ประวัติส่วนตัว

แก้
afad43wtrgfdrsg
afad43wtrgfdrsg
ประวัติส่วนตัว

ชื่อ นาย ศิริศักดิ์ สิริพงษ์ ชื่อเล่น หนุ่ย
Mr. Sirisak siriphong Nick name NUI
ที่อยู่ปัจจุบัน 158 หมู่ 2 ตำบลวังไทร อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30130

ประวัติการศึกษา

จบ ประถมศึกษา โรงเรียนบ้านวังไทร อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
จบ มัธยมศึกษาตอนต้น บ้านวังไทร อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
จบ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) วิทยาลัยเทคโนโลยีชนะพลขันธ์ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา
จบ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง(ปวส.) วิทยาลัยเทคโนโลยีชนะพลขันธ์ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา

ตำแหน่งงานด้านไอทีสนใจ

คอมพิวเตอร์กราฟิก เพราะชอบในงานศิลปะ เพื่อให้สามารถสื่อความหมายของข้อมูลได้ถูกต้องตรงตามที่ผู้รับสารต้องการ

ความสามารถอื่น

เล่นกีฬา(ฟุตบอล,ตะกร้อ,บอลเล่ห์)

บทความไอทีที่สนใจ

แก้

1. เคล็ดไม่ลับเพิ่มประสิทธิภาพคอมพิวเตอร์

การทำงานกับคอมพิวเตอร์ช้า ๆ อืด ๆ คงเป็นสิ่งที่น่ารำคาญใจของเรา ๆ ในเมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ ซึ่งก็เคยทำงานได้ดี แต่เมื่อเวลาผ่านไป แต่ประสิทธิภาพการทำงานเริ่มเลวร้ายลง ซึ่งมันเกิดขึ้นจากสาเหตุ หลายประการ แต่สาเหตุที่ใหญ่ที่สุดจะเกิดจาก พวกโปรแกรมสปายแวร์ แอดแวร์ และ ภัยคุกคามด้านคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ที่ถูกดาวน์โหลดและติดตั้งโดยที่เราไม่รู้ตัว ในขณะที่ออนไลน์ เช่นจากการดาวน์โหลด MP3, ภาพยนตร์ หรือรายการอื่น ๆ จึงขอแนะนำ 5 เทคนิคการทำให้มันกลับมาทำงานได้ดี หรือดีกว่าเดิม

  • ทำความสะอาด Registry ของคุณ

ข้อผิดพลาดและปัญหาภายในของรีจิสทรี เป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้เครื่องช้าสุด ๆ เดาได้เลยว่าพวกโปรแกรมสปายแวร์แอดแวร์และภัยคุกคามอื่น ๆ มักจะกำหนดเป้าหมายที่รีจิสทรี ควรทำความสะอาดรีจิสทรีบ่อย ๆ แต่ไม่ควรที่จะทำได้ด้วยตนเอง เพราะมีโอกาสสูงที่จะทกให้สร้างความเสียหายต่อระบบปฏิบัติการของเครื่องพีซี สิ่งที่แนะนำคือหาพวกโปรแกรม Windows registry cleanup ให้มันจัดการทำความสะอาดให้เราโปรแกรมแนวนี้ก็มีเยอะมาก และก็ทำงานแบบเดียวกัน ถ้ายังไงบทความต่อ ๆ ไปจะหามาฝากกัน หรือใครที่ลงโปรแกรม USB Security Disk มันจะมีออฟชั่้นนี้อยู๋แล้ว

  • ลบไฟล์ที่ไม่จำเป็น

ทุกครั้งที่คุณเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ตหรือใช้คอมพิวเตอร์ของคุณ ไฟล์ชั่วคราวจะถูกสร้างขึ้น พวกเขามักจะใช้เพียงครั้งเดียว แต่อย่างไรก็ตามไฟล์พวกนี้ไม่ได้ลบออกไปเวลาเลิกใช้งาน แต่จะสะสมไปเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ ก็จะมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน ในขณะที่การจะทำการลบไฟล์เหล่านี้ง่ายมาก ซึ่งควรที่จะทำเช่นนั้นประมาณหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ของคุณทำงานได้ดีขึ้น การลบไฟล์ขยะ พวกนี้ก็เคยนำการลงไว้แล้วเ่ช่นกันครับ ลองหาดูในเว็บเราได้เลย สำหรับคนที่ยังไม่รู้

  • เอาโปรแกรมที่ไม่จำเป็น

คุณอาจจะดาวน์โหลดและลองใช้โปรแกรมที่แตกต่างกันในแต่ละเดือน แต่จริง ๆ แล้วได้ใช้เป็นประจำหรือไม่ การถอนการติดตั้งโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้และไม่จำเป็นออก จะทำให้จัดการระบบแฟ้มของคอมพิวเตอร์ ให้ดีขึ้นไม่กระจัดกระจาย ทำให้ลดเวลาในการหาข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งจะดีขึ้นอย่างมาก มันทำได้ง่ายด้วย โดยใช้ Add / Remove Programs ของ Control Panel การทำก็หาในเว็บได้เลยครับ

  • ลบ ไฟล์ขยะใน Recycle Bin

เมื่อ "ลบ" แฟ้มหรือโปรแกรมมันไม่ได้หายไปเล่ย แต่จะตั้งอยู่ใน Recycle Bin ซึ่งความรกของมันอาจทำให้ครื่องคอมพิวเตอร์ของสามารถเริ่มต้นการแสดงปัญหาที่น่ารำคาญได้มากมาย ดังนั้นควรทำให้เป็นนิสัยโดยการลบประมาณหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ มันดูง่าย ๆ แต่ที่สำคัญสามารถสร้างความแตกต่าง ได้มากมาย ซึ่งผมก็ทำทุกวัน


  • ดำเนินการจัดระเบียบดิสก์

Windows ไม่ได้ฉลาดมากนักในการจัดเก็บไฟล์ มันจะจัดเก็บไฟล์ลงบนช่องว่างที่มีอยู่ โดยอาจเว้นระยะห่างกันมากในแต่ละชิ้นส่วนของไฟล์ เมื่อเรียกไฟล์มาทำงาน ถ้าเป็นไฟล์ขนาดใหญ่คงใช้เวลานาน หน่อย กว่ามันจะเรียกมาได้ การทำ Disk Defragmentation เป็นทางออกเพื่อจัดเรียงไฟล์ให้เรียบร้อย ทำสัก สี่เดือนครั้ง ก็จะเห็นความแต่งต่าง ได้ชัดเจนมาก การบำรุงรักษาเล็ก ๆ แต่มันเป็นวิธีที่ดีที่สุด ในการป้องกันเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ ซึ่งผมเองก็ทำอยู่ บางครั้ง บางคนถามว่าจะทำไปทำไม ไม่เห็นมีข้อแตกต่างอะไรเลย แต่คำตอบรออยู่อีก ห้าเดือนข้างหน้าตอนที่คนถามลงวินโดวส์ใหม่ แต่ของเรายังไวเท่าเดิม


2. การรักษาความปลอดภัยเครือข่ายแบบไร้สาย

การรักษาความปลอดภัยเครือข่ายไร้สายเป็นสิ่งสำคัญ โปรดใช้ความระมัดระวังเกี่ยวกับการอนุญาตให้ผู้อื่นให้เข้าถึง คุณยังสามารถตั้งรหัสผ่านในโฟลเดอร์เฉพาะเพื่อเพิ่มความปลอดภัยด้วย

  • Firewall

การเลือกไฟร์วอลล์ควรจะอยู่กับความจำเป็นของการรักษาความปลอดภัย, งบประมาณ, ความน่าเชื่อถือและมีศักยภาพในการขยายเครือข่ายไร้สาย ไฟร์วอลล์ขั้นพื้นฐานส่วนใหญ่มีความปลอดภัยน้อย เช่นเราเตอร์ที่ใช้กันตามบ้าน ไฟร์วอลระดับถัดไปที่มาพร้อมอุปกรณ์เกตเวย์ สุดท้ายในระดับสูงสุดของการรักษาความปลอดภัยแบบไร้สาย ก็จะใช้เป็นระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งโปรแกรมเช่น Proxxy , Authentication

  • การเข้ารหัสลับเพื่อการรักษาความปลอดภัยแบบไร้สาย : WEP

WEP เป็นมาตรฐานการเข้ารหัสลับการรักษาความปลอดภัยที่สร้างไว้ในทุกอุปกรณ์ Wi - Fi WEP ไม่ได้เป็นการรักษาความปลอดภัยแบบไร้สายที่ดี แต่เพียงพอสำหรับการรักษาความปลอดภัยแบบไม่สำคัญมากนัก

  • Wireless Security : MAC filtering

อุปกรณ์ทั้งหมดในระบบเครือข่ายไร้สาย ที่มีการควบคุมการเข้าถึง MAC ก็เหมือนกับหมายเลขเฉพาะของฮาร์ดแวร์แต่ละราย MAC filtering คือการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายจะติดต่อเฉพาะกับอุปกรณ์ที่คุณระบุ MAC filtering ไว้เท่านั้น มันเป็นเครื่องมือที่ดีที่จะใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยแบบไร้สาย เหมาะใช้ในบ้านเนื่องจากมีอุปกรณ์ไม่มากนักเพราะต้องระบุทุกอุปกรณ์ในระบบเครื่อข่าย

  • การรักษาความปลอดภัยแบบไร้สาย : Firewall

ไฟร์วอลล์ที่เป็นฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ ใช้เพื่อป้องกันบุคคลภายนอกเข้าถึงเครือข่าย ไฟร์วอลล์จะเป็นส่วนสำคัญของการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายไร้สาย มันทำงานโดยการควบคุมการจราจรระหว่าง เครื่อข่ายภายใน กับการเข้าถึงจากภายนอก ถ้าคุณใช้เครือข่ายไร้สาย, คุณอาจต้องการพิจารณาใช้เราเตอร์ที่มีคุณสมบัติไฟร์วอลล์ด้วย Helping to protect network and data resources from internet based threats.

  • Wireless Security : การรักษาความปลอดภัยแล็ปท็อปของคุณ

หนึ่งในประโยชน์ของเครือข่ายไร้สายคือการเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา แต่ก็ตามมาด้วยภัยของการถูกโจมตีของคอมพิวเตอร์ หากคุณต้องเดินทางและใช้คอมพิวเตอร์ของคุณอยู่ในจุดบริเวณให้บริการ hot spot คุณอาจถูกบุกรุกผ่านคอมของคุณได้ควรมีการติดตั้ง ซอฟแวร์ที่ป้องกันการบุกรุกไว้ด้วย

  • การใช้ ไฟร์วอลล์ มากกว่าหนึ่ง

คุณควรใช้ไฟร์วอลล์มากกว่าหนึ่งในเครือข่ายของคุณ ป็นจริงสำหรับสำนักงานและการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายไร้สาย ตัวอย่างเช่นคุณสามารถใช้เราเตอร์ไร้สายที่มีไฟร์วอลล์ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ไฟร์วอลล์ติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์

  • การรักษาความปลอดภัยแบบไร้สาย : การตั้งค่า รหัสผ่าน

โปรดจำไว้ว่าเครือข่ายไร้สายจะส่งข้อมูลผ่านทางคลื่นวิทยุและสามารถเข้าถึงได้ทุกคนที่มีช่วงคลื่นเดียวดัน หากคุณไม่ได้กำหนดรหัสผ่านในระบบเครือข่าย ทุกคนอยู่ในช่วงสามารถเข้าถึงเครือข่ายได้ ด้วยเหตุนี้มันเป็นสิ่งสำคัญในการกำหนดรหัสผ่านเพื่อปกป้องระบบและเพิ่มการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายไร้สาย

  • การรักษาความปลอดภัยเครือข่ายพื้นฐานไร้สาย

มีการรักษาความปลอดภัยหลายขั้นตอนพื้นฐาน ที่ทุกคนควรทำ อย่างไรก็ตามเพื่อให้มั่นใจว่าเครือข่ายไร้สาย เมื่อกำหนดค่าเครือข่ายของคุณแล้วควรเปลี่ยนชื่อเริ่มต้นของ SSID ไม่ให้เผยแพร์ คือการซ่อนไว้ ใช้การเข้ารหัสข้อมูลส่วนบุคคล WEP เป็นอย่างน้อย เปลี่ยนรหัสผ่านบ่อย ๆ สุดท้ายให้ตรวจสอบการซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสและซอฟต์แวร์ป้องกันสปายแวร์ในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง

  • การเลือกรหัสผ่านที่ดีสำหรับการรักษาความปลอดภัยแบบไร้สาย

เคล็ดลับในการเลือกรหัสผ่านที่ดีสำหรับการรักษาความปลอดภัยแบบไร้สาย อย่าใช้ชื่อชื่อย่อของคุณหรือชื่อที่ง่ายต่อการคาดเดา ตัวเลข เช่น ที่อยู่ วันเกิด รหัสผ่านควรมีอย่างน้อยแปดตัวและมีทั้งตัวเลขและตัวอักษร และจำไว้ว่าไม่ว่าไม่ควรเขียนมันไว้ที่ง่ายต่อการสังเกตุ

  • การเข้ารหัสลับการรักษาความปลอดภัยแบบไร้สาย : WPA , WPA2

เป็นรุ่นอัพเกรดของ WEP ใช้โปรโตคอลที่ใหม่กว่าและมีความปลอดภัยมากขึ้น และถ้าคุณใช้รหัสผ่านที่ดีมาก ก็ยากขึ้นจะแจะเข้าได้ ซึ่ง WPA2 นั้นเป็นตัวเลือกที่แนะนำให้ใช้ในการเข้ารหัส แต่ถึงยังไงก็ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ทางที่ดี ใช้สายดีที่สุด


3. ทำไม Windows 7 ถึงช้าลง

  • ถ้า Windows 7 ของเครื่องทำงานช้าลงกว่าที่คาดไว้แล้วคุณต้องการค้นหาคอขวด คำแนะนำของฉันคือการเริ่ม ต้นด้วยหน่วยความจำหากหน่วยความจำน้อยกว่า 50 MB ฟรีแล้วนี่คือทรัพยากรที่สำคัญ แต่ถ้าคุณมีมากกว่า 200MB เสนอบัญชีฟรีหรือหน่วยความจำ Standby แล้วไปยังแก้ไขปัญหา CPU (s)
etyktuliy
etyktuliy
  • ถ้าใช้ CPU อย่างต่อเนื่องสูงกว่า 80% บอกแล้วบ้านในที่รูปภาพหรือการเป็น hogging processor (s) ในโอกาสอื่นคุณลักษณะใหม่ ของจอแสดงผลนี้คือคุณสามารถคลิกขวาที่ภาพและ'End Process'เพียงเท่าที่สามารถใน Task manager มีไม่มากที่คุณสามารถทำได้ เกี่ยวกับปัญหาดิสก์อื่นจากยอดโหลดไปยังดิสก์อื่นหรืออื่นแทนที่ฮาร์ดแวร์ แต่สิ่งที่คุณมักจะพบคือ สิ่งที่ดูเหมือนว่าปัญหาดิสก์เป็นหน่วยความจำขาดแคลนจริงๆ ความเป็นไปได้ก็คือว่า ดิสก์กำลังจะล้มเหลวซึ่งในกรณีนี้คุณจะเห็นโหลดข้อผิดพลาดดิสก์ในแฟ้มบันทึก เหตุการณ์ระบบ
5ru6i
5ru6i
  • จากแท็บเครือข่ายที่คุณ สามารถดูสิ่งที่ของการแบนด์วิดท์ ปัจจัยที่มีปัญหาเครือข่าย ก็คือว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะมีผลต่อเครื่องอื่น ๆ ดังนั้นหากการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ภายในหรืออินเทอร์เน็ตจะช้ากว่าปกติ ตรวจสอบงานเดียวกัน แต่จากคอมพิวเตอร์
  • เหล่านี้เป็นแหล่งทั่วไป ของคอขวดที่ Windows 7 Resource Monitor จะช่วยให้คุณแก้ไข
   *ทรัพยากรเพียงพอสามารถ เช่นบริการดัชนีใช้มากที่ สุดของหน่วยความจำ
   *โปรแกรม monopolizes ทรัพยากรโดยเฉพาะ เช่นไวรัสสามารถคาด - up CPU กิจกรรม disk * สูง> 80% ตรวจสอบหากอ่านหรือเขียนที่ปัญหา
   *เครือข่ายไร้สายตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่ดาวน์โหลดโดยอัตโนมัติหรือโหลดวิดีโอ จากอินเทอร์เน็ต
srdthfyjk
srdthfyjk
  • ใน Windows 7 Resource Monitor คุณสามารถแก้ปัญหาโดยการตรวจสอบกระบวนการ, Resource, จัดการหรือ Module ที่เกี่ยวข้องกับ CPU คุณยังสามารถเจาะลงไป Memory, Disk และแท็บเครือข่ายการตรวจสอบซึ่งกระบวนการจะ hogging ทรัพยากรเหล่านั้น

LAN Technology

แก้

แบบบัส ( BUS Topology )

เป็นการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องบนสายสัญญาณหลักเส้นเดียว ที่เรียกว่า BUS ทีปลายทั้งสองด้านปิดด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า Teminator ไม่มีคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์เครื่องใดหยุดทำงาน ก็ไม่มีผลกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ในเครือข่าย

dfghjkl
dfghjkl

แบบดาว ( Star topology )

เป็นการเชื่อมต่อสถานีหรือจุดต่าง ๆ ออกจากคอมพิวเตอร์ศูนย์กลางหรือคอมพิวเตอร์แม่ข่ายที่เรียกว่า File Server แต่ละสถานีจะมีสายสัญญาณเชื่อมต่อกับศูนย์กลาง ไม่มีการใช้สายสัญญาณร่วมกัน เมื่อสถานีใดเกิดความเสียหายจะไม่มีผลกระทบกับสถานีอื่น ๆ ปัจจุบันนิยมใช้อุปกรณ์ HUB เป็นตัวเชื่อมต่อจากคอมพิวเตอร์แม่ข่ายหรือคอมพิวเตอร์ศูนย์กลาง

dfghjkl
dfghjkl

แบบวงแหวน ( Ring Topology )

เป็นการเชื่อมต่อเครือข่ายเป็นรูปวงแหวนหรือแบบวนรอบ โดยสถานีแรกเชื่อมต่อกับสถาน สุดท้าย การรับส่งข้อมูลในเครือข่ายจะต้องผ่านทุกสถานี โดยมีตัวนำสารวิ่งไปบนสายสัญญาณของแต่ละสถานี ต้องคอยตรวจสอบข้อมูลที่ส่งมา ถ้าไม่ใช่ของตนเองต้องส่งผ่านไปยังสถานีอื่นต่อไป

dftyuiop
dftyuiop

แบบตาข่าย (Mesh Topology)

รูปแบบเครือข่ายแบบนี้ ปกติใช้ในระบบเครือข่ายบริเวณกว้าง (Wide Area Network) ลักษณะการสื่อสารจะมีการต่อสายหรือการเดินของข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์หรือโหนดไปยังโหนดอื่น ๆ ทุก ๆ ตัว ทำให้มีทางเดินข้อมูลหลายเส้นและปลอดภัยจากเหตุการณ์ที่จะเกิดจากการล้มเหลวของระบบ แต่ระบบนี้จะมีค่าใช้จ่ายมากกว่าระบบอื่น ๆ เพราะต้องใช้สายสื่อสารเป็นจำนวนมาก

er5tyiu
er5tyiu

WAN Technology

แก้

1. เซอร์กิตสวิตชิ่ง (Circuit Switching)

เป็นกลไกสื่อสารข้อมูล ที่สร้างเส้นทางข้อมูลระหว่างสถานีส่งก่อนที่จะทำการส่งข้อมูลเมื่อเส้นทางดังกล่าวนี้สร้างแล้วจะใช้ในการส่งข้อมูลได้เฉพาะสองสถานีนี้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดของระบบเซอร์กิตสวิตชิ่ง ได้แก่ ระบบโทรศัพท์นั่นเอง โทรศัพท์แต่ละหมายเลขจะมีสายสัญญาณเชื่อมต่อมายังชุมสายโทรศัพท์ หรือCO (Central Office) ซึ่งมีสวิตช์ติดตั้งอยู่ ระหว่างชุมสายโทรศัพท์จะมีการเชื่อมต่อกัน ทำให้สามารถโทรศัพท์ไปเบอร์อื่น ๆ ได้ บางครั้งอาจผ่านชุมสายโทรศัพท์หลาย ๆ ชุมสาย ทุกครั้งที่ใช้โทรศัพท์จะมีเส้นทางสัญญาณที่ถูกจองไว้สำหรับใช้ในการสนทนาแต่ละครั้ง เมื่อเลิกใช้โทรศัพท์เส้นทางนี้จะถูกยกเลิกและพร้อมสำหรับการใช้งานครั้งต่อไป การสร้างเส้นทางผ่านข้อมูลเซอร์กิตสวิตชิ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญในระบบส่งสัญญาณแบบเซอร์กิตสวิตชิ่ง เฟรมข้อมูลที่ส่งแต่ละการเชื่อมต่อจะถูกส่งผ่านเครือข่าย โดยใช้เส้นทางเดียวกันทั้งหมด สำหรับหลักการทำงาน ให้พิจารณาจากรูปที่ 1-(a) ฝั่งต้นทางในที่นี้คือ S ซึ่งต้องการสื่อสารกับฝั่งปลายทางคือ T ผ่านเครือข่าย และด้วยวิธีเซอร์กิตสวิตชิ่ง นั้นจะสร้างเส้นทางเพื่อการส่งข้อมูลแบบตายตัว (Dedicated Path) ดังนั้นการเชื่อมต่อจากฝั่งต้นทาง S ไปยังปลายทางT ในที่นี้ก็ได้มีการจับจองเส้นทางตามนี้คือ

ertghjk
ertghjk


เส้นทางดังกล่าวจะถูกถือครองในระหว่างการสื่อสารตลอดจนกระทั่งยุติการสื่อสาร ถึงจะถูกปลดออก (Release) กล่าวคือ ตลอดในช่วงเวลาของการถือครองเพื่อการสื่อสารระหว่างฝั่งต้นทางและฝั่งปลายทาง เส้นทางนี้จะถูกโฮลด์ไว้ โดยผู้อื่นจะไม่สามารถใช้งานเส้นทางเหล่านั้นได้ ซึ่งถือว่าเป็นข้อเสีย ส่วนข้อดีของวิธีเซอร์กิตสวิตชิ่งนี้ก็คือ หลังจากที่ฝั่งต้นทางสามารถสร้างคอนเน็ก-ชันเพื่อเชื่อมต่อกับฝั่งปลายทางได้แล้ว การรับส่งข้อมูลก็จะดำเนินการได้ทันทีโดยผ่านเส้นทางที่เปรียบเทียบเสมือนกับท่อที่ได้วางไว้ ดังนั้น การถ่ายโอนข้อมูลจึงกระทำได้อย่างรวดเร็ว โดยมีค่าหน่วยเวลาหรือ Delay น้อยมาก อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกของการสื่อสารอาจจำเป็นต้องรอคอยก่อน เนื่องจากจำเป็นต้องมีการสร้างคอนเน็กชัน เพื่อวางเส้นทางไปยังโฮสปลายทางระบบส่งสัญญาณแบบเซอร์กิตสวิตชิ่งที่ใช้ในเครือข่าย WAN มีดังนี้

• โมเด็มและระบบโทรศัพท์ (Modem and Telephone System)

• สายคู่เช่า (Leased Line)

• ISDN (Integrated Services Digital Network)

• DSL (Digital Subscriber line)

• เคเบิลโมเด็ม (Cable Modem)


2. เมสเสจสวิตชิ่ง (Message Switching)

วิธีการสื่อสารแบบเมสเสจสวิตชิ่งนั้น เมสเสจจะถูกส่งจากฝั่งต้นทาง S ไปยังปลายทาง T ในลักษณะเป็นขั้นๆ โดยจะมีการถือครองเส้นทางในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น จากรูปภาพที่ 1-(b) จะเห็นได้ว่า ในขั้นตอนแรก S ได้มีการส่งผ่านเส้นทางไปยัง a จากนั้น a ก็จะมีการจัดเก็บข้อมูลไว้ชั่วคราว ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเส้นทาง จาก S ไปยัง a นั้นจะถูกปลดออก (Release) ทำให้ผู้อื่นสามารถใช้เส้นทางนี้ในการลำเลียงข้อมูล จากนั้น a ก็ได้ดำเนินการส่งเมสเสจนั้นต่อไปยัง c และดำเนินการเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงปลายทาง T จะเห็นได้ว่า วิธีนี้จะมีการถือครองเส้นทางในการลำเลียงข้อมูลในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น โดยเมื่อโหนดใดโหนดหนึ่งได้จัดเก็บเมสเสจเหล่านั้นไว้ชั่วคราวแล้ว เส้นทางนั้นก็จะถูกปลดออกเพื่อให้ผู้อื่นใช้งานต่อไป วิธีนี้ถือว่าเป็นการใช้เส้นทางในการลำเลียงข่าวสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตาม เมสเสจสวิตชิ่งนี้ก็มีข้อเสียคือ ค่าหน่วงเวลามีค่อนข้างสูง เนื่องจากข้อมูลที่ส่งไปในระหว่างทางนั้นจะถูกจัดเก็บไว้ชั่วคราวในแต่ละจุดบนเครือข่าย ซึ่งอุปกรณ์ที่จัดเก็บข้อมูลเหล่านั้นจะประมวลผลค่อนข้างช้าทีเดียว เช่น ดิสก์ หรือดรัมแม่เหล็ก ในขณะที่ในยุคก่อนนั้นใช้เทปกระดาษก็จะยิ่งทำให้ล่าช้าขึ้นไปอีก และหากข้อมูลมีขนาดใหญ่ ซึ่งปกติก็จะมีการแบ่งข้องมูลออกเป็นส่วนๆ ก็จะทำให้ใช้เวลาส่งมากขึ้น รวมถึงจำนวนโหนดที่ส่งต่อระหว่างกันบนเครือข่าย หากมีโหนดที่ส่งต่อจำนวนมาก ก็จะทำให้เกิดความล่าช้ามากขึ้นตามมาด้วย

fghtyj
fghtyj


3. แพ็กเก็ตสวิตชิ่ง (Packet Switching)

การสื่อสารแบบวิธีแพ็กเก็ตสวิตชิ่งนั้น จัดเป็นกรณีพิเศษของเมสเสจสวิตชิ่ง ด้วยการเพิ่มคุณสมบัติพิเศษเข้าไป โดยในขั้นแรกเมื่อต้องการส่งหน่วยข้อมูล และด้วยแพ็กเก็ตมีขนาดที่จำกัดดังนั้น หากเมสเสจมีขนาดใหญ่กว่าขนาดสูงสุดของแพ็กเก็ต จะมีการแตกออกเป็นหลาย ๆ แพ็กเก็ตขั้นที่สอง เมื่อแพ็กเก็ตได้ส่งผ่านจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งบนเครือข่าย จะมีการจัดเก็บแพ็กเก็ตเหล่านั้นไว้ชั่วคราวบนหน่วยความจำความเร็วสูง เช่น RAM ซึ่งในเวลาในการประมวลผลได้รวดเร็วกว่าอุปกรณ์ที่ใช้งานบนระบบเมสเสจสวิตชิ่ง ข้อดีของการสื่อสารด้วยวิธีแพ็กเก็ตสวิตชิ่งก็คือ เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีเมสเสจสวิตชิ่งแล้วค่าหน่วงเวลาของแพ็กเก็ตสวิตชิ่งนั้นมีค่าน้อยกว่า โดยค่าหน่วงเวลาของแพ็กเก็ตแรก จะเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ในขณะที่แพ็กเก็ตแรกนั้นผ่านจำนวนจุดต่าง ๆบนเส้นทางที่ใช้ หลังจากนั้นแพ็กเก็ตที่ส่งตามมาทีหลังก็จะทยอยส่งตามกันมาอย่างรวดเร็ว และหากมีการสื่อสารบนช่องทางความเร็วสูงแล้ว ค่าหน่วงเวลาที่เกิดขึ้นจะมีค่าที่ต่ำทีเดียวโดยการสื่อสารด้วยวิธีแพ็กเก็ตสวิตชิ่งนี้ยังแบ่งออกเป็น 2 วิธีด้วยกันคือ วิธีดาต้าแกรม (Datagram Approach)และ เวอร์ชวลเซอร์กิต (Virtual-Circuit Approach)

q546i7lou;
q546i7lou;


เทคโนโลยี WAN ที่ใช้ระบบส่งข้อมูลแบบแพ็กเก็ตสวิตช์มีดังนี้

• x.25

• เฟรมรีเลย์ (Frame Relay)

• ATM (Asynchronous Transfer Mode)


OSI Model และ TCP/IP Model

แก้

1. Process Layer จะเป็น Application Protocal ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อกับผู้ใช้และให้บริการต่าง ๆ

2. Host – to – Host Layer จะเป็น TCP ที่ทำหน้าที่คล้ายกับชั้นที่ 4 ของ OSI Model คือควบคุมการรับส่งข้อมูลจากปลายด้านส่งถึงปลายทางด้านรับข้อมูล

3. Internetwork Layer ได้แก่ส่วนของโปรโตคอล IP ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับชั้นที่ 3 ของ OSI Model คือเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบเครือข่ายที่อยู่ชั้นล่างลงไป

4. Network Interface เป็นส่วนที่ควบคุมฮาร์ดแวร์การรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย เปรียบได้กับชั้นที่ 1 และ2 ของ OSI Model


เปรียบเทียบ TCP/IP กับ OSI Model

TCP/IP model OSI model
Application Layer Application Layer
- Presentation Layer
- Session Layer
Transport Layer Transport Layer
Internet Layer Network Layer
Network Access Layer Data Link Layer
- Physical Layer

อ้างอิง

แก้

http://www.superict.com/component/viewall_section.php?section_id=1