ความสัมพันธ์ติมอร์-เลสเต–ฟิลิปปินส์
ความสัมพันธ์ติมอร์-เลสเต–ฟิลิปปินส์ หมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระหว่างประเทศติมอร์-เลสเต กับประเทศฟิลิปปินส์ โดยฟิลิปปินส์มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในติมอร์-เลสเต ระหว่างการก้าวไปสู่เอกราช ครั้นเมื่อหลายประเทศยอมรับอำนาจอธิปไตยของติมอร์-เลสเต ฟิลิปปินส์จึงเริ่มความสัมพันธ์ทางการฑูตอย่างเป็นทางการระหว่างรัฐบาลทั้งสองด้วยการจัดตั้งสถานทูตในดิลี และติมอร์-เลสเต ได้จัดตั้งสถานทูตในปาซิก
ติมอร์-เลสเต |
ฟิลิปปินส์ |
อาณาจักรก่อนอาณานิคมอย่างฟิลิปปินส์และติมอร์-เลสเต มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันอยู่ก่อนที่มหาอำนาจไอบีเรียจะเข้ามาตั้งอาณานิคมในพื้นที่เหล่านี้ ระหว่างการเดินทางของมาเจลลันเมื่อเรือของเขาทอดสมอที่ติมอร์-เลสเต พวกเขาพบว่ากลุ่มลูโซนส์ (ชาวเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์) ตั้งถิ่นฐานในติมอร์-เลสเต และแลกเปลี่ยนทองคำของฟิลิปปินส์สำหรับไม้จันทน์ของติมอร์-เลสเต[1]
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฟิลิปปินส์ยังคงรักษาความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับประเทศเอกราชที่เพิ่งเกิดใหม่โดยส่งเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพไปยังประเทศดังกล่าวมาตั้งแต่ ค.ศ. 1999[ต้องการอ้างอิง] ท่ามกลางการต่อสู้เพื่อเอกราชจากประเทศอินโดนีเซีย ทั้งนี้ ทั้งสองประเทศถูกยึดครองโดยมหาอำนาจไอบีเรีย ซึ่งส่วนใหญ่โดยสเปนและโปรตุเกสในคริสต์ศตวรรษที่ 16 และต่อมาโดยมหาอำนาจที่เกิดขึ้นใหม่ โดยส่วนใหญ่โดยสหรัฐและอินโดนีเซียในคริสต์ศตวรรษที่ 20
ความสัมพันธ์
แก้ใน ค.ศ. 2008 ประเทศติมอร์-เลสเต และฟิลิปปินส์ได้ลงนามในข้อตกลงสามฉบับเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการเดินเรือและการประมง, การศึกษา รวมถึงการฝึกอบรมการบริการต่างประเทศ ซึ่งอดีตประธานาธิบดี กลอเรีย มาคาปากัล-อาร์โรโย ของฟิลิปปินส์ และอดีตประธานาธิบดี ฌูแซ รามุช-ออร์ตา ของติมอร์-เลสเต ได้เป็นพยานในการลงนามในข้อตกลงระหว่างการประชุมทวิภาคี ฟิลิปปินส์ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มการค้าและการแลกเปลี่ยนกับติมอร์-เลสเต รวมทั้งยังพยายามปลูกฝังการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการศึกษาเช่นกัน[2] กระทั่งใน ค.ศ. 2010 เมื่อประธานาธิบดี เบนิกโน อากีโนที่ 3 ที่ได้รับเลือกใหม่สาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดี ฌูแซ รามุช-ออร์ตา ของติมอร์-เลสเต ได้คาดหวังว่าความสัมพันธ์ทางการค้าและการทูตกับฟิลิปปินส์จะแข็งแกร่งขึ้นภายใต้การบริหารของเขา[3] ส่วนฌูแซ ลูอิช กูแตรึช รัฐมนตรีต่างประเทศของติมอร์-เลสเต ได้จัดการเจรจาทวิภาคีกับอัลเบิร์ต เดล โรซาริโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ และเข้าพบประธานาธิบดี เบนิกโน อากีโนที่ 3 ระหว่างที่เขาอยู่ในมะนิลา
ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสองประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกในทวีปเอเชีย เป็นกระบอกเสียงที่แข็งแกร่งที่สุดในอาเซียนสำหรับการเชื้อเชิญติมอร์-เลสเต เป็นสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้[4] ซึ่งชาวฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่รับรู้ถึงการตอบสนองที่ดีต่อประเทศติมอร์-เลสเต และสนับสนุนการภาคยานุวัติของติมอร์-เลสเต ในการเข้าร่วมสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นับตั้งแต่มีการสมัคร
ความช่วยเหลือทางการทหาร
แก้ฟิลิปปินส์เสนอที่จะช่วยเหลือกองทัพติมอร์-เลสเต ในการปรับปรุงขีดความสามารถผ่านการศึกษาและการฝึกอบรมผ่านความช่วยเหลือจากกองทัพฟิลิปปินส์ ซึ่งพันเอก อาร์นุลโฟ มาร์เซโล บูร์โกส โฆษกกองทัพฟิลิปปินส์กล่าวว่า:
"เนื่องจากติมอร์ติมอร์-เลสเต เป็นประเทศอายุน้อยที่มีกองกำลังป้องกันที่จัดตั้งขึ้นใหม่ กองทัพฟิลิปปินส์จึงเสนอความช่วยเหลือในการสร้างขีดความสามารถทางการทหาร"[5]
อ้างอิง
แก้- ↑ The Mediterranean Connection By William Henry Scott (Published in "Philippine Studies" ran by Ateneo de Manila University Press)
- ↑ "Philippines, East Timor sign three agreements to boost relations". TopNews.In. สืบค้นเมื่อ August 12, 2008.
- ↑ "Stronger trade, diplomatic relations seen between East Timor, Philippines". GMA News Online. สืบค้นเมื่อ July 1, 2010.
- ↑ "Philippines, Timor-Leste affirm strong relations; 3 pacts inked". Sun Star. SDR/Sunnex. 6 June 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 August 2016. สืบค้นเมื่อ 3 November 2015.
- ↑ "AFP offers to help East Timor". Malaya Business Insight. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 30, 2012. สืบค้นเมื่อ July 26, 2012.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ติมอร์-เลสเต–ฟิลิปปินส์
- William Branigin (June 1, 1994). "Philippines Fails to Stop E. Timor Meeting". The Washington Post.
- Inday Espina-Varona (24 June 2022). "Filipino honored for role in East Timor's independence struggle recalls close calls". Rappler.