การแช่น้ำยา หมายถึง การแช่ร่างกายลงในน้ำที่ผสมด้วยสารที่ให้ผลในการรักษาหรือบำบัดอาอาการต่างๆ เช่น เกลืองแกง กำมะถัน ผงมัสตาร์ด สารสกัดที่ทำให้เกิดฟอง สารสกัดจากต้นสน สารละลายด่าง สาหร่ายทะเล และยาปฏิชีวนะบางชนิด การแช่ตัวในน้ำยาจะให้ผลดีในการบำบัดรักษาอาการระคายเคือง และลดการติดเชื้อของผิวหนัง และยังมีผลช่วยเพิ่มแรงพยุงตัวในน้ำให้เราอีกด้วย การอาบน้ำยามีด้วยกันหลายแบบ เช่น

แช่น้ำเกลือ แก้

โดยปกติแล้วน้ำทะเลมีผลในการรักษาโรคต่างๆ ได้ แต่หาไม่สะดวกที่จะไปทะเล เราก็สามารถนำน้ำทะเลเทียม (น้ำเกลือ) ขึ้นโดยการเติมเกลือแกง 2-3 กิโลกรัม ลงในน้ำอุ่น 1 อ่างอาบน้ำ อุณหภูมิของน้ำควรจะอยู่ระหว่าง 90-105 องศาฟาเรนไฮต์ (32-41 องศาเซลเซียส) หรือสูงเท่าที่ร่างกายจะทนได้ น้ำเกลือจะช่วยกระตุ้นผิวหนังและขับเหงื่อ หลังการแช่น้ำเกลือควรใช้ผ้าห่มคลุมตัวเพื่อให้เหงื่อยังคงออกต่อไป นอกจากนี้น้ำเกลือยังนำมาใช้รักษาโรคผิวหนังและโรคข้อเสื่อมได้อีกด้วย

แช่น้ำกำมะถัน แก้

วินี้เราจะใช้สารโพแทชที่มีกำมะถันผสมอยู่ลงไป 150-200 กรัม ต่อน้ำ 1 อ่าง อุณหภูมิของน้ำควรอยู่ประมาณ 90-102 องศาฟาเรนไฮต์ (32-39 องศาเซลเซียส) น้ำในอ่างกำมะถันเหมาะจะนำมาใช้แช่ร่างกายราว 10-20 นาที เพื่อรักษาอาการติดเชื้อที่ผิวหนัง สิว ผิวหนังมีปรสิตบางประเภทอาศัยอยู่ รวมถึงฝีบางประเภท

แช่น้ำมัสตาร์ด แก้

น้ำในอ่างแช่แบบนี้จะมีส่วนผสมจากผงมัสตาร์ด 850-900 กรัม น้ำที่จะใช้ผสมควรมีอุณหภูมิราว 96-100 องศาฟาเรนไฮต์ (36-38 องศาเซลเซียส) น้ำมัสตาร์ดเหมาะสำหรับการแช่ตัวเป็นวลา 10-15 นาที น้ำมันในมัสตาร์ดมาเลี้ยงผิวมากขึ้น เท่ากับเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบำบัดรักษาให้เหนือกว่าการจุ่มน้ำธรรมดา

การบำบัดด้วยสปา แก้

โดยความหมายที่แท้จริง สปา หมายถึงสถานพักผ่อนที่มีน้ำพุธรรมชาติที่มีสารเคมีซึ่งมีผลในการบำบัดรักษาโรค แต่น้ำพุธรรมชาติทุกแห่งไม่สามารถจะใช้เป็นสปาได้ เพราะน้ำที่เหมาะสมสำหรับการบำบัดแบบสปาจะต้องมีปริมาณแร่ธาตุสูงเมื่อเทียบกับน้ำทั่วไป หรือต้องมีอุณหภูมิสูงกว่า 20 องศาเซลเซียส ในการบำบัดรักษาโรคด้วยสปา จะต้องพิจารณาถึงแร่ธาตุที่มีอยู่ด้วย ในน้ำแต่ละแหล่งว่าเหมาะที่จะนำมาใช้รักษาโรคชนิดใด