ไทป์เฟซ
ไทป์เฟซ หรือมีศัพท์บัญญัติว่า แบบอักษร[1] (อังกฤษ: typeface) หรือบางครั้งก็เรียกว่า ตระกูลฟอนต์ (อังกฤษ: font family) คือรูปลักษณ์การออกแบบตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์อื่น ๆ เพื่อใช้ในการพิมพ์หรือสำหรับการแสดงผลทางอิเล็กทรอนิกส์[2] ไทป์เฟซส่วนใหญ่มีขนาด (เช่น 24 จุด) น้ำหนัก (เช่น เบา ตัวหนา) ความลาดเอียง (เช่น ตัวเอียงแท้) ความกว้าง (เช่น ตัวแคบ) และอื่น ๆ ที่หลากหลาย รูปแบบอักษรแต่ละรูปแบบท่ามกลางความหลากหลายเหล่านี้เรียกว่าฟอนต์

มีไทป์เฟซนับพันแบบ และมีการพัฒนาแบบใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา
ศิลปะและงานฝีมือในการออกแบบไทป์เฟซนั้นเรียกว่าการออกแบบไทป์เฟซ ผู้ออกแบบคือผู้ออกแบบไทป์เฟซ
ไทป์เฟซทุกแบบคือชุดของรูปอักขระ ซึ่งแต่ละรูปอักขระแสดงถึงตัวอักษร ตัวเลข เครื่องหมายวรรคตอน หรือสัญลักษณ์อื่น ๆ รูปอักขระเดียวกันนั้นอาจใช้แสดงอักขระจากระบบการเขียนที่แตกต่างกัน เช่น อักษรโรมันตัวพิมพ์ใหญ่ A มีลักษณะเหมือนกับอักษรซีริลลิกตัวพิมพ์ใหญ่ А และอักษรกรีกตัวพิมพ์ใหญ่อัลฟ่า (Α) มีไทป์เฟซที่ปรับแต่งมาเพื่อหน้าที่พิเศษ เช่น การทำแผนที่ โหราศาสตร์ หรือ คณิตศาสตร์
คำศัพท์เฉพาะทาง
แก้เดิมทีแล้ว ในศิลปะการใช้ตัวพิมพ์[a]นั้น คำว่าไทป์เฟซไม่สามารถใช้แทนกันได้กับคำว่าฟอนต์ (แต่เดิมคือ "fount" ในภาษาอังกฤษแบบบริติช และออกเสียงว่า "font") เนื่องจากในอดีตคำว่าฟอนต์ถูกกำหนดให้เป็นตัวอักษรที่กำหนดและ อักขระที่เกี่ยวข้องในขนาดเดียว ตัวอย่างเช่น Caslon Italic ขนาด 8 จุดเป็นฟอนต์ตัวหนึ่ง และ Caslon Italic ขนาด 10 จุดก็เป็นอีกฟอนต์หนึ่ง ในอดีต ฟอนต์แต่ละฟอนต์จะผลิตโดยโรงหล่อไทป์เฟซ (อังกฤษ: type foundry) โดยแต่ละฟอนต์จะมีแม่พิมพ์ (อังกฤษ: sort) โดยแต่ละรูปอักขระจะมีแม่พิมพ์หลายสำเนา
เนื่องด้วยการออกแบบไทป์เฟซก้าวหน้ามากขึ้น และความต้องการของผู้จัดพิมพ์ก็หลากหลายมากขึ้นตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา จึงเกิดฟอนต์แบบต่าง ๆ เช่น ฟอนต์ที่มี น้ำหนักเฉพาะ (ความหนาหรือเบา) รูปแบบต่าง ๆ (โดยทั่วไปมีรูปแบบ ทั่วไป หรือแบบ โรมัน ซึ่งต่างจาก ตัวเอียงแท้ และ ตัวถูกบีบ) ทำให้นำไปสู่ ตระกูลแบบอักษร อันเป็นคอลเลกชันของการออกแบบฟอนต์ที่เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดซึ่งสามารถรวมรูปแบบได้หลายร้อยแบบ โดยทั่วไป ตระกูลฟอนต์ คือกลุ่มของฟอนต์ที่เกี่ยวข้องกันซึ่งแตกต่างกันเฉพาะน้ำหนัก การวางแนว ความกว้าง ฯลฯ แต่ไม่รวมถึงดีไซน์ ตัวอย่างเช่น Times เป็นตระกูลฟอนต์ ในขณะที่ Times Roman, Times Italic และ Times Bold เป็นฟอนต์เดี่ยวที่ประกอบขึ้นเป็นตระกูล Times โดยทั่วไปตระกูลฟอนต์จะมีฟอนต์หลายแบบ แม้ว่าบางฟอนต์ เช่น Helvetica อาจประกอบด้วยฟอนต์หลายสิบแบบ ในคำศัพท์เฉพาะของการเผยแพร่บนเดสก์ท็อป ความแตกต่างเหล่านี้มักจะหายไป และคำว่า "แบบอักษร" ใช้สำหรับแบบอักษรทั้งหมด แทนที่จะเป็นแบบอักษรเฉพาะใด ๆ ที่อยู่ภายใน
อีกวิธีในการดูความแตกต่างระหว่างฟอนต์และไทป์เฟซก็คือ ฟอนต์คือภาชนะ (เช่น ซอฟต์แวร์) ที่ช่วยให้คุณสามารถใช้ชุดอักขระที่มีลักษณะที่ปรากฏที่กำหนดได้ ในขณะที่ไทป์เฟซคือการออกแบบที่แท้จริงของอักขระดังกล่าว[3] ดังนั้น ไทป์เฟซใด ๆ เช่น Times อาจแสดงผลด้วยฟอนต์ที่แตกต่างกัน เช่น ไฟล์ฟอนต์คอมพิวเตอร์ที่สร้างโดยผู้ขายรายนี้หรือรายนั้น ในยุคไทป์เฟซโลหะ คำว่าฟอนต์ยังหมายถึงขนาดเฉพาะได้ด้วย แต่ด้วยฟอนต์แบบดิจิทัลที่ปรับขนาดได้ นิยามนี้ใช้ไม่ได้อีกต่อไป เนื่องจากฟอนต์ตัวเดียวสามารถปรับขนาดเป็นขนาดใดก็ได้
ตระกูลฟอนต์ "ขยาย" กลุ่มแรกซึ่งรวมถึงความกว้างและน้ำหนักที่หลากหลายในรูปแบบทั่วไปเดียวกัน เกิดขึ้นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษ 1900 โดยเริ่มจาก Cheltenham ของ ATF (1902–1913) ด้วยการออกแบบเบื้องต้นโดย Bertram Grosvenor Goodhue และ ไทป์เฟซเพิ่มเติมมากมายที่ออกแบบโดย Morris Fuller Benton[4]
ตระกูลฟอนต์ขยาย (อังกฤษ: font superfamily) เริ่มปรากฏขึ้นเมื่อโรงหล่อเริ่มรวมแบบอักษรที่มีโครงสร้างที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ แต่มีความสัมพันธ์ในการออกแบบบางอย่างภายใต้ชื่อสกุลทั่วไปเดียวกัน ตระกูลฟอนต์ขยายตระกูลแรกอาจเป็นไปได้ว่าถูกสร้างขึ้นเมื่อ Morris Fuller Benton สร้างไทป์เฟซ Clearface Gothic สำหรับ ATF ในปี 1910 ซึ่งเป็นไทป์เฟซแบบไม่มีเชิงที่ใช้ร่วมกับไทป์เฟซ(แบบมีเชิง)ที่มีอยู่เดิมที่ชื่อ Clearface
ขนาด
แก้ขนาดของไทป์เฟซและฟอนต์มักจะวัดกันด้วยหน่วยจุด[5] ในอดีตหน่วยจุดมีนิยามที่แตกต่างกัน แต่ตอนนี้คำนิยามจุดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือให้จุดหนึ่งมีความยาวเท่ากับ (1/72) นิ้ว (เท่ากับ 0.0139 in หรือ 0.35 mm)
สัดส่วน
แก้ไทป์เฟซความกว้างผันแปร (อังกฤษ: proportional) มีรูปอักขระที่มีความกว้างต่างกัน ในขณะที่ไทป์เฟซความกว้างคงที่ (อังกฤษ: monospaced บ้างก็เรียกว่า non-proportional หรือ fixed-width) จะใช้ความกว้างมาตรฐานเดียวสำหรับสัญลักษณ์ทั้งหมดในฟอนต์ ฟอนต์ Duospaced จะคล้ายกับไทป์เฟซความกว้างคงที่ แต่รูปอักขระยังสามารถมีความกว้างเท่ากับรูปอักขระอื่นสองตัวได้ด้วย แทนที่จะต้องกว้างเท่ากับรูปอักขระอื่นตัวเดียว
หมายเหตุ
แก้- ↑ The art and craft of designing pages (and books) using typefaces and other devices.
อ้างอิง
แก้- ↑ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. "ศัพท์บัญญัติ ๔๐ สาขาวิชา สำนักงานราชบัณฑิตยสภา (สืบค้นคำว่า type face)". สืบค้นเมื่อ 8 เมษายน 2025.
- ↑ "typeface". Cambridge Academic Content Dictionary. สืบค้นเมื่อ 22 December 2019.
- ↑ "Lettering is not type" (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-02-02. สืบค้นเมื่อ 2020-11-24.
- ↑ McGrew, Mac. American Metal Typefaces of the Twentieth Century (second edition). New Castle, DE: Oak Knoll Books, 1993: 85–87. ISBN 0-938768-39-5.
- ↑ Graham, Lisa. Basics of Design: Layout & Typography for Beginners. New York: Delmar, 2002: 184. ISBN 0-7668-1362-2.
อ่านเพิ่มเติม
แก้
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- Gaskell, Philip (Winter 1976). "A Nomenclature for the Letterforms of Roman Type" (PDF). Visible Language. 10 (1): 41–51. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 23 December 2019.
- Monotype printed borders specimens
- ArchLinux list of Metric-compatible fonts
- "Cross-Script Letterforms group". Flickr.