คิฮะ 40 ซีรีส์ (ญี่ปุ่น: キハ40系) เป็นรถไฟประเภทดีเซลรางที่ใช้งานประเภทรถธรรมดาและรถท้องถิ่นตามภูมิภาคต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 ผลิตโดย ฟูจิเฮฟวีอินดัสตรีส์ และ นิอิกาตะเทคโค ปัจจุบันยังมีการใช้งานอยู่ในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะในภูมิภาคที่อยู่ภายใต้การเดินรถของ JR West และมีการใช้งานในต่างประเทศ

รถไฟดีเซลรางคิฮะ 40 ซีรีส์
คิฮะ 40/48 ทำขบวนบนสาย Gono เมื่อปี 2020
ประจำการพ.ศ. 2520 - ปัจจุบัน
ผู้ผลิต
เข้าประจำการพ.ศ. 2520 - 2530
จำนวนที่ผลิต888 คัน (คิฮะ40 392 คัน/คิฮะ47 370 คัน/คิฮะ48 126 คัน)
ความจุผู้โดยสาร66 ที่นั่ง/คัน (คิฮะ40)
76 ที่นั่ง/คัน (คิฮะ47)
74 ที่นั่ง/คัน (คิฮะ48)[1]
ผู้ให้บริการ
คุณลักษณะ
วัสดุตัวถังเหล็กกล้า
ความยาว21.300 เมตร
ความกว้าง2.900 เมตร
ความสูง3.596 เมตร
พื้นรถสูงจากราง1.240 เมตร
จำนวนประตู4 (ข้างละ 2)
ความเร็วสูงสุด95 กม./ชม.
ระบบส่งกำลังไฮดรอลิก
เครื่องยนต์DMF15HSA (เดิม)
ระบบปรับอากาศพัดลม
ระบบเบรกลมอัด
มาตรฐานทางกว้าง

ในภาพรวมการเรียก คิฮะ 40 มักจะรวมถึงรุ่นที่แยกย่อยออกมาคือ คิฮะ 47 และ คิฮะ 48 ซึ่งมีคุณสมบัติและลักษณะที่ใกล้เคียงกับ คิฮะ 40

ประวัติ

แก้

ในปี 1977 การรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่นได้มีการสั่งผลิตรถดีเซลรางขึ้นใหม่เพื่อมาทดแทนคิฮะ 10 ที่มีอายุการใช้งานที่มาก ระหว่างปี 1977 ถึงปี 1982 มีการผลิตคิฮะ 40 ขึ้นเป็นจำนวน 888 คัน โดยเริ่มจากคิฮะ 40 100 ที่นำไปประจำการบนเกาะฮกไกโด และรุ่นย่อยอื่นก็ทยอยเข้าประจำการในหลายภูมิภาคจนมีการใช้งานทั่วประเทศ หลังจากที่การรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่นถูกยุบไปในปี 1987 คิฮะ 40 ก็ได้ถูกแบ่งไปใช้โดยทุกบริษัท JR ที่มีหน้าที่ขนส่งผู้โดยสาร โดยทางบริษัทต่างๆ ก็มีการปรับแปลงอุปกรณ์ต่างๆ ให้เหมาะสมและเข้ากับพื้นที่ที่ใช้งานมากขึ้น รวมถึงการติดตั้งระบบปรับอากาศ ต่อมาในช่วงปี 1990 เริ่มมีการรถดีเซลรางรุ่นใหม่เข้าประจำการมากขึ้น คิฮะ 40 บางคันจึงมีการดัดแปลงให้เป็นรถไฟนำเที่ยว และในช่วงต้นศตวรรษที่ 21 หลังจากการทยอยนำรถรุ่นใหม่มาทดแทนมากขึ้น เริ่มมีการทยอยปลดระวางคิฮะ 40 ลงจนในปี 2016 JR เซ็นทรัลเป็นบริษัทในกลุ่ม JR แรกที่ปลดระวางรุ่นนี้หมด ปัจจุบันทาง JR ฮกไกโด มีแผนที่จะวางปลดระวางคิฮะ 40 ทั้งหมดภายในปี 2025 [2]และ JR ชิโกกุ มีแผนจะปลดระวางคิฮะ 40 ทั้งหมดภายในปี 2030 [3]

คิฮะ 40 มีรุ่นแยกออกมาคือ คิฮะ 40, คิฮะ 47 และคิฮะ 48 โดยทะเบียนรุ่นย่อยจะแบ่งตามสภาพอากาศในแต่ละภูมภาคที่รถถูกใช้งานคือ ภูมิภาคที่หนาวจัด ภูมิภาคที่หนาว และภูมิภาคที่อบอุ่น นอกจากนี้รุ่นย่อยยังแยกจากว่าตัวรถมีห้องหรือไม่มีห้องน้ำด้วย ภายหลังมีการปรับปรุงและดัดแปลงสภาพรถก็จะมีการใช้ทะเบียนใหม่ เช่นรุ่นย่อย คิฮะ 40 1700 เป็นต้น

ตารางแสดงลักษณะรุ่นย่อยของคิฮะ 40
รุ่น จำนวนห้องขับ ประเภทประตู รุ่นย่อย ภูมิภาค ห้องน้ำ จำนวน การเรียงทะเบียนรถ หมายเหตุ
คิฮะ 40 2 ประตูบานเดี่ยว -100 หนาวจัด มี 150 101–250
-500 หนาว 94 501–594
-1000 อบอุ่น ไม่มี 148 1001–1007 อดีตเป็นคิฮะ 40-2000 ที่ถอดห้องน้ำออก
-2000 มี 2001–2148
คิฮะ 47 1 ประตูบานคู่ -0 อบอุ่น มี 193 1–193
-500 หนาว 22 501–522
-1000 อบอุ่น ไม่มี 134 1001–1134
-1500 หนาว 21 1501–1521
คิฮะ 48 1 ประตูบานเดี่ยว -0 อบอุ่น มี 6 1–6 ไม่มีเหลือใช้งาน
-300 หนาวจัด 4 301–304 ไม่มีเหลือใช้งาน
-500 หนาว 59 501–559
-1000 อบอุ่น ไม่มี 4 1001–1004 ไม่มีเหลือใช้งาน
-1300 หนาวจัด 3 1301–1303 ไม่มีเหลือใช้งาน
-1500 หนาว 50 1501–1550
  • ภูมิภาคหนาวจัด:ฮกไกโด
  • ภูมิภาคหนาว: โทโฮคุ และชูบุ

JR Hokkaido

แก้
 
คิฮะ 40 ขณะทำขบวนในสายหลัก Nemuro

JR ฮกไกโดได้รับคิฮะ 40 100 จำนวน 150 คัน และคิฮะ 48 จำนวน 7 คันหลังจากยุบการรถไฟญี่ปุ่น โดยรถทั้งหมดที่ได้เป็นรถประเภทที่ออกแบบมาให้ทนต่อสภาพอากาศที่หนาวจัด จึงไม่มีการนำคิฮะ 47 มาประจำการ มีการดัดแปลงรถเพื่อปรับตามสภาพแวดล้อมของเส้นทางอย่างการเปลี่ยนเครื่องยนต์ เปลี่ยนระบบปรับอากาศ และปรับปรุงรถให้สามารถทำขบวน “วันแมน”(ワンマン) ได้โดยในปัจจุบันมีการประจำการในสาย

  • สายหลัก Muroran
  • สาย Chitose
  • สาย Sekisho
  • สายหลัก Hidaka


ตั้งแต่ปี 2022 ได้มีการนำรุ่น H100 รถไฟดีเซลไฟฟ้ามาประจำการเพื่อทดแทนคิฮะ 40 ของ JR ฮกไกโดที่อายุมาก และมีแผนที่วิ่งทดแทนคิฮะ 40 ทั้งหมดภายในเดือนมีนาคมปี 2025[4] จะเหลือเพียงรถนำเที่ยวที่จะยังคงเก็บไว้ใช้งานต่อไป

JR East ได้รับคิฮะ 40 เป็นจำนวน 117 คัน(รุ่น 500 92 คัน, รุ่น 1000 7 คัน และรุ่น 2000 18 คัน), คิฮะ 47 เป็นจำนวน 28 คัน (รุ่น 0 3 คัน, รุ่น 500 12 คัน, รุ่น 1000 2 คัน และรุ่น 1500 11 คัน) และคิฮะ 48 จำนวน 74 คัน (รุ่น 500 41 คัน และรุ่น 1500 33 คัน)

การติดตั้งเครื่องปรับอากาศ

แก้

ระหว่างปี 1987 ถึง 1988 มีโครงการติดตั้งเครื่องตั้งเครื่องปรับอากาศรุ่น AU34 ไว้ใต้ท้องตัวรถให้กับคิฮะ 40 จำนวน 26 คัน แต่ภายหลังปี 1995 มีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศรุ่น AU26J-A ไว้บนหลังคารถจำนวน 113 คันที่ประจำการที่ศูนย์ Minami Akita, ศูนย์ Kogota และศูนย์ Niitsu

การติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่

แก้

รถจำนวน 113 คันที่มีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ นอกจากนี้แล้วยังมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็น Cummins DMF14HZ (350 PS ที่ 2,000 rpm) แต่ระบบส่งกำลังยังคงใช้ไฮดรอลิคจึงจำกัดกำลังเครื่องยนต์อยู่ที่ 300 PS เนื่องจากการประจำการคิฮะ 100 และคิฮะ 110 ซึ่งมีกำลังเครื่องยนต์ที่สูงกว่าจึงทำให้คิฮะ 40 ถูกนำไปใช้งานในเส้นทางราบที่ไม่มีได้ใช้ระบบการเดินรถแบบ “วันแมน” ปัจจุบัน JR east ไม่เหลือคิฮะ 40, คิฮะ 47 และคิฮะ 48 ประจำการแล้ว ยกเว้นรถที่ถูกดัดแปลงเป็นรถนำเที่ยว

การใช้งานในภูมิภาค Tohoku

แก้

ศูนย์รถโดยสารทั่วไป Akita แขวง Minami Akita

แก้

มีการประจำการและใช้งานรถคิฮะ 40 และคิฮะ 48 ซึ่งถูกใช้งานในสาย

  • สาย Tsugaru (จนถึงปี 2016)
  • สาย Gono
  • สายหลัก Ou
  • สาย Oga

ในปี 1977 - 1979 มีการผลิตรถคิฮะ 40 จำนวน 24 คัน (หมายเลข 501-510,527-537,551-553) เพื่อนำมาใช้งานในสาย Gono โดยเฉพาะ ในช่วงก่อนปลดระวางทั้งหมดมีคิฮะ 40 จำนวน 29 คันและคิฮะ 48 จำนวน 22 คัน รถทั้งหมดถูกปลดระวางในเดือนมีนาคม 2021 และถูกแทนที่ด้วยรถดีเซลไฟฟ้า GV-E400 ในสาย Gono และ EV-E801 ในสาย Oga

ศูนย์ Hachinohe

แก้
 
คิฮะ 40 ที่เคยใช้ในศูนย์ Hachinohe

มีการประจำการและใช้งานรถคิฮะ 40 และคิฮะ 48 จนถึงปี 2020 ซึ่งถูกใช้งานในสาย

  • สาย Ominato ถูกใช้งานเฉพาะช่วงเทศกาลจนถึงปี 2014
  • สาย Hachinohe ในอดีตเคยใช้งานสำหรับรถธรรมดาทุกขบวนในสายก่อนถูกปลดระวางทั้งหมดในปี 2018 หลังการประจำการของคิฮะ E130


ศูนย์ Kogata

แก้

มีการประจำการและใช้งานรถคิฮะ 40 และคิฮะ 48 จนถึงปี 2015 ซึ่งถูกใช้งานในสาย

  • สาย Ishinomaki
  • สาย Rikuuto

ศูนย์รถโดยสารทั่วไป Koriyama แขวง Aizu-Wakamatsu

แก้
 
คิฮะ 40 ที่เคยวิ่งในสาย Tadami

มีการประจำการและใช้งานรถคิฮะ 40 และคิฮะ 48 จนถึงปี 2020 ซึ่งถูกใช้งานในสาย

  • สาย Ban’etsusai
  • สาย Tadami เนื่องจากเหตุการณ์ฝนตกหนักในปี 2011 จึงทำให้ส่วนของเส้นทางระหว่าง Aizu-Kawaguchi กับ Tadami ต้องปิดลงชั่วคราว ทำให้ในปี 2013 เส้นทางช่วง Koide - Tadami ถูกโอนให้ศูนย์ Niitsu รับผิดชอบการเดินรถแทน


การใช้งานในภูมิภาค Shinetsu

แก้

ศูนย์ Niigata

แก้

มีการประจำการและใช้งานรถคิฮะ 40, คิฮะ 47 และคิฮะ 48 จนถึงปี 2020 เป็นแขวงการเดินรถเดียวของ JR East ที่ใช้งานคิฮะ 47 โดยรถในศูนย์นี้เคยถูกใช้งานในสายดังต่อไปนี้

  • สายหลัก Uetsu
  • สายหลัก Shinetsu
  • สาย Ban’etsusai
  • สาย Tadami (ช่วง Koide - Tadami ตั้งแต่ปี 2013)
  • สาย Yonesaka (จนถึงปี 2009)

รถคิฮะ 40 ของศูนย์ Niitsu เริ่มถูกแทนที่ด้วยรถ GV-E400 ในปี 2019 ทำให้คิฮะ 40 ถูกปลดระวางทั้งหมดในปี 2020

Joyful Train

แก้

ปัจจุบัน JR East ไม่มีคิฮะ 40 ให้บริการเป็นรถโดยสารธรรมดาแล้ว เหลือเพียงรถนำเที่ยวหรือ “Joyful Train” จำนวน 3 ชุดได้แก่

  • Resort Shirakami ชุด Kumagera ใช้ทำขบวนนำเที่ยวในเส้นทางบริเวณ Akita
 
คิฮะ 48 Resort Shirakami
  • View Coaster Kazeko วิ่งตามกำหนดการ และมีการเปลี่ยนเส้นทางวิ่งตลอดปี
 
คิฮะ 48 View Coaster Kazeko
  • Echigo Shu*kura มีวิ่งบริการอยู่ 3 แบบคือ Koshino Shu*kura, Yuzawa Shu*kura และ Ryuto Shu*kura โดยจะสลับการวิ่งตามกำหนดการ
 
คิฮะ 40 Echigo Shu*kura

JR Central

แก้
 
คิฮะ 40 ของ JR Central

JR Central ได้รับรถมาเป็นจำนวน 59 คันแบ่งเป็นคิฮะ 40 14 คัน (รุ่น 500 2 และรุ่น 2000 12 คัน), คิฮะ 47 5คัน (รุ่น 0 2 คัน และรุ่น 1000 3 คัน) และคิฮะ 48 40 คัน(รุ่น 0 3 คัน, รุ่น 500 13 คัน, รุ่น1000 2 คัน และรุ่น 1500 17 คัน) มีเทสการติดตั้งเครื่องปรับอากาศในปี 1988 ก่อนที่จะทยอยติดตั้งเครื่องปรับอากาศใต้ท้องรถรุ่น AU27 และ AU28 ในปี 1990 และติดตั้งครบในปี 1991 และมีการทำสีรถเป็นลาย JR Central ในช่วงเวลาเดียวกัน

คิฮะ 40 ของ JR Central เคยถูกประจำการไว้ที่ศูนย์ Mino-Ota และศูนย์ Ise เพื่อใช้งานในสายหลัก Takayama และสายหลัก Kisei ก่อนที่จะถูกแทนที่โดย คิฮะ 75 และถูกปลดระวางทั้งหมดในปี 2016

JR West ได้รับรถมาเป็นจำนวน 257 คันซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดที่บริษัท JR ได้รับ โดยแบ่งเป็นคิฮะ 40 63 คัน(รุ่น 2000 ทั้งหมด), คิฮะ 47 189 คัน (รุ่น 0 108 คัน, รุ่น 500 3 คัน, รุ่น 1000 75 คัน และรุ่น 1500 3 คัน) และคิฮะ 48 5 คัน(รุ่น 0 3 คัน และรุ่น1000 2 คัน) ในปัจจุบันยังมีการใช้งานเป็นจำนวน 252 คันซึ่งเป็นจำนวนรถคิฮะ 40 ของบริษัท JR ที่ยังคงใช้งานมากที่สุด และยังไม่มีแผนที่จะปลดระวางรถรุ่นนี้ด้วย ยังคงทำหน้าที่สำคัญในการขนส่งผู้โดยสารร่วมกับคิฮะ 120 ในเส้นทางที่ไม่มีการติดตั้งระบบสายส่งไฟฟ้าในภูมิภาค Hokuriku และภูมิภาค Chugoku เนื่องจากจำนวนรถที่เยอะ และลวดลายที่มีหลากหลาย ในปี 2009 เพื่อเป็นการเพิ่มความเรียบง่ายในการทำสี จึงมีการเปลี่ยนมาทำสีมาตรฐานคือ สีแดงชาดหมายเลข 5 (Shutoken Color) ซึ่งเป็นสีรถที่เคยใช้ในสมัยการรถไฟญี่ปุ่น

การเปลี่ยนเครื่องยนต์

แก้

ระหว่างปี 1994 ถึงปี 2000เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง โดยเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ โคมัตสุ SA6D125H-1A หรือ SA6D125HE-1 โดยภายหลังมีกำลังส่งออกถึง 355 PS แต่คิฮะ 40 ที่ถูกประจำการที่ศูนย์ Okayama บางส่วนยังถูกจำกัดแรงส่งออกไว้ที่ 265 PS

โครงการปรับปรุงสภาพ

แก้

คิฮะ 40 ทั้งหมดของ JR West ได้รับการปรับปรุงสภาพทางโครงสร้างใหม่ (โครงการยืดอายุรถ 40N) เช่นเดียวกับ รุ่น 103 และรุ่น 113 โดยมีการเสริมโครงสร้างของตัวรถ, การเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ผุพังของตัวรถ, เปลี่ยนหน้าต่าง เปลี่ยนระบบการเปิด-ปิดประตู และเปลี่ยนระบบปรับอากาศเป็นรุ่น WAU201 และติดตั้งบนหลังคา

การใช้งานในภูมิภาค Hokuriku

แก้
  • สาย Johana
  • สาย Himi
  • สาย Ainokaze Toyama Railway (ช่วง Takaoka - Toyama)
 
คิฮะ 40 สาย Himi กำลังผ่าน Ameharashi

การใช้งานในภูมิภาค Kansai และ Chugoku

แก้
  • สายหลัก San’in
  • สายหลัก Sanyo
  • สาย Bantan
  • สาย Kishin
  • สาย Tsuyama
  • สาย Momotaro
  • สาย Kibi
  • สาย Sakai
  • สาย Geibi
  • สาย Gantoku
  • สาย Yamaguchi

ในส่วนของรถที่ประจำการในบริเวณ Okayama จะมีการเปลี่ยนไฟหน้ารถเป็นหลอดไฟชนิด LED

 
คิฮะ 40 ที่ใช้งานในบริเวณ Okayama

คิฮะ 41

แก้

เนื่องจากคิฮะ 47 เป็นรถดีเซลรางมีห้องขับฝั่งเดียว จึงมีการดัดแปลงคิฮะ 47 1000 จำนวน 5 คันให้มีห้องขับสองฝั่งโดยใช้ทะเบียนคิฮะ 41 2001 ถึง 2005 และถูกนำไปประจำการในสาย Bantan

 
คิฮะ 41 ฝั่งห้องขับที่ถูกสร้างขึ้นที่หลัง

Joyful Trains

แก้

จากจำนวนรถที่มีประจำการเยอะ และมีโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวของแต่ละพื้นที่ในภูมิภาค Hokuriku และ Chugoku จึงมีรถนำเที่ยวจำนวนมากที่ยังให้บริการอยู่


JR Shikoku

แก้

JR Shikoku ได้รับรถมาเป็นจำนวน 53 คัน โดยแบ่งเป็นคิฮะ 40 11 คัน (รุ่น 2000 ทั้งหมด) และคิฮะ 47 42 คัน (รุ่น 0 19 คัน, รุ่น 500 5 คัน, รุ่น 1000 13 คัน และรุ่น 1500 5 คัน) ทาง JR Shikoku ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ แต่มีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศรุ่น FTUR-300 จำนวน 2 ตัวไว้บนหลังคาในปี 1988 ต่อมาในปี 1989 มีการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการทำขบวนแบบวันแมนได้ คิฮะ 40 ในอดีตมีประจำการอยู่ที่ ศูนย์ Matsuyama และ Tokushima แต่ในปี 2016 มีการย้ายรถจากศูนย์ Matsuyama ไปศูนย์ Tokushima ทั้งหมด และในปัจจุบัน JR Shikoku มีรถประจำการอยู่ 20 คันซึ่งประจำการอยู่ที่ศูนย์ Tokushima เพื่อวิ่งในช่วงเร่งด่วนเช้า-เย็นในสายดังนี้

  • สาย Kotoku
  • สาย Naruto
  • สาย Mugi
  • สาย Tokushima
 
คิฮะ 47 ลาย JR Shikoku

JR Shikoku มีแผนที่จะทดแทนคิฮะ 40 ตั้งแต่ปี 2025 จนสามารถปลดระวางทั้งหมดในปี 2030

JR Kyushu

แก้

JR Kyushu ได้รับรถมาเป็นจำนวน 142 คัน โดยแบ่งเป็นคิฮะ 40 36 คัน (รุ่น 2000 ทั้งหมด) และคิฮะ 47 106 คัน (รุ่น 0 61 คัน, รุ่น 500 2 คัน, รุ่น 1000 41 คัน และรุ่น 1500 2 คัน) รถบางส่วนที่ไม่ได้มีการปรับปรุงใหม่เริ่มถูกปลดระวางในปี 2019 ในปี 2023 JR kyushu มีคิฮะ40 ในบัญชีอยู่ 106 คัน

การติดตั้งเครื่องปรับอากาศ

แก้

คิฮะ 40 ที่ใช้งานในเกาะคิวชู เป็นรถกลุ่มแรกที่ได้มีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศมีการติดตั้งตั้งสมัยการรถไฟญี่ปุ่น โดยมีติดตั้งเครื่องปรับอากาศรุ่น AU34 ไว้ใต้รถ และต่อมาในมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ AU600K ไว้บนหลังคาแต่ต่อมาถูกถอดออก

 
คิฮะ 40 ที่ใช้งานบนเกาะคิวชู

การใช้งาน

แก้

ศูนย์รถโดยสาร Nogata

แก้
  • สาย Hitahikosan
  • สาย Gotoji
  • สายหลัก Chikuho
  • สายหลัก Nippo

ศูนย์รถโดยสาร Karatsu

แก้

รถคิฮะ 40 ที่ใช้งานในบริเวณ Karatsu มักจะมีการพ่วงรวมกับคิฮะ 125 และใช้งานในสาย

  • สายหลัก Nagasaki
  • สาย Karatsu
  • สาย Chikuhi

ศูนย์รถโดยสาร Kagoshima

แก้
  • สายหลัก Kagoshima
  • สายหลัก Nippo
  • สาย Hisatsu
  • สาย Ibusuki Makurazaki
  • สาย Kitto

ศูนย์รถโดยสาร Miyazaki

แก้
  • สายหลัก Nippo
  • สาย Kito
  • สาย Nichinan

นอกเหนือจากกลุ่ม JR

แก้

บริษัทเอกชนในญี่ปุ่น

แก้

หลังจากการใช้งานในกลุ่ม JR แล้วมีการส่งรถคิฮะ 40 ต่อเป็นรถมือสองให้กับบริษัทเอกชนด้วย

  • Aizu Railwayได้รับมอบคิฮะ 40 หมายเลข 511 ในปี 2002 เพื่อมาดัดแปลงเป็นรถนำเที่ยว
  • South Hokkaido Railway เป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นนมาเพื่อทดแทน JR Hokkaido ที่ยุติการเดินรถในเส้นทางหลังการเปิด Hokkaido Shinkansen ในปี 2016 โดยได้รับมอบคิฮะ 40 1700 จำนวน 9 คัน
  • Nishigawa Railway ได้ซื้อคิฮะ 40 หมายเลข 1009 มาใช้งานต่อในปี 2017 หลังการปลดระวางจาก JR East ปีเดียวกัน
  • Kominato Railway ได้จัดซื้อคิฮะ40 จำนวน 2 คันในปี 2020 ที่เคยใช้วิ่งในสาย Tadami เพื่อทดแทนคิฮะ 200 ที่มีอายุใช้การมาก ในปี 2021 ได้จัดซื้อเพิ่มอีก 3 คันจากศูนย์ Akita
 
คิฮะ 40 2 ที่ใช้งานในสาย Kominato Railway
  • Hojo Railway ในปี 2021 ได้ระดมทุนจัดซื้อคิฮะ 40 หมายเลข 535 จากศูนย์ Akita เมื่อได้รับมอบรถมาแล้ว มีการดัดแปลงรถให้สามารถใช้งานในเส้นทางได้เช่น การติดกระจกมองหลัง
 
คิฮะ 40 535 ที่ใช้งานในสาย Hojo Railway

การรถไฟเมียนมาร์

แก้

การรถไฟเมียนมาร์ได้รับมอบคิฮะ 40 จาก JR Hokkaido, JR East, JR Central และ JR Shikoku

 
อดีตคิฮะ 40 ของ JR Central ที่ใช้งานในกรุงย่างกุ้ง

การรถไฟแห่งประเทศไทย

แก้

เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้านจำนวนรถไฟไม่พอใช้งาน ด้วยความร่วมมือระหว่าง การรถไฟแห่งประเทศไทย และบริษัท JR East จึงมีการนำเข้าคิฮะ 40 และ คิฮะ 48 รวมจำนวน 20 คันซึ่งเคยประจำการที่ศูนย์ Minami Akita เพื่อใช้งานในสาย Gono และ สาย Oga ก่อนถูกปลดระวางในเดือนมีนาคมปี 2021 โดยมีการส่งมอบเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2024[5] และได้ออกเดินทางสู่ประเทศไทยโดยขนส่งทางเรือเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2024

ตารางรายละเอียดของคิฮะ 40 และคิฮะ 48 ที่รฟท.ได้รับมอบ
รุ่น หมายเลข สีรถ การจัดวางที่นั่ง ห้องน้ำ เครื่องยนต์ เครื่องปรับอากาศ หมายเหตุ
คิฮะ 40 521 Gono แนวขวาง มี DMF14HZC AU26J-A
คิฮะ 40 522 ลายย้อนยุค “Shutoken” แนวขวาง มี DMF14HZC AU26J-A
คิฮะ 40 528 Gono แนวขวาง มี DMF14HZ AU26J-A
คิฮะ 40 532 Gono แนวขวาง มี DMF14HZ AU26J-A
คิฮะ 40 536 Oga แนวยาว มี DMF15HAZ AU34 ติดใต้ท้องรถ
คิฮะ 40 543 Oga แนวขวาง มี DMF14HZ AU26J-A
คิฮะ 40 544 Oga แนวยาว มี DMF15HAZ AU34 ติดใต้ท้องรถ
คิฮะ 40 547 Oga แนวขวาง มี DMF14HZ AU26J-A
คิฮะ 40 575 Oga แนวขวาง มี DMF14HZC AU26J-A
คิฮะ 48 515 Gono แนวขวาง มี DMF14HZC AU26J-A
คิฮะ 48 516 Gono แนวขวาง มี DMF14HZC AU26J-A
คิฮะ 48 518 Gono แนวขวาง มี DMF14HZ AU26J-A
คิฮะ 48 520 Gono แนวขวาง มี DMF14HZC AU26J-A
คิฮะ 48 522 Oga แนวขวาง มี DMF14HZ AU26J-A
คิฮะ 48 537 Oga แนวขวาง มี DMF14HZ AU26J-A
คิฮะ 48 544 ลายย้อนยุค “Shutoken” แนวขวาง มี DMF14HZ AU26J-A
คิฮะ 48 1507 Oga แนวขวาง ไม่มี DMF14HZ AU26J-A
คิฮะ 48 1509 Gono แนวขวาง ไม่มี DMF14HZC AU26J-A
คิฮะ 48 1540 Gono แนวขวาง ไม่มี DMF14HZC AU26J-A
คิฮะ 48 1550 Gono แนวขวาง มี DMF14HZ AU26J-A

อ้างอิง

แก้
  1. "キハ48形0番代". itreni.net. ITRENI. May 19, 2024. สืบค้นเมื่อ May 19, 2024.
  2. "キハ40形、25年3月定期運行廃止 JR北海道 ローカル線の「顔」". www.hokkaido-np.co.jp/. 桜井翼. November 24, 2023. สืบค้นเมื่อ May 19, 2024.
  3. "徳島の国鉄型キハ40、47形が廃止へ 次世代ディーゼル車は電気式". asahi.com. 福家司. December 12, 2022. สืบค้นเมื่อ May 19, 2024.
  4. "キハ40形、25年3月定期運行廃止 JR北海道 ローカル線の「顔」". www.hokkaido-np.co.jp/. 桜井翼. November 24, 2023. สืบค้นเมื่อ May 19, 2024.
  5. "タイ国鉄へ中古車両の譲渡を行いました" (PDF). www.jreast.co.jp/. JR東日本. April 3, 2024. สืบค้นเมื่อ May 19, 2024.