ความรวยนั่นดี แต่อย่าหลงความรวย

๖. ถ้ายิ่งให้ ก็ยิ่งเบา แต่ถ้ายิ่งเอา ก็ยิ่งหนัก

๗. อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค สิ่งเหล่านี้เป็นของบำรุงร่างกาย ส่วนสิ่งที่เครื่องบำรุงจิตใจ มีแต่ธรรมะของพระพุทธองค์เท่านั้น

๘. ชาวพุทธเราแค่การกราบพระก่อนนอนทุกวันยังทำกันไม่ค่อยได้ เพราะมักอ้างว่าไม่มีเวลาบ้าง ง่วงนอนบ้าง แต่พอเวลาดูทีวี ไปเที่ยวบ้าง นั่งเล่นบ้าง กลับไม่เคยอ้างว่าไม่มีเวลา แล้วตกลงเราเป็นชาวพุทธแน่แล้วเหรอ

๙. การภาวนาสำหรับฆราวาสใน ๒๔ ชั่วโมง ต้องมีอย่างน้อย ๑ ครั้ง มากกว่านั้นยิ่งประเสริฐ แต่สำหรับนักบวชแล้วใน ๒๔ ชั่วโมง ต้องมีมากกว่า ๑ ครั้ง

๑๐. หากในครอบครัวใดมีผู้รักษาศีลห้าบริสุทธิ์ตลอดเวลาอาศัยอยู่ ครอบครัวนั้นไม่ต้องนิมนต์พระเจริญพระพุทธมนต์ที่บ้านก็ได้ เพราะบ้านนั้นเป็นมงคลแล้ว

๑๑. โลภมาก ก็จนมาก โลภน้อย ก็จนน้อย แต่ถ้าหมดโลภ ก็หมดจน

๑๒. คนที่ยังไม่สนใจในบุญกุศลมักคิดว่า ไปวัดก็เสียงาน ทำบุญก็เสียเงิน

๑๓. นกที่มีรังเล็กๆ เช้าก็บินไปหากิน ตกเย็นก็กลับมานอนรัง พอตายก็เอารังไปไม่ได้ นกที่มีรังใหญ่ๆ เช้าก็บินไปหากิน ตกเย็นก็กลับมานอนรัง พอตายก็เอารังไปไม่ได้ คนที่มีฐานะยากจน เช้าก็ไปหากิน ตกเย็นก็กลับมานอนบ้าน พอตายก็เอาบ้านไปไม่ได้ คนที่มีฐานะร่ำรวย เช้าก็ไปหากิน ตกเย็นก็กลับมานอนบ้าน พอตายก็เอาบ้านไปไม่ได้ ลองคิดดูสิว่า ถ้าคนเราไม่ยอมสร้างบุญกุศล แล้วจะต่างอะไรกับนก

๑๔. หลวงตาไม่ได้สงสารแค่คนจนนะ คนรวยๆหลวงตาก็สงสารเพราะหากเขาไม่สนใจบุญกุศลเลย เขาก็เพียงแค่เกิดมากินบุญเก่าเท่านั้น

๑๕. การหาอยู่หากินมันก็จำเป็น เพราะถ้ายังมีภาระครอบครัวอยู่ก็ต้องหาเงินทองหรือทรัพย์หยาบแต่บุญกุศลคือ ทรัพย์ละเอียด เป็นอริยทรัพย์มันก็ต้องหาควบคู่กันไปด้วย

๑๖. การปฏิบัติภาวนามันเหมือนการพายเรือสวนกระแสน้ำ กระแสกิเลส ฉะนั้นจึงต้องเพียรทำบ่อยๆ ไม่อย่างนั้นมันก็ถูกกระแสน้ำ กระแสกิเลส พาไหลกลับมาที่เดิมอย่างเก่า แล้วจะไปหวัง ความก้าวหน้าในการภาวนาได้อย่างไร

๑๗. ปุถุชนคนเรามันห่วงร่างกาย หลงร่างกายมาก เลยบำรุงแต่ร่างกาย เพราะเวลาไม่สบายก็กินข้าวเวลาเหนื่อยก็กินข้าว เวลายุ่งก็ยังกินข้าว เวลาอารมณ์ดีก็กินข้าว อารมณ์ไม่ดีก็กินข้าว เวลาสุขก็กินข้าว เวลาทุกข์ก็กินข้าว แต่พอจะภาวนาก็อ้างว่ายุ่งบ้าง อารมณ์ไม่ดีบ้าง เหนื่อยบ้าง ไม่สบายบ้าง ทุกข์บ้าง ง่วงบ้าง จิตใจก็เลยไม่ได้รับการบำรุงเลย

๑๘. รู้จริง เกิดจากการศึกษาแล้วนำมาปฏิบัติขัดเกลาจิตใจให้หมดไปจากกิเลส อาสวะ ส่วนรู้จำ เกิดจากการศึกษาค้นคว้าและพิจารณาแต่ไม่ได้นำมาปฏิบัติ กิเลสซักตัวก็ไม่ได้หลุด หายไปจากใจแม้แต่น้อย

๑๙. ธรรมะชอบคนที่ปฏิบัติจริง เพราะถ้าไม่ปฏิบัติจริง มันก็ไม่เจอ

๒๐. เวลายางพาราแพงก็ดีใจ เวลาปาล์มแพงก็ดีใจ เวลาน้ำมันแพงก็น่าจะดีใจด้วยสิ ตกลงมันเป็นที่ยางพาราที่ปาล์มที่น้ำมัน หรือที่อะไรกันแน่ ลองพิจารณาดูสิ

๒๑. ผู้ใดเห็นจิตก็เหมือนเห็นเวทีต่อสู้กับกิเลสแล้ว อยู่ที่ว่าจะเอาชนะมันได้หรือเปล่าเท่านั้น

๒๒. ถามตัวเองบ้างหรือเปล่าว่าเราเกิดมาทำไม? หากตอบว่าเกิดมาเพื่อใช้กรรมถือว่าสอบตก หากตอบว่าเกิดมาเพื่อสร้างความดีอันนี้ได้คะแนนครึ่งเดียว แล้วตัวเองก็ต้องหมั่นสร้างความดีด้วยไม่ใช่แค่ตอบมาเฉยๆ แต่หากตอบว่าเกิดมาเพื่อสร้างบุญบารมีและตัวเองก็กำลังกระทำอยู่ อันนี้ได้คะแนนเต็มเลย

๒๓. ภาวนาทุกครั้งถึงแม้จิตยังไม่สงบ ก็ได้อภิมหาบุญทุกครั้ง แต่ต้องทำด้วยความเคารพและ เป็นไปเพื่อรู้แจ้งในธรรมะ

๒๔. จิตใจของคนเรามันสกปรกไปด้วยกิเลสอาสวะ จึงจำเป็นต้องใช้น้ำทาน น้ำศีล น้ำภาวนามา ช่วยในการทำความสะอาดจิตใจให้ผ่องใสบริสุทธิ์ แต่ต้องเป็นทาน ศีล ภาวนาที่ถูกต้องนะ

๒๕. ชาวพุทธเราแค่เรื่องทำทานก็ทำกันไม่ค่อยจะถูกต้อง อย่างเช่นจัดงานทำบุญอุทิศกุศลศพ หรือ งานบวชลูกบวชหลาน แล้วก็เอาวัวบ้าง หมูบ้าง มาฆ่าในงานแล้วมันเป็นบุญตรงไหน บางคนก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นจะเอาเนื้อสัตว์ที่ไหนมาทำกับข้าวเลี้ยงคนล่ะ อันนี้มันไม่ยากเลยก็ไปซื้อที่ เขามีวางขายที่ตลาดที่เขาทำมาแล้วหรือที่มันตายแล้ว แต่อย่าไปสั่งเขาให้ฆ่าให้ล่ะ ซื้อที่เขาทำวางขายแล้ว เพราะถ้าไปสั่งว่าพรุ่งนี้จะมาเอาเนื้อมันก็เหมือนจ้างวานเขาฆ่านั้นแหละ

๒๖. การภาวนานั้น บ้างครั้งมันก็สงบมาก บางครั้งมันก็สงบน้อย หรือบางครั้งมันก็ไม่สงบเลย สิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องธรรมดาเพราะสมาธิมันก็ไม่เที่ยงอยู่ใต้กฎพระไตรลักษณ์เหมือนกัน

๒๗. คนที่ไม่เคยภาวนาจนจิตสงบเป็นสมาธิ ก็เหมือนไม่เคยเอาใจเข้าห้องแอร์

๒๘. การดูพระอย่าดูกันที่แค่กิริยาภายนอกให้ดูธรรมะที่อยู่ข้างในนั่น เช่นเปรียบเทียบพระเป็นรถเก๋งกับรถอีแต๋น ต่างก็มีของที่บรรทุกอยู่ภายในรถ คันที่ ๑ รถเก๋ง บรรทุกเพชรพลอย คันที่ ๒ รถเก๋ง บรรทุกยาบ้า คันที่ ๓ รถอีแต๋น บรรทุกเพชรพลอย คันที่ ๔ รถอีแต๋น บรรทุกยาบ้า ลองพิจารณาดูสิว่า รถคันไหนน่ากลัวที่สุด

๒๙. การปฏิบัติธรรมมันไม่ได้เลือกว่าจะอยู่นิกายไหน จะมหานิกายหรือธรรมยุต หากปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรงตามธรรมของพระพุทธองค์แล้วพ้นทุกข์ได้เหมือนกัน

๓๐. สบ๊าย สบาย อยู่มากก็สบาย อยู่น้อยก็สบาย ฝนตกหน๊าวหนาวก็สบาย ทำงานมากเช้าจนเย็นก็สบาย มันสบายของมันตรงใจ ใจมันสบาย ถ้าใจเข้าใจแล้วมันสบาย

๓๑. ตัดสินใจทำอะไรแล้วต้องทำให้เสร็จ จะช้าจะไวก็ต้องทำให้เสร็จ เพราะเมื่อเสร็จแล้วมันก็จบ

๓๒. การปฏิบัติธรรมมันต้องคอยด่าตัวเอง ติตัวเอง แก้ไขตัวเอง แล้วมันจะก้าวหน้าแต่ถ้ามัวแต่ไปด่าคนอื่น ติคนอื่น ติดข้องผู้อื่น ให้ปฏิบัติไป ๑๐ ชาติก็ไม่ก้าวหน้า

๓๓. ความเกิดก็เป็นทุกข์ ความแก่ก็เป็นทุกข์ ความเจ็บก็เป็นทุกข์ ความตายก็เป็นทุกข์ความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักก็เป็นทุกข์ แต่ถ้าไม่มาเกิดก็ไม่เจอทุกข์ทั้งปวง

๓๔. คนส่วนมากเน้นหาแต่ทรัพย์ภายนอกคือทรัพย์สินเงินทอง แต่ทรัพย์ภายในซึ่งเป็นอริยทรัพย์ คือบุญกุศลกลับไม่ค่อยให้ความสนใจ ทั้งที่ทรัพย์ภายในนี่แหละที่คอยรักษาทรัพย์ภายนอก ไม่ให้วิบัติเสียหาย

๓๕. นักภาวนาให้พยายามสังเกตความคิดบ่อยๆ ไม่ว่าจะทำกิจการงานอะไรก็คอยสังเกตความคิดเสมอ เพราะความคิดนี่แหละที่เป็นตัวนำสุขนำทุกข์มาให้ใจ

๓๖. หากหวังได้รับผลจากการภาวนาก็ต้องภาวนาทุกวันอย่าได้เว้น อันนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะ ถ้าภาวนาแบบเด็กเล่นขายของ พอนึกสนุกก็เล่น เบื่อก็เลิก นึกอยากภาวนาก็ภาวนา พอไม่นาน ก็เว้น ก็เลิก ถ้าทำอย่างนี้ก็ยากที่จะได้รับผลที่แท้จริง

๓๗. ที่ว่าวัดนั้นเจริญ วัดโน้นเจริญ มันเจริญตรงวัตถุ หรือว่าเจริญในธรรมะกันแน่

๓๘. สิ่งก่อสร้างต่างๆไม่ว่าจะเป็นโบสถ์ ศาลา กุฏิ วิหาร สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสมบัติของพุทธศาสนาเท่านั้น แต่พุทธศาสนาจริงๆคือธรรมะ

๓๙. วัดป่าเคียนพิงนี้สร้างขึ้นมาเพื่อให้พุทธบริษัทได้เข้ามาประพฤติปฏิบัติธรรม มิใช่สร้างขึ้นมา เพื่อให้เป็นที่แสดงการละเล่นของกิเลสทางโลกทั้งหลาย

๔๐. ธรรมะของพระพุทธองค์ยังใหม่เอี่ยมทันทุกยุคทุกสมัย ไม่เคยเสื่อม แต่ที่เสื่อมก็คือใจของ คนต่างหากเพราะไม่นำธรรมะมาปฏิบัติกับใจตน

๔๑. การพิจารณาทางด้านปัญญานั้น เมื่อกำลังของสมาธิมั่นคงพอแล้วก็ให้พิจารณาตามหลักสติปัฏฐาน ๔ คือ กาย เวทนา จิต และธรรม

๔๒. การพิจารณาธรรมเพื่อให้จิตยอมรับสิ่งนั้นตามความเป็นจริงมันต้องใช้ปัญญาธรรมไม่ใช่ใช้สัญญาการจำได้หมายรู้ เพราะถ้าเป็นสัญญาไม่ใช่ปัญญามันก็เป็นรู้จำไม่ใช่รู้จริง

๔๓. หากพิจารณาธรรมภายนอกก็ต้องน้อมเข้ามาภายในด้วย เพราะเมื่อจิตยอมรับภายในส่วนภายนอกก็ยอมรับไปโดยอัตโนมัติ

๔๔. กายเป็นด่านแรกในการพิจารณาทางด้านปัญญา เพราะหากจิตยังไม่เข้าใจกายตามความเป็น จริงก็อย่าหวังว่าจิตจะไปละอุปาทานยึดมั่นถือมั่นในเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณได้เลย

๔๕. การพิจารณาทางด้านปัญญาไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด อย่าได้ให้ความสำคัญกับจำนวนครั้งที่พิจารณา แต่ควรถามตัวเองว่าจิตละและยอมรับเรื่องนั้นตามความเป็นจริงหรือยัง

๔๖. การที่จะให้จิตยอมรับสิ่งนั้นตามความเป็นจริง ต้องทำให้กำลังของสติ สมาธิและปัญญาเท่ากัน

๔๗. ชาวพุทธที่แท้จริงซึ่งขอถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ซึ่งเรียกว่า ไตรสรณคมน์ ว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึก เขาไม่กราบไหว้บูชาจอมปลวก ต้นไม้ หรือแม้แต่สัตว์แปลกประหลาดกันหรอก

๔๘. พระอรหันต์ท่านก็เป็นที่ใจ ใช่ที่ร่างกายตัวตน เพราะร่างกายเป็นสิ่งสมมุติ แต่จิตที่เป็นวิมุติอยู่เหนือสมมุติทั้งมวล

๔๙. อยากหล่อ อยากรวย อยากสวย อยากสุข อยากพ้นทุกข์ ไม่ยากทำทานให้ถูกต้อง รักษาศีลให้ถูกต้อง ภาวนาให้ถูกต้อง

๕๐. ถ้าชนะใจตนเองได้แล้ว มารทั้งหลายจะทำอะไรเราได้ละ

วัดป่าเคียนพิง มีกฎข้อห้ามดังนี้

      ๑. ห้ามดื่มเหล้าภายในวัด
      ๒. ห้ามเล่นการพนันภายในวัด
      ๓. ห้ามนำมหรสพต่างๆมาแสดงภายในวัด
      ๔. ห้ามพระ-เณร-ชี บอกหวย ใบ้หวย
      ๕. ห้ามนำสัตว์มาฆ่าภายในวัด

ข้อมูลในการติดต่อ วัดป่าเคียนพิง (ธรรมเจดีย์) เลขที่ ๓๘๔ หมู่ที่ ๙ บ้านบางโก ต.ต้นยวน อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี ๘๔๒๕๐ โทรศัพท์ ๐๘๗ ๗๐๔๗ ๑๒๓ , ๐๘๑ ๘๙๓ ๕๕๖๓ Face Book : กลุ่มปฏิบัติธรรมวัดป่าเคียนพิง